361-365

บทที่ 361

สิ่งมีชีวิตในทะเลต้องห้ามที่ถูกสังหารทั้งหมดฟื้นคืนชีพ ค่ายกลสะท้านโลกันตร์รวมพลังทั้งหมดในทะเลต้องห้าม ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แม้แต่เทียนตี้ก็ยังต้องหวาดหวั่น

แต่สีหน้าของหลิงอินไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย นางยังสงบเยือกเย็นเช่นเดิม


‘หากข้าจะกังวลสักครั้ง ล้วนแต่เพราะท่านเซียน!’

นางยืนนิ่งอยู่ที่เดิมพลางเอ่ยขึ้นในใจ

สิ่งมีชีวิตทรงพลังในทะเลต้องห้ามระเบิดพลังออกมา พลังชั่วร้ายอันน่าสะพรึงพุ่งตรงมาที่หญิงสาวหมายสังหาร!


ทว่าพลังโจมตีของมันทำอะไรหลิงอินไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

คลื่นกฎมหาเต๋าแห่งสวรรค์และโลกไหลเวียนรอบร่างหลิงอิน สกัดกั้นพลังทั้งหมดที่โจมตีนางในทันที

นางไม่ได้กระพริบตาแม้แต่น้อย

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ค่ายกลสะท้านโลกันตร์เริ่มการโจมตี รวมพลังต้องห้ามกลายเป็นลำแสงขนาดใหญ่น่าสะพรึง โจมตีหลิงอินราวกับห่าฝนดาวตก

“ถึงขนาดนี้น่าจะรับมือไม่ได้แล้ว!”


“เทียนตี้ถูกโจมตีเช่นนี้ สุดท้ายแรงโจมตีก็จะตก ไม่นานก็ตายไปในที่สุด!”


สิ่งมีชีวิตทะเลเอ่ยขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้

ถ้าหลิงอินยังสามารถจัดการได้อีกครั้ง นี่มันก็วิปริตเกินไปแล้วจริง ๆ!

ในอีกด้านหนึ่ง จ้าวสมุทรจ้องไปที่หลิงอินอย่างเอาเป็นเอาตาย


นี่เรียกได้ว่าเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของทะเลต้องห้าม หากยังไม่สามารถทำอะไรหลิงอินได้ มันเองก็จนปัญญาแล้วจริง ๆ!

ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

เสียงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวดังกึกก้อง ค่ายกลสะท้านโลกันตร์ระเบิด ร่วงหล่นลงมาจากท้องนภา ความว่างเปล่าเองก็ระเบิดอย่างต่อเนื่อง ต้านพลังเอาไว้ไม่ไหว

แต่เมื่อพลังโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าใส่หลิงอิน ฉากเดิมก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง หลิงอินไม่เป็นอะไรเลย


กฎแห่งมหาเต๋าสวรรค์และโลกลบล้างทุกสรรพสิ่ง!

“ข้าต้องกินอาจมจริงหรือ?”

จ้าวสมุทรตกตะลึงพลางเอ่ยพึมพำ

แต่แล้วหลังจากนั้นมันกลับเอ่ยว่า “ถุย ข้ากินอาจมอะไรที่ไหน ข้าไม่เคยพูดเช่นนั้นมาก่อน!”

“ช่างโจมตีได้น่าผิดหวัง ต่อไปเป็นตาข้า!”


หลิงอินหัวเราะเยาะ หยิบคันศรเตรียมยิงสังหารสิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้าม

นางไม่ได้คิดจะสังหารสิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามระดับตี้จวิน แต่คิดจะสังหารสิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามเก้าตนที่ต่อสู้กับนางก่อนหน้านี้

หยกคุ้มภัยผสานกับกฎแห่งมหาเต๋าสวรรค์และโลกทำเพียงปกป้องนางเท่านั้น นางไม่สามารถใช้ประโยชน์กฎแห่งมหาเต๋าสวรรค์และโลกตามใจชอบ


พลังที่นางมีในตอนนี้ไม่สามารถยิงสังหารสิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามตี้จวินระดับนี้ได้ นางเองก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี

ดังนั้นนางจึงไม่ยิงสิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามระดับตี้จวิน นางยิงสังหารสิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามเก้าตนที่อยู่ต่ำกว่าตี้จวินทันที

“ช่วยพวกเราด้วย!”

ศรอาบแสงพุ่งเข้ามาใกล้ สิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามเก้าตนหวาดกลัวจนวิญญาณแทบออกจากร่าง

พวกมันเพิ่งต่อสู้กับหลิงอิน สูญเสียพลังไปมาก ตอนนี้เหลือพลังอีกไม่มากแล้ว ไม่อาจหยุดศรอาบแสงเหล่านี้ได้


พวกมันไม่กล้าแม้แต่จะลังเล รีบวิ่งไปหาผู้แข็งแกร่งระดับตี้จวิน หวังผู้แข็งแกร่งระดับตี้จวินเหล่านั้นจะช่วยพวกเขาได้

“หลบ!”

“ออกไป!”

ผู้แข็งแกร่งระดับตี้จวินเหล่านี้ไหนเลยจะกล้ารับแรงโจมตี พวกมันแต่ละตนได้แต่รีบหนี กลัวชีวิตตนเองจะหาไม่


ตลก พวกมันกล้ารับแรงโจมตีได้อย่างไร

คลื่นกฎแห่งสวรรค์และโลกที่ไหลวนรอบกายหลิงอิน แม้แต่ค่ายกลสะท้านโลกันตร์ต้านไม่ได้ กฎแห่งสวรรค์และโลกชนิดนี้ไม่เลือกโจมตี พวกมันสู้ไปก็ไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายหรือ?

พวกเขาไม่รู้หลิงอินใช้พลังกฎแห่งสวรรค์และโลกตามใจชอบไม่ได้

ปัง! ปัง! ปัง!

เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ศรอาบแสงปักสิ่งมีชีวิตทะเลต้องห้ามเก้าตน จบชีวิตพวกมันทันที

“อ๊ากก!”

ในอีกด้านหนึ่ง ดวงตาของจ้าวสมุทรแทบจะพ่นไฟ อวัยวะภายในคล้ายจะระเบิด

พวกในทะเลต้องห้ามมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?

ถูกสังหารตามอำเภอใจในอาณาเขตของตัวเอง!

ถึงจะโกรธจัด มันกลับเหาะหนีอย่างรวดเร็วไม่กล้าโผล่หัวออกมาอีก

ค่ายกลสะท้านโลกันตร์ทำอะไรหลิงอินไม่ได้ มันจะกล้าโผล่หน้าออกมาได้อย่างไร?

นั่นไม่ใช่เท่ากับว่ารนหาที่ตายหรอกหรือ!

“นี่ก็เป็นสมบัติวิเศษใช่หรือไม่!?”

หลังจากกลับมาถึงตำหนัก จ้าวสมุทรก็ตกตะลึง

นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว ค่ายกลสะท้านโลกันตร์ใช้ไม่ได้ผลด้วยซ้ำ!

ไม่เคยคิดว่าจะเป็นเช่นนี้มาก่อน!

“จ้าวสมุทรของเจ้ายังไม่ออกมาหรือ?”

สีหน้าหลิงอินยังคงเฉยเมย นางกล่าวว่า “หากไม่ออกมาอีก พวกเจ้าก็เตรียมตัวย้ายบ้านได้”

นางยิงคันศรหลายดอก ทำลายตำแหน่งแห่งหนึ่งบนเกาะ ไม่มีใครกล้าหยุดนางเพราะกลัวจะประสบภัยพิบัติ

ในห้องโถงขนาดใหญ่ ในใจจ้าวสมุทรเต็มไปด้วยความอัดอึ้ง

กลัดกลุ้มใจจะบ้าตาย!

กลัดกลุ้มใจเหลือเกิน!

อาณาเขตของมันเอง แต่มันหวาดกลัวเกินกว่าจะโผล่หัวออกไป ไม่ต้องกล่าวเลยว่ามันทุกข์ใจเพียงใด


“อดทน! ถ้าทนไม่ได้ก็ตาย!”

มันขบกรามกรอด ไม่คิดจะออกไป

แต่หลังจากนั้นผ่านไปสักพัก มันก็ไม่รั้งอยู่ต่ออีก!

หลิงอินทำลายเส้นทางส่วนลึก!

“แม่นางหยุดมือ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

มันบินออกมาจากโถงใหญ่พร้อมใบหน้าฉาบรอยยิ้ม

สถานที่ส่วนลึกมีความสำคัญอย่างยิ่ง จะหายไปไม่ได้!

มันสาปแช่งอยู่ในใจ คิดไม่ถึงว่าแม้แต่สถานที่ส่วนลึก หลิงอินก็คิดจะทำลาย

จี้หยกของหลิงอินน่าทึ่งสะเทือนสวรรค์จริง ๆ!

สถานที่ส่วนลึกนั้นไม่ใช่สถานที่สามัญ ในนั้นผนึกสิ่งของสำคัญเอาไว้อยู่ มีพลังอาณาจักรคอยปกป้อง ทว่าหลังหลิงอินก้าวเข้ามา พลังป้องกันก็พังทลายลงในทันใด!

ดีนัก!

จริง ๆ แล้วพวกมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้ พวกมันมาจากโลกโบราณแห่งหนึ่ง ลงมาอาศัยที่อาณาจักรแห่งนี้นานแล้ว

ในส่วนลึกมีบรรพชนโบราณของพวกมันหลับใหลอยู่ในนั้น รวมถึงเส้นทางเชื่อมกับโลกโบราณ จะเสียหายก็ต้องมีผลร้ายแรงตามมา

สถานการณ์ของดินแดนต้องห้ามอีกแปดแห่งนั้นเหมือนกับทะเลต้องห้าม นอกจากนี้ พวกมันต่างไม่ใช่สิ่งมีชีวิตของอาณาจักรนี้แต่มาจากโลกโบราณภายนอก

สำหรับสถานที่แห่งนั้น พวกมันใช้เวลายาวนานก่อเป็นรูปเป็นร่าง กุญแจสู่สถานที่แห่งนั้นก็อยู่ในเขตแดนแห่งนี้

จ้าวสมุทรไม่ต้องการแสดงตัว แต่มันไม่มีทางเลือก ส่วนลึกนั้นสำคัญเกินไป มันปล่อยให้หลิงอินทำลายไม่ได้

“เจ้าถามข้าว่าเกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?”

หลิงอินหัวเราะขบขัน จ้าวสมุทรผู้นี้ช่างเสแสร้งทำเป็นไม่รู้จริง ๆ

“เจ้าบอกว่าอยากเจอข้า ข้าก็มาแล้ว แต่คนของพวกเจ้าโจมตีข้าสารพัด หมายความว่าอย่างไร?”

หลิงอินมองจ้าวสมุทรพลางกล่าว

“เกิดเรื่องขึ้นขนาดนี้เชียวหรือ!?” จ้าวสมุทรโกรธพลางกล่าวต่อว่า “ท่านเป็นแขกผู้มีเกียรติที่ข้าเชิญเอง ข้าเตือนหลายครั้งแล้ว ห้ามละเลยท่านเด็ดขาด พวกมันกล้าดีอย่างไรมาปฏิบัติกับท่านเช่นนี้ สมควรถูกฆ่าจริง ๆ!”

จากนั้นมันก็เอ่ยอีกว่า “ขอโทษ ข้าขอโทษจริง ๆ ขอรับ ทั้งหมดนี้เป็นความผิดที่ข้ารีบไปบำเพ็ญ จนไม่ได้อธิบายให้พวกมันเข้าใจ!”

มันอธิบายว่ามันจำต้องไปบำเพ็ญ และเพราะรีบไปฝึกบำเพ็ญ มันก็เลยลืมอธิบายให้สิ่งมีชีวิตบนเกาะฟัง

เสแสร้ง!

ช่างแสดงเก่งจริง ๆ!

ไหนจะเรียกนางว่า 'ท่าน' อีก?

เป็นอย่างที่คิด ในโลกแห่งการฝึกตน ความแข็งแกร่งยังคงเป็นคำตอบสุดท้าย

หากไม่มีความแข็งแกร่ง จ้าวสมุทรจะมีท่าทีเช่นนี้ได้อย่างไร?

หลิงอินคิดในใจตน และไม่เชื่อคำพูดของจ้าวสมุทรแม้แต่น้อย

นางรู้ว่านั่นเป็นเพียงคำพูดจอมปลอม!
บทที่ 362

หลิงอินคร้านจะพูดอะไรกับจ้าวสมุทรไปมากกว่านี้


นางมองจ้าวสมุทรแล้วกล่าวออกมาเพียง “อย่างสร้างปัญญาอีก เข้าใจหรือไม่?”


การกำราบสำฤทธิ์ผลแล้ว


นางเข้ามาในทะเลต้องห้ามได้โดยไร้ผู้ใดสามารถหยุดยั้ง จ้าวสมุทรสามารถตระหนักได้ถึงจุดนี้เป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นคงไม่เรียกนางด้วยคำว่า ‘ท่าน’


ในเร็ว ๆ นี้ทะเลต้องห้ามจะไม่กล้ามายุ่งกับนางอีกแน่


นางต้องการจะถอนรากถอนโคน ไม่ให้เกิดปัญหาใดขึ้นอีกในอนาคต สุดท้ายแล้วหากทะเลต้องห้ามยังคงอยู่ก็อาจเกิดเรื่องได้เสมอในอนาคต


ทว่าในตอนนี้ นางยังไม่มีพลังเพียงพอที่จะทำลายทั้งทะเลต้องห้ามได้


หยกคุ้มภัยเพียงทำให้นางปลอดภัยไร้กังวล แต่ไม่ได้มอบพลังให้นางสามารถใช้งานกฎแห่งมหาเต๋าในหยกคุ้มภัยได้


แต่นางเองก็ไม่ได้กังวลใจมากนัก


ความเร็วในการเลื่อนขั้นของนางรวดเร็วมาก ใช้เวลาอีกเพียงไม่นาน ทะเลต้องห้ามก็ไม่อาจนับเป็นภัยคุกคามต่อตัวนางได้


ไม่ว่าทะเลต้องห้ามจะเรียนรู้บทเรียนในครั้งนี้หรือไม่ หากยังกล้ามาก่อเรื่องอีก ครั้งหน้านางจะทำลายทะเลต้องห้ามทิ้งเสีย!


ข่มขู่!


ตักเตือน!


นี่คือการข่มขู่และตักเตือนกันอย่างโต่ง ๆ!


จ้าวสมุทรกัดฟันด้วยความเกลียดชัง แต่ทว่ามันก็ไม่กล้าแสดงออกมา


มันในตอนนี้ไร้ซึ่งหนทางจะจัดการกับอีกฝ่าย


“ข้าไปแล้ว”


หลิงอินไม่รั้งอยู่ต่อ ออกจากทะเลต้องห้ามไปในทันที


หลังนางจากไปแล้ว สีหน้าของจ้าวสมุทรก็แปรเปลี่ยนเป็นดุดันยิ่ง


“แดนสังสารวัฏ คิดว่าพวกเจ้าทำเช่นนี้จะสามารถข่มขวัญทะเลต้องห้ามได้งั้นหรือ!?”


มันเอ่ยออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “คิดอะไรอยู่กัน! ทะเลต้องห้ามจะไม่มีวันปล่อยเรื่องนี้ไปแน่!”


หลังจากนั้นมันก็กลับเข้าไปในตำหนัก ใช้วิชาลับติดต่อบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับผู้แข็งแกร่งจากโลกโบราณ


โลกโบราณแห่งนั้นต่างหากที่เป็นฐานใหญ่ของพวกมัน!


พวกมันที่อยู่บนโลกใบนี้เป็นแค่เพียงทัพหน้าเท่านั้น


...


ณ แดงฮวง


อาณาจักรชางหยวน


ท่ามกลางดงเขา มีสิ่งปลูกสร้างโบราณขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในส่วนลึกอันเป็นที่ตั้งของลัทธิเจี๋ยเทียน


ทว่าแห่งนี้กลับปรากฏร่างของชายชราผู้หนึ่งขึ้น


“ได้ยินมาว่าดัชนีตัดสวรรค์ของลัทธิเทียนเจี๋ยนั้นมีอานุภาพอันไม่อาจคาดเดา ถึงขนาดสามารถตัดนภาได้ วันนี้ข้าอยากจะชมดูสักครา”


ชายชราเดินเข้าไปในลัทธิเทียนเจี๋ยแล้วค่อย ๆ เอ่ยออกมา


ผู้ใดกัน!?


วาจาช่างใหญ่โตนัก!


ดัชนีตัดสวรรค์เป็นเคล็ดวิชาที่สืบทอดมาจากมหาจักรพรรดิ ใช่สิ่งที่บอกอยากจะชมก็ชมได้หรือ?


หลังจากฟังที่ชายชราพูดแล้ว คนในลัทธิเทียนเจี๋ยก็พากันโมโห


“ข้าเองก็ไม่อยากลงมือเท่าไหร่นัก”


สีหน้าของชายชราเฉยเมย ขณะปลอปล่อยพลังปราณของตนออกมา


“มหา...จักรพรรดิ!”


“เจ้า...เจ้า...เจ้า!”


สมาชิกของลัทธิเจี๋ยเทียนต่างพากันหวาดกลัวจนแข็งขาสั่น นี่คือปราณของมหาจักรพรรดิ!


“ท่านคือบรรพชนตระกูลหาน!”


ผู้นำลัทธิเจี๋ยเทียนที่อยู่ที่นี่จำตัวตนของชายชราผู้นี้ได้


ในสมัยโบราณกาลมีมหาจักรพรรดิอยู่จำนวนไม่น้อย ในตอนแรกเขาจึงเพียงแค่รู้สึกคุ้นเคย หลังครุ่นคิดสักครู่ ในที่สุดก็จำชายชราได้


นี่คือมหาจักรพรรดิแห่งตระกูลหาน


แปลกจริง


มหาจักรพรรดิแห่งตระกูลหานผู้นั้นไม่ได้ตายไปตั้งแต่สมรภูมิครั้งใหญ่สมัยโบราณหรอกหรือ?


ในใจเขาเกิดความรู้สึกงงงวย เหตุใดมหาจักรพรรดิแห่งตระกูลหานยังคงมีชีวิตอยู่?


ถูกแล้ว ชายชราผู้นี้เป็นมหาจักพรรดิตระกูลหานที่รอดชีวิตมาจากสมรภูมิครั้งโบราณ


เรื่องราวทั้งหมดล้วนไม่อาจหวนคืนได้ ตระกูลหานได้ทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ เป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ไข ยอดนิกายอาจมาเยือนยังตระกูลหานเมื่อใดก็ได้


และยามที่ยอดนิกายมาเยือนตระกูลหาน นั่นย่อมหมายความว่าพวกเขาจะต้องสูญเสียอิสระภาพ ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของยอดนิกาย


ดังนั้นเขาจึงออกมาจากตระกูลหานแต่ไม่ได้ต้องการจะหลบหนี เพราะการหนีไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ จึงไม่จำเป็นต้องหนี


เขาออกมาจากตระกูลหานก็เพราะต้องการจะทำสิ่งที่เขาอยากทำก่อนจะสูญเสียอิสระภาพไป


ทว่าเมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็ยังกรุ่นโกรธเป็นอย่างมาก


จะไม่โกรธได้อย่างไร?


เมื่อถูกปลุกขึ้นมาก็ได้ยินว่าทั้งตระกูลหานกำลังจะต้องพบกับจุดจบอันน่าสังเวช!


“เร็วเข้า ความอดทนของข้ามีอยู่จำกัด อย่างบังคับให้ข้าต้องลงมือ!”


เมื่อนึกถึงเรื่องที่ทำให้เขาโกรธขึ้นมา เขาก็กล่าวขึ้นมากับผู้นำลัทธิเจี๋ยเทียนอย่างไร้ความอดทน


“ผู้อาวุโส โปรดอย่าบีบคั้นพวกเรามากเกินไป!”


ผู้นำลัทธิเจี๋ยเทียนเอ่ยออกมาอย่างไม่ประนีประนอม


เขาจะประนีประนอมได้อย่างไร?


ดัชนีตัดสวรรค์เป็นเคล็ดวิชาที่สืบทอดมาจากมหาจักรพรรดิ เป็นหัวใจสำคัญของลัทธิเจี๋ยเทียน พวกเขาจะปล่อยให้มหาจักรพรรดิตระกูลหานดูตามใจชอบได้อย่างไร


เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงเปิดค่ายกลคุ้มกันของลัทธิเจี๋ยเทียนขึ้นมาอย่างรวเร็ว


“ไม่เห็นเลือดก็ไม่ยอมเชื่อฟังสินะ!”


มหาจักพรรดิตระกูลหานพูดออกมาด้วยเสียงเย็นชา ก่อนจะใช้พลังอันทรงพลานุภาพโจมตีออกไปสังหารสมาชิกจำนวนมากของลัทธิเจี๋ยเทียนในทันที


แม้ว่าผู้นำลัทธิเจี๋ยเทียนจะใช้ค่ายกลเพื่อหยุดยั้งมันแล้ว แต่กลับไม่อาจต้านท้านได้ พลังของมหาจักพรรดินั้นน่าสะพรึงกลัวเกินไป!


“ท่าน!”


ผู้นำลัทธิเจี๋ยเทียนกัดฟันเอ่ยออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยโทสะ


จักรพรรดิตระกูลหานผู้นี้เป็นบ้าไปแล้วหรือ?


เห็นได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายใกล้ตายเต็มที ร่างกายไม่หลงเหลือปราณชีวิตอยู่มากแล้ว กลับยังกล้าลงมือครั้งใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร?


สิ่งนี้จะเร่งความตายของจักรพรรดิตระกูลหานให้เข้ามาเร็วกว่าเดิมอย่างมิต้องสงสัย!


เป็นไปได้หรือไม่ว่ามหาจักรพรรดิตระกูลหานต้องการจะทำเรื่องยิ่งใหญ่ทิ้งไว้ก่อนตาย?


“ยังไม่นำมันออกมาอีก? หรือต้องการให้ข้าสังหารทุกคนที่อยู่ที่นี่?”


มหาจักรพรรดิตระกูลหานกล่าวออกมาเสียงเย็นเยียบ


พูดได้ว่าเขาในตอนนี้ไม่มีห่วงต้องพะวง อยากจะลงมือเท่าไรก็ลงมือเท่านั้น


อย่างไรเสียหนทางเบื้องหน้าเขาก็มีแต่ความตาย ดังนั้นเหตุใดเขาจึงต้องมามัวพะวงอะไรอีก?


ตายไปเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็ดี เขาจะได้ไม่ต้องไปต่อสู้เข่นฆ่ากับสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวน


เขาเคยต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนมาก่อน จึงรู้ว่าสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนดุร้ายมากเพียงใด หากจำเป็นต้องไปต่อสู้ในสมรภูมิกับสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนจริง เกรงว่ายามนั้นแม้จะตายดีก็ยังเป็นเรื่องยาก!


ส่วนเรื่องจะนำปัญหาไปสู่ตระกูลหานนั้นเขาเองก็ไม่กลัว


มีเหามากจนไม่คัน มีหนี้เยอะจนไม่กังวล*[1] อย่างไรเสียตระกูลหานก็ทำให้ยอดนิกายขุ่นเคืองไปแล้ว คิดมากไปก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้


“ข้าจะนำมันมา!”


สุดท้ายผู้นำลัทธิเจี๋ยเทียนก็ยอมประนีประนอม นำเคล็ดวิชาดัชนีตัดสวรรค์ออกมา


ค่ายกลป้องกันไม่สามารถทำสิ่งใดได้ อีกทั้งมหาจักรพรรดิเผ่าหานก็เป็นบ้าไปแล้ว หากเขาไม่นำมันออกมา เกรงว่าสมาชิกทั้งหมดของลัทธิเจี๋ยเทียนไม่แคล้วถูกอีกฝ่ายสังหารลงจริง ๆ


“ไม่เลว ไม่เลว บรรพจารย์ของลัทธิเจี๋ยเทียนช่างไม่ธรรดา ถึงขนาดสามารถสร้างเคล็ดวิชาอันน่าอัศจรรย์เช่นนี้ออกมาได้”


หลังจากได้ดูแล้ว มหาจักรพรรดิตระกูลหานก็กล่าวออกมาด้วยความชื่นชม


หลังจากนั้นเขาก็จากลัทธิเจี๋ยเทียนไป


เขาไม่ได้นำเคล็ดวิชาติดไปด้วย


เพราะมันไร้ประโยชน์ที่จะนำไป หลังจากยอดนิกายมาเยือนตระกูลแล้ว อย่างไรเขาก็ต้องส่งมันคืน เป็นไปไม่ได้ที่ยอดนิกายจะยอมให้เขาเก็บเคล็ดวิชาของลัทธิเจี๋ยเทียนเอาไว้ จำเป็นต้องส่งคืนเจ้าของ


อย่างไรเสียยอดนิกายก็ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งภายใน


เพียงแค่เขาได้ชมมันก็เพียงพอแล้ว


“จะไปที่ไหนต่อดีนะ?”


มหาจักรพรรดิตระกูลหานหยุดพัก ครุ่นคิดว่าต้องการจะทำสิ่งใดต่อไปบนยอดเขาแห่งหนึ่ง


ชีวิตของเขาเหลืออยู่อีกไม่นานแล้วจึงพยายามใช้มันอย่างคุ้ม นั่นคือการทำในสิ่งที่ตนอยากจะทำ!


“อืม ไปที่ตระกูลอู่เพื่อลิ้มลองชาจักรพรรดิที่สะสมเอาไว้ ไปดื่มโลหิตวิหคของเผ่าวิหคทอง จากนั้นก็ไปอาบน้ำในบ่อน้ำนำโชคของวังเทพธิดาพร่างพราย...”


มหาจักรพรรดิตระกูลหานนึกสิ่งที่เขาอยากจะทำขึ้นมา


มีเรื่องจำนวนมากที่เขาอยากจะทำ แต่ไม่กล้าทำมาก่อน


ไม่ว่าจะเป็นตระกูลอู่ เผ่าวิหคทอง หรือวังเทพธิดาพร่างพราย ล้วนเป็นเหมือนตระกูลหานที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณกาล


ทว่าตอนนี้ไม่มีอะไรที่เขาต้องกลัวแล้ว เขาต้องการเติมเต็มปณิธานตัวเองก่อนที่จะตาย!


ถึงอย่างไรแล้ว กองกำลังเหล่านี้ก็ไม่มีทางทำอะไรเขาได้


เขารู้ดีว่ากองกำลังเหล่านี้ไม่มีมหาจักรพรรดิที่มีชีวิตเหลือรอดอีก


“ใช่แล้ว ข้าลืมเขาหลิงซานของพุทธศาสนาไปได้อย่างไร! ที่นั่นเป็นเขาต้นกำเนิดของศาสนาพุทธ เป็นสถานที่ที่ข้าเคยอยากไปมากที่สุด”


เขาตบหัวตนเองแล้วกล่าวออกมา “อืม สุดท้ายข้าจะไปเที่ยวชมเขาหลิงซาน จะได้เข้าใจเส้นสนกลในของศาสนาพุทธ”


ศาสนาพุทธนั้นลึกลับไม่อาจคาดเดาได้ คนทั่วโลกล้วนอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับศาสนาพุทธเป็นอย่างมาก


กระทั่งเขาเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น



[1] มีเหามากจนไม่คัน มีหนี้เยอะจนไม่กังวล (虱子多了不痒,债多了不愁) เป็นสำนวนเปรียบเปรยว่า มีความยากลำบากมากมาย จนปลงคิดว่าไม่สามารถแก้ไขได้ จึงไม่ไปใส่ใจปัญหาเหล่านั้นแล้ว
บทที่ 363

มหาจักรพรรดิตระกูลหานวางแผนและคำนวนเส้นทางเป็นอย่างดี


เขามีเวลาอยู่จำกัด อาจจะสูญเสียอิสระภาพไปเมื่อใดก็ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องการทำทุกอย่างให้สำเร็จระหว่างที่ยังเป็นอิสระ


หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว


มหาจักรพรรดิมาถึงยังตระกูลอู่เป็นที่แรก และกล่าวจุดประสงค์ออกมาว่าตนต้องการจะดื่มชาจักรพรรดิ


ตระกูลอู่ย่อมไม่มีทางเห็นด้วย ตระกูลของพวกเขาสืบทอดใบชามาเพียงไม่กี่ใบ แล้วจะให้มหาจักรพรรดิตระกูลหานดื่มได้อย่างไร


ทว่าสุดท้ายตระกูลอู่ก็ต้องยอม


มหาจักรพรรดิตระกูลหานใช้พลังกำราบผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของตระกูลอู่ แล้วบังคับให้พวกเขานำชาจักรพรรดิออกมา ก่อนจะดื่มชาถ้วยนั้นลงไปด้วยความพึงพอใจ


น่าเสียดายนัก เขาเป็นไม้ใกล้ฝั่งแล้ว ชาจักรพรรดิไม่สามารถมอบประโยชน์อันใดให้แก่เขาได้ เขาเพียงทำได้แต่ดื่มด่ำกับรสชาติ


หลังจากนั้นมหาจักรพรรดิก็จากตระกูลอู่ไปและมุ่งสู่เผ่าวิหคทองต่อ


เผ่าวิหคทองสืบเชื้อสายมาจากอสูรร้ายบรรพกาล สายเลือดของพวกมันบริสุทธิ์และทรงพลังเป็นอย่างมาก พวกมันไม่อ่อนแอไปกว่ากลุ่มตระกูลอื่น ๆ จากยุคโบราณกาล


ทว่าต่อหน้ามหาจักรพรรดิ เผ่าวิหคทองเองก็ไม่อาจต้านทานได้


มหาจักรพรรดิตระกูลหานจับเผ่าวิหคทองรุ่นเยาว์มาตนหนึ่ง แล้วรีดเลือดออกมาหนึ่งชามใหญ่ ก่อนจะดื่มมันลงไปในอึกเดียว


เมื่อครั้งยังหนุ่มเขาเคยต้องการจะดื่มเลือดของวิหคทอง


แต่ในยามนั้นเขาล้วนไม่มีสิ่งใด ขณะที่เผ่าวิหคทองกลับมีอสูรร้ายวิหคทองขอบเขตมหาจักรพรรดิอยู่ ดังนั้นเขาจึงได้แต่เพียงคิด


ทว่ายามนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป


อสูรร้ายวิหคทองขอบเขตมหาจักรพรรดิได้สิ้นลมลงไปแล้ว เผ่าวิหคทองเองก็ประสบความเสียหายอย่างหนักจากสงครามครั้งใหญ่ในยุคสมัยโบราณ ทำให้ความแข็งแกร่งโดยรวมลดลงเป็นอย่างมาก จนเขาสามารถทำทุกสิ่งได้ตามต้องการในเผ่าวิหคทอง


หลังจากดื่มเลือดของวิหคทองแล้ว เขาก็ไปยังวังพร่างพราย


วังพร่างพรายนั้นล้วนมีแต่ผู้ฝึกตนหญิง ทุกคนล้วนงดงามราวบุปผา สวยประหนึ่งเทพธิดาบนชั้นสวรรค์ ดังนั้นจึงถูกขนานนามอีกชื่อว่าวังเทพธิดา


ในวังพร่างพรายมีบ่อน้ำนำโชคอยู่หนึ่งบ่อ ที่สามารถเรียกขานได้ว่าบ่อน้ำนำโชค ก็เพราะด้านในเป็นบ่อน้ำเป็นของเหลวที่หลอมกลั่นขึ้นมาจากวัตถุดิบและสมบัติหายากต่าง ๆ ที่คนในวังพร่างพรายทุกรุ่นใส่ลงไป


ของเหลวนี้มีค่ายิ่ง เมื่อหลอมรวมเข้าไปแล้วจะมอบประโยชน์อันมหาศาลให้กับผู้ฝึกตน ทำให้มีผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วนต้องการจะได้รับมันมาสักหยดสองหยด


มหาจักพรรดิแห่งตระกูลหานเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เขาอยากได้ของเหลวในบ่อน้ำนำโชคมาก


ครั้งหนึ่งเขาเคยไปเยือนยังวังพร่างพรายเพื่อเอ่ยขอ ทว่าวังพร่างพรายไม่ยินยอมและไม่เคยมอบมันให้กับเขา


วังพร่างพรายจะทำตามความต้องการของมหาจักรพรรดิตระกูลหานได้อย่างไร? น้ำนำโชคนั้นหายากเกินไป พวกนางไม่เต็มใจแม้แต่จะใช้เอง แล้วจะมอบมันให้กับมหาจักรพรรดิตระกูลหานได้อย่างไร?


ในยามนั้นมหาจักพรรดิตระกูลหานยังไม่ได้กลายเป็นมหาจักรพรรดิ แต่เป็นเพียงนักบุญตัวน้อย


เขาโกรธเป็นอย่างมาก ในใจกล่าวว่าน้ำนำโชคจะวิเศษวิโสอะไรปานนั้น เมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต จะเข้าไปอาบน้ำในบ่อน้ำนำโชคเสีย!


ทว่าเขาก็ทำได้แต่เพียงคิดมันในใจ


แม้ว่าเขาจะกลายมาเป็นมหาจักรพรรดิก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ ในยามนั้นวังพร่างพรายเองก็มีมหาจักรพรรดิอยู่ เขาจึงไม่กล้าสร้างเรื่อง


“ครั้งนี้ข้าจะบรรลุสิ่งที่หมายมาดในใจแล้ว!”


มหาจักรพรรดิตระกูลหานเดินเข้าไปในวังพร่างพรายอย่างไร้ซึ่งความลังเล


หลังจากเข้าไปเขาก็ข่มขวัญคน วังพร่างพรายเองก็ไม่อาจหยุดยั้งเขาได้เหมือนกองกำลังก่อนหน้า


“น่าเสียดาย ข้าชรามากแล้ว บางเรื่องก็ไม่อาจกระทำได้อีกต่อไป...”


เขามองผู้ฝึกตนของวังพร่างพรายที่งดงามราวเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ พลันรู้สึกหัวใจเต้นเร็วขึ้น แววตาก็วาววับ


ทว่าเขาก็ได้แต่เพียงวาบหวามอยู่ในใจ เพราะล่วงเข้าวัยชรามานานเกินไป เลือดลมจึงแห้งเหือดไปหมดแล้ว แม้ใจสู้แต่แรงไม่สู้ด้วย แม้จะรู้สึกวาบหวาม แต่ร่างกายกลับไร้การตอบสนอง


เมื่อเห็นแววตาของมหาจักรพรรดิตระกูลหาน ผู้ฝึกตนหญิงของวังพร่างพรายก็รู้ได้ทันทีว่ามหาจักรพรรดิตระกูลหานกำลังคิดสิ่งใดอยู่


สุดท้ายแล้ว มีเพียงแค่ผู้ชายที่ตายแล้วถึงจะซื่อสัตย์!!!


ไม่เช่นนั้นในสมองจะมีเรื่องเรื่องพรรค์นี้ได้อย่างไร!


ในใจพวกนางเอ่ยสบถไม่หยุด มหาจักรพรรดิตระกูลหานชรามากแล้วกลับยังคิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้ ช่างมักมากเสียจริง!


อีกด้านหนึ่ง มหาจักรพรรดิตระกูลหานถอดเสื้อผ้าแล้วกระโดดลงไปในบ่อน้ำนำโชคทันที โดยไม่สนใจว่าจะมีผู้ฝึกตนหญิงจากวังพร่างพรายอยู่หรือไม่


อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนที่จะต้องตายอยู่แล้ว ยังจะต้องสนใจอะไรมากมายอีก


หน้าตาอะไรก็ไม่สำคัญกับเขาอีกต่อไปแล้ว


น้ำในบ่อนำโชคมีผลสะท้านฟ้าดิน น่าเสียดายที่ตอนนี้มันไร้ประโยชน์สำหรับเขาแล้ว


อายุขัยของเขาใกล้หมดลงเต็มที เว้นแต่ว่าจะได้รับโอสถมหาจักรพรรดิ ทุกสิ่งล้วนไม่สามารถให้ผลใดกับเขาได้อีกต่อไปแล้ว


“ตาแก่...หน้าม่อเอ๊ย!”


“สวรรค์ลงโทษเจ้าเฒ่าตัณหากลับเร็ว ๆ ได้หรือไม่!”


ผู้ฝึกตนหญิงวังพร่างพรายกรุ่นโกรธเป็นอย่างมาก พวกนางทั้งหมดพากันกัดฟันขาวจนแทยแตก


มหาจักรพรรดิตระกูลหานช่างน่าไม่อายเกินไปแล้ว!


ต่อหน้าพวกนางจำนวนมาก มหาจักรพรรดิตระกูลหานกลับถอนเสื้อผ้าของตนออกโดยไม่มีความละอาย ไร้ซึ่งความเป็นสุภาพชนและยางอาย!


สิ่งที่ทำให้พวกนางไม่อาจอดทนได้ยิ่งกว่าก็คือ การที่มหาจักรพรรดิตระกูลหานใช้บ่อน้ำนำโชคอาบน้ำ!!!


นั่นหมายความว่าน้ำทั้งหมดในบ่อนำโชคล้วนสูญเปล่าแล้ว!


ยังจะเก็บมันเอาไว้อีกหรือ?


พวกนางไม่ต้องการจะดื่มนำที่เฒ่าสารเลวผู้นี้อาบ!!!


สิ่งนี้ทำให้โทสะของพวกนางระเบิดออก ทุกคนล้วนต้องการจะสับมหาจักรพรรดิตระกูลหานออกเป็นชิ้น ๆ


น่าเสียดายที่มหาจักรพรรดิตระกูลหานนั้นแข็งแกร่งเกินไป พวกนางจึงไม่อาจทำสิ่งใดได้


“เฮ้อ ผู้คนทั้งโลกต่างกล่าวว่าเทพธิดาวังพร่างพรายล้วนบริสุทธิ์ผุดพ่อง แต่ตามที่ข้าเห็นแล้ว กลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย แม้กระทั่งคนแก่อย่างข้าก็ไม่เว้น เอาแต่จ้องมองข้ามยามอาบน้ำ ผิดไปจากชื่อเสียงวังเทพธิดาอันเลื่องลือ”


มหาจักรพรรดิตระกูลหานที่อยู่ในบ่อน้ำส่ายหัวแล้วกล่าวออกมา


บัดซบ!


ยังมียางอายอยู่หรือไม่?


หากเจ้าอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ยังหนุ่มยังแน่น พวกเราอาจจะอยากมองเจ้า


แต่เจ้าดูสภาพของตนเองยามนี้เสียก่อน


ชายชราใบหน้าเปี่ยมด้วยรอยยับย่น ร่างเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ผู้ใดจะไปสนใจมองเจ้ากัน!


สุดท้ายแล้ว ตาแก่สังขารไม่อำนวนอย่างเจ้าก็ใช้ได้เพียงลมปากเท่านั้น!


ผู้ฝึกตนหญิงวังพร่างพรายเอ่ยออกมาในใจด้วยความขุ่นเคือง


พวกนางไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว ต่างพากันแยกย้ายไปทีละคน


หากยังคงมองต่อไป เกรงว่าลูกตาของพวกนางคงจะบอดเหมือนโดนเข็มทิ่ม!


สารรูปหนังหุ้มกระดูกของชายชรานั้นบาดตาพวกนางมากเกินไป!


ส่วนบ่อน้ำนำโชคก็สูญเปล่าไปแล้ว พวกนางไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก


มหาจักรพรรดิตระกูลหานอาบน้ำอย่างสบายใจในบ่อน้ำนำโชค ไม่ต้องกล่าวก็รู้ว่าพวกนางอัดอั้นตันใจแต่เพียงใด


ใช้น้ำในบ่อนำโชคอาบน้ำ ผู้ที่สามารถทำเรื่องฟุ่มเฟือยขนาดนี้ได้คงมีเพียงเขาผู้เดียว!


“ต่อไปก็ไปที่อื่น!”


เขาออกจากวังพร่างพราย แล้วเดินทางไปทั่วแดนฮวง


แน่นอนว่าระหว่างทางเขาได้รับเสียงก่นด่ามามากมาย


ตระกูลอู่ เผ่าวิหคทอง วังพร่างพราย และกองกำลังอื่น ๆ ที่เขาไปเยี่ยมเยียนต่างพากันดุด่าเขา ซ้ำยังขู่ว่าจะต่อสู้กับตระกูลหานแบบไม่ตายไม่เลิกรา


“ไม่ว่าพวกเจ้าจะด่าอะไร ข้าก็ไม่สนใจอยู่แล้ว! ตระกูลหานเองก็ไม่สนใจ!”


มหาจักรพรรดิตระกูลหานไม่ได้เก็บมาใส่ใจ จากนั้นเขาก็ยังคงไปเยือนอีกหลายกองกำลังเพื่อทำสิ่งที่ต้องการจะทำให้สำเร็จ


ภายในแดนฮวงเกิดเสียงก่นด่าเขามากขึ้นเรื่อย ๆ


กองกำลังที่ถูกเขาเยี่ยมเยือนต่างพากันกัดฟันด้วยความแค้น สาปแช่งออกมาไม่หยุด


“สุดท้ายผู้ที่ไม่มีห่วงพะวงแล้ว ย่อมรู้สึกเบิกบานเสมอ!”


มหาจักรพรรดิตระกูลหานไม่ได้สนใจคำสาปแช่งเหล่านี้แม้แต่น้อย


เมื่อทำทุกอย่างที่ต้องการในแดนฮวงเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็ออกจากแดนฮวงมุ่งสู่แดนฝอ


แดนฝอนั้นกว้างใหญ่ไพศาล หลังจากที่มหาจักรพรรดิตระกูลหานมาถึงแดนฝอแล้ว ภายในใจของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกมากมาย


หากเป็นก่อนหน้านี้ ตีให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่กล้ามายังแดนฝอ!


ศาสนาพุทธทั้งลึกลับและน่าเกรงขาม ในดินแดนกว้างใหญ่ไม่มียอดนิกายอื่นใด มีเพียงแต่ศาสนาพุทธเท่านั้น สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในดินแดนแห่งนี้ล้วนนับถือและศรัทธาในพุทธศาสนา!


ที่น่าหวั่นเกรงยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เคยมีสาวกยอดนิกายจำนวนไม่น้อยเข้าสู่แดนฝอเพื่อรับลูกศิษย์และตั้งใจจะก่อนตั้งนิกายขึ้นมาในดินแดนฝอ แต่ทว่าในท้ายที่สุดผู้คนเหล่านั้นกลับเปลี่ยนมานับถือและกลายเป็นผู้ศรัทธาในพุทธศาสนา!!!


สิ่งนี้ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนกริ่งเกรงศาสนาพุทธขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสีย ไม่มีใครกล้าล่วงเข้าไปในแดนฝอง่าย ๆ พวกเขาต่างกังวลว่าอยู่ ๆ ตนเองก็จะกลายเป็นสาวกของศาสนาพุทธอย่างไม่รู้ตัว


“เมื่อก่อนไม่กล้าทำ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว”


มหาจักรพรรดิตระกูลหานกล่าวออกมาอย่างแช่มช้า “มีอะไรอยู่ภายใต้ความลึกลับของแดนฝอกันนะ? วันนี้ข้าจะต้องชมมันสักครา...”


เขาในตอนนี้ไร้ซึ่งห่วงใด ๆ ความน่ากลัวของศาสนาพุธไม่อาจทำให้เขากริ่งเกรงได้อีก


อย่างไรเสียจุดจบของเขาก็ถูกกำหนดไว้แล้ว


แม้ว่ายอดนิกายจะไม่ชำระบัญชีความผิดของตระกูลหาน แต่ในท้ายที่สุดแล้วเขาก็จะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกไม่นาน


หลังจากออกเดินทาง เขาก็ลงมือแบบไม่ยั้ง ทำให้กินแรงไปมาก อายุขัยที่เหลือน้อยอยู่แล้วก็ยิ่งน้อยลงไปอีก


เขาเข้าใกล้ความตายแล้วจริง ๆ
บทที่ 364

แม้มหาจักรพรรดิจะเข้าสู่แดนฝอแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้รีบร้อนตรงไปยังเขาหลิงซาน ทว่ากลับเดินไปทั่วแดนฝอเสียอย่างนั้น


เขาไม่เคยมาแดนฝอ ดังนั้นจึงเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับทุกสิ่ง


“แดนฝอน่ากลัวอะไรเช่นนี้ ตำแหน่งศาสนาพุทธช่างมั่นคงยิ่งนัก! แม้กระทั่งปุถุชนยังศรัทธาในพุธและสวดมนต์ทุกวัน!”


หลังจากตระเวนไปรอบ ๆ สีหน้าของมหาจักรพรรดิตระกูลหานก็เคร่งขึมเป็นพิเศษ


ตำแหน่งของศาสนาพุทธในแดนฝอจะมั่นคงเกินไปแล้ว ไม่ว่าเขาเดินเตร็ดเตร่ไปทางไหนก็เห็นแต่สิ่งมีชีวิตกำลังสวดมนต์ไหว้พระ


นี่ทำให้หนังศีรษะของเขาชาวาบ เหงื่อเย็นเปียกโชกหลัง!


ทั่วทุกหนแห่งบนดินแดนนี้ สิ่งมีชีวิตจำนวนมากมายเกือบทั้งหมดล้วนศรัทธาในศาสนาพุทธ นี่เรียกได้ว่าน่ากลัวเป็นอย่างมาก!


ไม่มีลัทธิหรือนิกายเต๋าใดสามารถทำเช่นนี้ได้มาก่อน!


ศาสนาพุทธช่างไม่ธรรมดา น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง!


“แต่ไม่ว่าศาสนาพุทธจะน่ากลัว แปลกประหลาด หรือชวนหวาดหวั่นก็ไม่สามารถทำอะไรข้าได้อีกแล้ว วันนี้ข้าจะเปิดเผยความลึกลับของศาสนาพุทธ ไขแจ้งทุกความลับ!”


มหาจักรพรรดิตระกูลหานจัดการอารมณ์ทั้งหมดของตนเอง ก่อนจะทะยานไปทางเขาหลิงซาน


เขาเป็นเพียงคนใกล้ตาย จึงไม่มีอะไรต้องเกรงกลัว


ในไม่ช้า เขาก็มาถึงเขาหลิงซาน


เขาหลิงซานสมกับเป็นต้นกำเนิดของพุทธศาสนา สูงตระหง่านสง่างาม สามารถสัมผัสได้ถึงปราณโบราณอันแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง


“อมิตาภพุทธ ขอทราบว่าท่านมาจากแห่งหนใด? ต้องการสิ่งใดจากเขาหลิงซาน?”


ที่เชิงเขา พุทธสาวกผู้หนึ่งเอ่ยถามมหาจักรพรรดิตระกูลหาน


“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ข้าเพียงแค่ต้องการเดินเล่นบนเขาหลิงซานสักรอบหนึ่ง”


สีหน้าของมหาจักรพรรดิตระกูลหานสงบนิ่ง เขาคร้านจะพูดจาอะไรกับพุทธสาวกผู้นี้อีก จึงก้าวเดินแล้วหายลับไปในทันที


เมื่อร่างของเขาปรากฏขึ้นมาอีกครา ก็มาโผล่ด้านในเขาหลิงซานเสียแล้ว


ในตอนนี้เขาไร้ซึ่งพะวงใด ไม่จำเป็นต้องใส่มารยาทว่าสุภาพหรือหยาบคาย หากเขายังใส่ใจเรื่องนี้อยู่ ก่อนหน้านี้เขาคงไม่ไปที่ตระกูลอู่เพื่อดื่มชาจักรพรรดิ ไปที่เผ่าวิหคทองเพื่อดื่มโลหิตวิหค ไปที่บ่อน้ำนำโชคของวังพร่างพรายเพื่ออาบน้ำ...


เหง่งหง่าง!


พุทธสาวกที่เห็นมหาจักรพรรดิตระกูลหานตรงเข้าไปในเขาหลิงซาน ก็รีบสั่นระฆังขึ้นมาทันใด


เสียงระฆังดังขึ้นทั่วทั้งเขาหลิงซานอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็มีลำแสงแห่งพุทธะพุ่งออกมาจากส่วนลึกของเขาหลิงซาน แสงนั้นคือร่างของเหล่าผู้แข็งแกร่งของพุทธศาสนาที่รีบตรงมายังที่นี่


“มหาจักรพรรดิตระกูลหาน!?”


พระสังฆราชเองเองก็มาด้วย หลังจากได้เห็นมหาจักรพรรดิตระกูลหานแล้วเขาก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา เนื่องจากเขาสามารถจำตัวตนของอีกฝ่ายได้


เขาย่อมรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก นี่เพราะเหล่าจักรพรรดิสิ้นชีพไปตั้งแต่ช่วงต้นของสงครามในครั้งโบราณกาล เหตุใดตอนนี้อีกฝ่ายจึงยังคงมีชีวิตอยู่?


อีกด้านหนึ่งนั้น มหาจักรพรรดิตระกูลหานไม่ได้สนใจพวกพระสังฆราชที่รีบรุดมาเลยแม้แต่น้อย


สายตาของเขายังคงจับจ้องไปทางพระพุทธรูปของพระอมิตาภะพุทธเจ้าที่อยู่ใจกลางเขาหลิงซาน


พระพุทธรูปองค์นี้นำความรู้สึกพิเศษมาให้เขา ราวกับว่านี่ไม่ได้เป็นเพียงพระพุทธรูป แต่เป็นคนผู้หนึ่งที่มีชีวิตเสียมากกว่า


ทว่าเขาก็ไม่คิดว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าจะยังคงมีชีวิตอยู่


พระอมิตาภะพุทธเจ้านั้นมีตัวตนอยู่ในยุคโบราณเก่าแก่เกินกว่าจะนับ จะสามารถมีชึวิตอยู่จนถึงตอนนี้ได้อย่างไร?


ถ้าหากยังมีชีวิตอยู่ ก็เกรงว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าคงกลายจะเป็นเซียนไปแล้ว!


“ให้ข้าดูซิว่าพระพุทธรูปองค์นี้มีสิ่งใดแปลกประหลาด...”


เขาก้าวไปด้านหน้าเพียงหนึ่งก้าวก็เคลื่อนไปไกลลิบ พริบตาเดียวก็มาถึงเบื้องหน้าพระพุทธรูปองค์นั้น เขาต้องการดูว่ามีสิ่งใดอยู่ภายในพระพุทธรูป


“จักรพรรดิหานโปรดหยุดมือ!”


พระสังฆราชหน้าเปลี่ยนสี รีบตรงไปเข้าไปหยุดยั้ง


นี่คือพระพุทธรูปของพระอมิตาภะพุทธ บรรพชนหมื่นพุทธเจ้า เขาจะยอมให้มหาจักรพรรดิหานกระทำเช่นนั้นได้อย่างไร?


“หลีกไป”


มหาจักรพรรดิตระกูลหานสะบัดฝ่ามือ ทันใดนั้นก็ปรากฏพลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งไปกระทบพระพุทธรูป


“จักรพรรดิหาน ท่านต้องการจะทำสิ่งใด!”


“ที่แท้ท่านก็แสร้งตาย ไม่ได้ตายจริง!”


เหล่าพระเวทโพธิสัตว์ทั้งแปดปรากฏกายออกมา พวกเขาล้วนคุ้นเคยกับมหาจักรพรรดิตระกูลหานเป็นอย่างดี


เพราะพวกเขาเองก็เข้าร่วมสงครามครั้งใหญ่เมื่อสมัยโบราณกาล


“ข้าไม่ได้ต้องการจะทำสิ่งใด ข้าเพียงแค่อยากเห็นความจริงที่ซ่อนอยู่ในพุทธศาสนาของพวกเจ้า”


มหาจักรพรรดิกล่าวออกมาอย่างเรียบเฉย “เริ่มจากพระพุทธรูปองค์นี้ก่อน”


เขารับรู้ได้ว่าพระพุทธรูปองค์นี้ไม่ธรรมดา อาจมีความลับของพระพุทธศาสนาแอบซ่อนเอาไว้อยู่


ทำให้เขาอยากรู้ความจริงทุกอย่างเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา


“ไม่ได้!”


“จักรพรรดิหานโปรดพิจารณาให้ดี!”


เหล่าพระเวทโพธิสัตว์ต่างหน้าเปลี่ยนสี เหตุใดมหาจักรพรรดิตระกูลหานจึงกระทำตัวเช่นนี้?


พระพุทธรูปทองคำของพระอมิตาภะพุทธเป็นสัญลักษณ์อันสำคัญสุดของพระพุทธศาสนา เหตุใดอีกฝ่ายกลับไม่แยแสในเรื่องนี้เลย?


มหาจักรพรรดิคร้านจะพูดอะไรมากความไปกว่านี้ เขาเพียงสะบัดมือเบา ๆ เหล่าพระเวทโพธิสัตว์ก็ถูกพลังอันแข็งแกร่งพัดปลิวออกไปทันที


เขาหันกลับไปมองทางพระพุทธรูปทองคำ เตรียมพร้อมจะผ่ามันออกเพื่อศึกษาดู


“อามิต้าเต๋อฝอ ข้าพระพุทธไร้เกศา ตาแก่อย่างเจ้ากำลังจะทำสิ่งใดกัน! หยุดสิ่งที่คิดจะทำและออกจากตรงนั้นเดี๋ยวนี้!”


ในตอนนั้นเอง ต้าเต๋อก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับกำปั้นเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว โถมตัวเข้าใส่อีกฝ่าย


มหาจักรพรรดิตระกูลหานหันไปกลับมองต้าเต๋อด้วยความฉุนเฉียวทันที


กระทั่งเด็กเหลือขออายุเพียงไม่กี่ขวบปีก็กล้าที่จะต่อยกับเขาอย่างนั้นหรือ?


อีกอย่าง ศาสนาพุทธไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องความเมตตากรุณาหรอกหรือ ไยจึงต่อสู้ฆ่าฟันได้อย่างง่ายดายเช่นนี้?


เด็กเหลือขออายุเพียงไม่เท่าไรกลับมีความเป็นปฏิปักษ์อยู่เยอะเพียงนี้? แล้วคำพูดคำจายังดูฟั่นเฟือน? ถึงกลับกล้าเรียกขานตนเองว่าเป็นต้าเต๋อฝอ!


พุทธศาสนาสอนพุทธสาวกเช่นนี้หรือ?


เขาหัวเราะออกมาด้วยน้ำโห เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “เด็กเหลือขออย่างเจ้าหย่าน้ำนมหรือยัง?”


“เด็กเหลือขอ?”


เมื่อต้าเต๋อได้ยินมหาจักรพรรดิตระกูลหานเรียกตนเองว่าเด็กเหลือขอ โทสะของเขาก็ระเบิดออกมาทันทีจนคิ้วเล็ก ๆ สองข้างเหยียดตรง


กล้าดีอย่างไรเรียกเขาว่าเด็กเหลือขอ แถมยังเหน็บแนมว่าเขายังไม่หย่าน้ำนม!


เขาได้ยินพระสังฆราชเรียกคนผู้นี้ว่ามหาจักรพรรดิตระกูลหาน ทำให้เขารู้ว่านี้คือมหาจักรพรรดิผู้หนึ่ง


แต่เป็นมหาจักรพรรดิแล้วอย่างไร?


เป็นมหาจักรพรรดิแล้วสามารถดูถูกเหน็บแนมกันได้อย่างนั้นหรือ?


ไม่มีทาง!


ด้วยคำพูดของท่านเซียน เต๋าสวรรค์จึงคอยคุ้มครองเขา กระทั่งมหาจักรพรรดิก็ไม่มีสิทธิมาดูถูกแหน็บแนมเขา!


“ตาแก่อย่างเจ้ามองความอ่อนเยาว์ของภิกษุน้อยเช่นข้าแล้วคงรู้สึกริษยาสินะ ใช่แล้ว ภิกษุน้อยผู้นี้ยังคงมีวันคืนที่งดงามอีกมากในอนาคต ส่วนเจ้าก็เหมือนถูกฝังในดินเหลืองไปแล้ว พร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ!”


ต้าเต๋อไม่ยอมโดนแหน็บแหนมแต่ฝ่ายเดี๋ยวจึงโต้ต้อบกลับไปทันควัน


คำพูดเหล่านี้คล้ายตบลงบนความเจ็บปวดของมหาจักรพรรดิตระกูลหาน เขาก็เหมือนถูกฝังในดินเหลืองไปแล้ว พร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ...


“เด็กเหลือขอ เจ้าอยากตายงั้นหรือ?”


ใบหน้าแก่ชราแปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง ทั่วร่างเผยจิตสังหารออกมา


“อยากฆ่าข้าหรือ?”


ต้าเต๋อมองมหาจักรพรรดิตระกูลหาน ก่อนจะเอามือทั้งสองข้างไพล่หลังแล้วเอ่ยออกมาอย่างไม่แยแส “ผู้ใดให้ความกล้าเจ้ามาพูดเช่นนี้? หากต้องการจะฆ่าข้า ตัวเจ้านั้นไม่คู่ควร!”


ไอ้สารเลวนี่!


หลังจากเห็นท่าทางของต้าเต๋อแล้ว มหาจักรพรรดิตระกูลหานก็โกรธจนควันออกหู


นี่หรือคือพุทธสาวกของพุทธศาสนา?


เหตุใดจึงให้ความรู้สึกเหมือนอันธพาลตัวน้อยมากกว่า!!!


“เจ้าคิดว่าข้าจะไม่กล้าฆ่าเจ้าหรือ!?”


เขาจับจ้องต้าเต๋อด้วยนัยน์ตาดุดัน ไม่สนอีกต่อไปว่าต้าเต๋อจะเป็นเด็กอายุไม่กี่ขวบปี เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่กล้ามายั่วยุเขาล้วนไม่มีวันพบจุดจบที่ดี!


โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ เขาโกรธเป็นอย่างมาก!


จิตสังหารแผ่ออกมาจากร่างราวกับกระแสน้ำในมหาสมุทร เขาต้องการจะสังหารต้าเต๋อที่นี่!


“เจ้าต้องการจะฆ่าข้าหรือ!”


ต้าเต๋อยืดหลังตรงแล้วจับจ้องไปทางมหาจักรพรรดิตระกูลหาน “อามิต้าเต๋อฝอ ข้าพระพุทธไร้เกศา พุทธศาสนาไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะสามารถกำเริบเสิบสานได้ ยังมีข้าต้าเต๋อฝออยู่ พวกวายร้ายอย่างเจ้าไม่สามารถหยิ่งผยองได้!”


เขากล่าวออกมาประหนึ่งเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ไร้ใครเทียบ!
บทที่ 365

“เจ้าเป็นคนวิกลจริตหรืออย่างไร?”


มหาจักรพรรดิตระกูลหานเห็นสภาพต้าเต๋อแล้วมาได้ยินวาจาเช่นนี้ขอต้าเต๋อ อย่าให้พูดเลยว่าสีหน้าพิลึกปานใด


ต้าเต๋อต้องเสียสติแค่ไหนถึงใช้ถ้อยคำเช่นนี้!


ต้าเต๋อฝอคือผู้พิทักษ์พุทธศาสนา ปีศาจหน้าไหนห้ามมิให้กำแหงอย่างนั้นหรือ!


พุทธศาสนาจำต้องให้เด็กฟันไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นนี้พิทักษ์ด้วยหรือ!


หากเป็นเช่นนั้นจริง พุทธศาสนาคงถูกถอนรากถอนโคน กำจัดราบคาบไปนานแล้ว!


“อมิตาภพุทธ จักรพรรดิหาน ท่านไปเสียเถิด ท่านไม่อาจทำอันตรายอู้เต๋อได้จริง ๆ”


พระสังฆราชก้าวเข้ามา ท่องพระนามพลางกล่าว


พุทธสาวกไม่กล่าวโป้ปด สิ่งที่เขาว่ามาคือความจริง ต้าเต๋อมีวิถีสวรรค์คอยคุ้มครอง ต่อให้จักรพรรดิหานแข็งแกร่งปานใดก็เปล่าประโยชน์


“เจ้าก็บ้าไปด้วยหรือ?”


จักรพรรดิหานหันมองพระสังฆราช พระสังฆราชผู้นี้พูดเพ้อเจ้อกระไร?


เขาไม่อาจทำร้ายเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งได้หรือ


ถ้าเขาทำอะไรเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมไม่กี่ขวบไม่ได้ การบำเพ็ญในชาตินี้คงสูญเปล่า ขอบเขตมหาจักรพรรดิที่สำเร็จมาก็คงสูญเปล่า!


“อมิตาภพุทธ พวกเราเกลี้ยกล่อมดี ๆ หวังว่าจักรพรรดิหานจะยอมฟัง”


“พุทธสาวกไม่โป้ปด จักรพรรดิหานอย่าประเมินตนสูงนักเลย”


พระเวทโพธิสัตว์ก้าวเข้ามา เอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมาเหมือนกัน


“ที่นี่คือพุทธศาสนาหรือ เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเข้ามาในรังคนสติฟั่นเฟือน???”


จักรพรรดิหานหน้าตาฉงน ไยพระภิกษุเหล่านี้ถึงเหมือนเสียสติกันไปแล้วทั้งหมด วาจาที่เปล่งออกมาบ้าบอสิ้นดี


หรือว่าพระภิกษุเหล่านี้บำเพ็ญหลักธรรมจนสติไม่ดีกันหมด?


เขาเป็นถึงมหาจักรพรรดิแห่งยุค แต่กลับหาว่าเขาจัดการเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ!


ปั่นหัวกันเล่นหรือไร!


“ข้าจะฆ่าเขาให้พวกเจ้าดูเดี๋ยวนี้!”


มหาจักรพรรดิลงมือทันที มือใหญ่ข้างหนึ่งกระหน่ำเข้าไป ขยายใหญ่ตามลม บดบังผืนฟ้า ฟาดใส่ต้าเต๋อด้วยพลังอันสยดสยองท่วมท้นนภา


เมื่อฝ่ามือนี้ประทับลงไป แม้กระทั่งจ้าวนภาสูงสุดยังต้องจบเห่!


เขาอยากเห็นเหลือเกินว่าเด็กตัวกระเปี๊ยกนี่จะรอดได้อย่างไร!


“อามิต้าเต๋อฝอ ตาแก่ แน่จริงอีกประเดี๋ยวเจ้าอย่าหนี รอดูว่าต้าเต๋อฝอผู้นี้จะทุบเจ้าจนแหลกเหลวหรือไม่!”


ต้าเต๋อร้องตะโกน ไม่เกรงกลัวต่อฝ่ามือที่ฟาดใส่เขาสักนิด


“ข้าวิ่งกับปู่…แกสิ! ผู้ใดวิ่งผู้นั้นคือสุนัข!”


จักรพรรดิหานโกรธจนแทบบ้า มือใหญ่กระแทกลงไปอย่างไร้ความปรานี หมายมั่นจะฆ่าต้าเต๋อให้ตายอยู่ที่นี่


ครืน!


เวลานั้นเอง เสียงกึกก้องดังมาจากท้องฟ้า ก่อนที่ประกายแสงเจิดจ้าแยงตามากมายจะสาดลงมา ทาบทับบนตัวต้าเต๋อ


นี่คือแสงแห่งวิถีสวรรค์ แฝงไว้ด้วยพลังแห่งวิถีสวรรค์เข้าคุ้มกันต้าเต๋อไว้ ร่างกายต้าเต๋อมีประกายแสงวนเวียนล้อมรอบ ดูสูงส่งเหลือคณา!


“อ๊าก!”


จักรพรรดิหานคำรามด้วยความเจ็บปวด มือใหญ่ที่ฟาดใส่ต้าเต๋อเน่าเปื่อยกลายเป็นผงธุลี!


แสงแห่งวิถีสวรรค์ที่จุติลงจากฟากฟ้าทะลุผ่านมือใหญ่ของเขายามทาบทับบนตัวต้าเต๋อ


“ยกนี้หรือ ยกนี้เรียกว่ากงเกวียนกำเกวียน ผู้ใดใช้ให้เจ้าแปลงขนาดมือจนมโหฬารปานนั้น บดบังแม้รกะทั่งผืนฟ้า”


ต้าเต๋อคลี่ยิ้มพลางเอ่ย


แสงแห่งวิถีสวรรค์จุติลงมา ฝ่ามือของจักรพรรดิหานบังไว้พอดี ย่อมต้องส่องสว่างทะลุฝ่ามือจักรพรรดิหาน


จักรพรรดิหานเจ็บจนหน้าตาเหยเก ฝ่ามือของเขาหายไปทั้งข้าง ความเจ็บนั้นบีบรัดหัวใจยิ่ง


ทว่าเทียบกับความเจ็บปวดแล้ว เขาตะลึงงันมากกว่า


วิถีสวรรค์ถึงขั้นจุติพลังลงมาคุ้มกันต้าเต๋อเลยหรือ ต้าเต๋อมีปูมหลังเช่นไรกันแน่!


บัดซบ เขาโง่เองหรือนี่!


จู่ ๆ ก็หวนนึกถึงถ้อยคำที่พระสังฆราชและคนอื่น ๆ พร่ำบอกเขา คราแรกยังคิดว่าพวกพระสังฆราชเสียสติไปแล้ว และเขาเข้ามาในรังคนบ้า ที่ไหนได้ พวกพระสังฆราชนั้นพูดความจริงทั้งหมด มีเขาคนเดียวที่โง่เง่า เห็นความจริงเป็นคำโป้ปด!


“ไปล่ะ!”


เขาเจ็บใจนัก เรียกได้ว่าหนีอุตลุด


น่าขัน ต้าเต๋อมีวิถีสวรรค์คุ้มครอง จะให้เขาเป็นปรปักษ์กับวิถีสวรรค์หรืออย่างไร?


เขาใกล้ตายแล้วก็จริง แต่เขาไม่ได้อยากตายเสียเดี๋ยวนี้!


ผู้ใดจะรู้ว่าขืนเขาปะทะกับต้าเต๋อต่อจะเกิดเหตุใดขึ้น หากวิถีสวรรค์ถล่มเขาจนถึงที่ตายจริงเขาคงอนาถน่าดู!


“มหาจักรพรรดิเฮงซวยกระไร ไม่รักษาสัจจะ ไหนเอ่ยว่าผู้ใดหนีผู้นั้นคือสุนัขมิใช่หรือ”


ใบหน้าเล็ก ๆ ของต้าเต๋อบิดเบี้ยวด้วยความโกรธจัด เขาคิดอยากอัดจักรพรรดิหานให้เละสักครา ทว่าจักรพรรดิหานผู้นี้เผ่นไวมาก ไม่ให้โอกาสนี้กับเขาเลย!


เขาอยากไล่ตามไปแต่ตามไม่ทัน ขอบเขตของเขาต่ำต้อย พริบตาเดียวจักรพรรดิหานก็หายไปจากสายตาเขา


“เจ้าสุนัข ถือว่าเจ้าวิ่งได้เร็ว คราวหน้าคราวหลังยังกล้าทำกำแหงใส่พุทธศาสนาของเราอีก ข้าจะอัดเจ้าให้บวมเป็นหัวหมูแน่!”


ต้าเต๋อตะโกนด้วยท่าทางโมโห


“อู้เต๋ออย่าได้กล่าวคำเท็จเกินจริงบ่อยนัก เจ้าทำร้ายจักรพรรดิหานได้หรือ”


พระสังฆราชเอ่ยด้วยความระอา


เขารู้ว่าต้าเต๋อไม่สามารถใช้พลังแห่งวิถีสวรรค์ ต้าเต๋อเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังแล้ว


หากใช้พลังแห่งวิถีสวรรค์ไม่ได้ ต้าเต๋อย่อมไม่สามารถทำร้ายจักรพรรดิหาน


ต้าเต๋อหัวเราะคิกคัก “ตอนนี้ไม่ได้ แต่อนาคตได้แน่!”


อีกด้าน จักรพรรดิหานวิ่งเข้าเขาญาณราวกับคนบ้า


“นี่มันเรื่องบ้ากระไร อารมณ์ดี ๆ ต้องมาเสียหมด!”


เขาโกรธเกรี้ยวในใจเหลือแสน


ตั้งแต่ออกจากตระกูลหานมา เขาลุล่วงทุกสิ่งที่อยากทำ อย่าให้พูดเลยว่าสาแก่ใจเพียงใด


แต่ผู้ใดเล่าจะรู้ เขากลับต้องเสียเปรียบมหันต์ในสถานีสุดท้าย หนีหัวซุกหัวซุนประหนึ่งลูกหมา ความสะใจก่อนหน้าหายไปจนสิ้น!


“กลับล่ะ!”


เขาอัปยศอยู่เต็มหัวใจขณะเดินทางกลับตระกูลหาน


ทว่าหนนี้เขาได้รับรู้ความน่ากลัวของพุทธศาสนาแล้ว ในพุทธศาสนามีผู้ได้รับความคุ้มครองจากวิถีสวรรค์อยู่ พุทธศาสนาทำได้เยี่ยงไร?


ความลึกล้ำของสายน้ำที่เรียกว่าพุทธศาสนาพอให้จมน้ำตายได้จริง ๆ


...


อาณาจักรเหนืออาณาจักร แดนสังสารวัฏ


ภายในตำหนักมโหฬารแห่งหนึ่ง


“ไม่สบายใจนิดหน่อย ผู้ตรวจการจะลาดตระเวนสอบสวนทุกตำหนัก ข้าจะปิดบังผู้ตรวจการได้หรือไม่”


ท่ามกลางหมอกดำก้อนหนึ่ง ใครบางคนเอ่ยเสียงแผ่ว


หมอกดำว่ายวนอยู่รอบกายคนผู้นี้ จนมองไม่เห็นรูปโฉมของเขาได้ชัดนัก


เขาคือนายตำหนักของตำหนักนี้


ทว่าเขามิใช่นายตำหนักตัวจริง หากแต่เป็นนายตำหนักที่สวมรอย


นายตำหนักตัวจริงถูกเขาสังหารไปแล้ว เขาคือจักรพรรดิหมากรุกหวงหลง อดีตจ้าวสังสารวัฏแห่งตำหนักนี้


เดิมทีหลังจากเขาแทนที่นายตำหนักแล้วไม่ควรเกิดเหตุไม่คาดคิดอันใด


เขาคิดไม่ผิด ในตำหนักแห่งนี้มิมีผู้ใดล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของนายตำหนัก ไม่เคยมีผู้ใดคลางแคลงในฐานะของเขามาก่อน


แต่ช่วงนี้ไม่ได้แล้ว


ช่วงนี้เขาได้รับข่าวมาว่า ตำหนักหลักแห่งแดนสังสารวัฏส่งผู้ตรวจการลงมา หมายจะลาดตระเวนตรวจตราไปทั่วทุกตำหนัก


ผู้ตรวจการผู้นี้ลาดตระเวนผ่านตำหนักไปไม่น้อย อีกประเดี๋ยวก็จะลาดตระเวนมาถึงตำหนักของเขาแล้ว เขากลัดกลุ้มนิดหน่อย กลัวว่าตัวตนของเขาถูกเปิดเผย ไม่อาจปิดบังผู้ตรวจการผู้นี้ได้


อย่างไรก็มาจากตำหนักหลัก


“หรือฆ่าผู้ตรวจการผู้นี้ไปด้วย แล้วข้าปลอมเป็นผู้ตรวจการ?”


จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงคิดในใจ เป็นแผนเดียวกับเมื่อคราวรับมือนายตำหนัก สวมรอยแทนที่ผู้ตรวจการผู้นี้ไปด้วย


ทว่าเขาล้มเลิกความคิดนี้ในทันที


ไม่ต้องกล่าวถึงว่าเขาฆ่าผู้ตรวจการผู้นี้ได้หรือไม่ ต่อให้ฆ่าได้ แล้วเขาต้องสวมรอยอย่างไร?


ด้านตำหนักหลักน่าประหวั่นพรั่นพรึงเป็นที่สุด หากเขากลับไปถึงตำหนักหลัก มีโอกาสสูงว่าจะถูกจับได้ เขาไม่มีทางปลอมตัวเป็นผู้ตรวจการผู้นี้ได้เลย


ไม่ว่าอย่างไรหลังผู้ตรวจการตรวจตราตำหนักต่าง ๆ เรียบร้อยแล้วต้องกลับไปรายงานที่ตำหนักหลัก


“เฮ้อ กลุ้มจริง กลุ้มจนมีผมหงอกแล้ว!”


เขาเเดินวนไปเวียนมาอยู่ในตำหนัก วิตกกังวลเป็นหนักหนา เขาต้องใช้วิธีใดปิดบังผู้ตรวจการผู้นี้กันแน่


ยากเหลือเกิน!