496-500

บทที่ 496

ยังคงเป็นเพียงสาวน้อยอยู่จริง ๆ ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่ากำลังกลายเป็นเนื้อเข้าปากเสือ!


ทั้งยังมาขอบคุณเขาอีก?


ถูกขายแล้วยังไปช่วยเขานับเงินอีก*[1]


ลุงเก๋อคิดขึ้นมาภายในใจ เขามาตรวจสอบแบบไม่ได้คาดหวังทว่ากลับได้ผลลัพธ์กลับมาด้วย มันช่วยลดความยุ่งยากให้เขาได้ไม่น้อย!


ในยามนี้นาวาล่องนภามีความสำคัญเป็นอย่างมาก อีกทั้งหลิงอินยังเป็นผู้ที่นำแร่ทองเงินกัลป์สองพันชั่งออกมา ไม่ว่าหลิงอินจะมีภูมิหลังหรือไม่มีภูมิหลัง ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ที่นางจะสามารถจากไปได้อย่างปลอดภัย


เขาเองก็เหมือนกับสิ่งมีชีวิตทรงพลังผู้อื่น ต่างก็เพ่งเล็งไปที่หลิงอินตั้งแต่แรก และรายงานเรื่องราวทั้งหมดผ่านทางศาสตราวิเศษกลับไปยังกองกำลังของตน เรียกให้ผู้แข็งแกร่งของกองกำลังตัวเองรีบเดินทางมาสนับสนุน


การที่หลิงอินไม่มีภูมิหลังอะไรย่อมเป็นเรื่องดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย มันช่วยลดความยุ่งยากให้พวกเขาได้มากจริง ๆ ไม่ต้องมากังวลเกี่ยวกับผลที่ตามมาหลังจากลงมือกับพวกหลิงอิน


“ผู้อาวุโสจะสามารถทำได้หรือ?”


หลิงอินมองไปยังเหล่าสิ่งมีชีวิตที่จับจ้องพวกนาง ก่อนแสร้งทำเป็นพูดออกมา “พวกเขามีจำนวนมากมาย ผู้อาวุโสจะสามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หรือไม่ ผู้อาวุโสเป็นคนดี ข้าไม่อยากให้ท่านมามีส่วนเกี่ยวพันเพราะพวกเรา ถ้าหากท่านไม่สามารถทำได้จริง ๆ ก็ปล่อยให้พวกเราไปกันเองเถิด”


นี่เป็นการแสร้งปล่อยเพื่อจับ นางมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าลุงเก๋อจะไม่ปล่อยพวกนางไป


และก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ ลุงเก๋อรีบเอ่ยขึ้นมาในทันที “เจ้าพูดอะไรออกมากัน! ในเมื่อข้ารับปากพวกเจ้าแล้ว ย่อมต้องช่วยเหลือพวกเจ้าอย่างแน่นอน!”


เขาหยุดพูดไปช่วงหนึ่ง บนใบหน้าแสดงความหยิ่งผยองออกมา จากนั้นจึงกล่าวต่อ “พวกเจ้ายังเด็กเกินไป สิ่งที่รู้เกี่ยวกับโลกใบนี้มีน้อยนัก ไม่รู้ว่าตระกูลเก๋อของพวกข้านั้นแข็งแกร่งเพียงใด! ตระกูลเก๋อนั้นยิ่งใหญ่เป็นถึงหนึ่งในตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด! มีพวกข้าตระกูลเก๋ออยู่ ก็จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกเจ้า”


เมื่อครู่ลุงเก๋อสามารถนำหินเทวะจำนวนมากขนาดนั้นมาประมูลได้ ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่ากองกำลังเบื้องหลังของพวกเขานั้นไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง


หากไม่ทรงพลังเพียงพอก็คงไม่อาจนำหินเทวะออกมาได้มากถึงเพียงนั้น


ครั้งนี้ลุงเก๋อไม่ได้คุยโม้เกินเลยแต่อย่างใด


ตระกูลเก๋อเป็นหนึ่งในตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดอย่างแท้จริง รากฐานลึกล้ำมั่นคงอย่างถึงที่สุด สืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณ เก่าแก่จนไม่อาจสืบย้อนกลับ ตระกูลที่สามารถเทียบเคียงได้นั้นมีอยู่เพียงไม่มาก


ไม่เช่นนั้นเขาจะกล้ามีความคิดกับหลิงอินและเสี่ยวหยาได้อย่างไร


กองกำลังจำนวนมากกำลังจับตามองหลิงอินและเสี่ยวหยา หากตระกูลเก๋อไม่แข็งแกร่งเพียงพอดังว่า ลุงเก๋อจะกล้าลงมาในแอ่งน้ำโคลนได้อย่างไร นี่จะกลายเป็นว่าไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย


“ตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด? แข็งแกร่งถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”


ใบหน้าของหลิงอินเต็มไปด้วยความประหลาดใจและมีความสุขเป็นอย่างมาก


นางมีความสุขมากถึงขนาดกระโจนไปทางเสี่ยวหยาพร้อมรอยยิ้มสดใส “เสี่ยวหยา พวกเราได้พบกับผู้สูงศักดิ์เข้าจริง ๆ แล้ว มีผู้อาวุโสท่านนี้ช่วยเหลือ ครั้งนี้ย่อมไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกเรา!”


เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของหลิงอิน ในใจเสี่ยวหยาถึงกลับกล่าวออกมาว่าพี่หลิงอินช่างมีความสามารถด้านการแสดงละครจริง ๆ!


แสดงละครได้เก่งกาจเกินไปแล้ว!


หากนางไม่รู้ว่าหลิงอินคิดสิ่งใดอยู่ นางเองก็คงเข้าใจว่าหลิงอินดีใจเป็นอย่างยิ่งเพราะพบผู้ให้พึ่งพิง!


“ใช่แล้ว ใช่แล้ว บนโลกนี้ยังมีคนดีอยู่อีกมาก!”


นางให้ความร่วมมือกับหลิงอิน แสร้งทำเป็นกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก


ช่างเป็นสาวน้อยที่แสนโง่เขลา!


ทั้งยังกล่าวว่าบนโลกนี้ยังมีคนดีอยู่อีกมาก!


โง่งม!


เห็นท่าทางของหลิงอินและเสี่ยวหยา ภายในใจของลุงเก๋อกล่าวออกมาด้วยความขบขันเป็นอย่างมาก


“แม่นางทั้งสอง พวกเจ้า...”


จิ้งจอกสวรรค์ที่อยู่เบื้องหลังทนเห็นหลิงอินและเสี่ยวหยาตกลงไปในกำมือของลุงเก๋อแบบนี้ไม่ได้ นางจึงรีบกล่าวขึ้นมา ต้องการจะเตือนหลิงอินและเสี่ยวหยา


แต่ก่อนที่นางจะพูดจบ นางก็รับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณอันน่าสะพรึงกลัวกดทับลงบนวิญญาณของนาง ทำให้ไม่สามารถเอ่ยสิ่งใดได้อีก


ขอบเขตของลุงเก๋อไม่ได้ต่ำเลย เขาเป็นถึงตี้หวง เมื่อเขารับรู้ได้ว่าจิ้งจอกสวรรค์ตนนี้ต้องการจะเตือนหลิงอินและเสี่ยวหยา จึงแอบใช้พลังของตนเองปราบปรามนางลงไปในทันที ไม่ปล่อยให้จิ้งจอกสวรรค์สามารถเตือนหลิงอินและเสี่ยวหยาได้


มารดานางเถอะ! ช่างเป็นของเล่นชั้นต่ำอะไรเช่นนี้!


กระทั่งตนเองยังเอาตัวไม่รอด ยังคิดจะช่วยเหลือผู้อื่นอีก!


ลุงเก๋อก่นด่าในใจ รอเขากลับไปก่อนเถอะ เขาจะไม่ปล่อยจิ้งจอกสวรรค์นี่ไปง่าย ๆ!


เขาต้องสิ้นเปลืองหินเทวะไปจำนวนมากเพื่อซื้อนาง!


เขาจะต้องให้จิ้งจอกสวรรค์ตนนี้ชดเชยราคาที่จ่ายไปกลับมา!


“หือ? มีเรื่องอะไรหรือ?”


หลิงอินมองไปที่จิ้งจอกสวรรค์แล้วถามออกมา


“ไม่มีเรื่องอันใด ข้าเพียงแค่อยากจะกล่าวว่าแม่นางทั้งสองงดงามเป็นอย่างยิ่ง!”


วิญญาณของจิ้งจอกสวรรค์ถูกลุงเก๋อควบคุมเอาไว้ นางถูกลุงเก๋อบังคับให้กล่าวออกมาเช่นนั้น


เขาคิดว่าหลิงอินเป็นเพียงขั้นบัญญัติสูงสุดผู้หนึ่ง จึงไม่อาจสังเกตเห็นการกระทำเหล่านี้ของเขา


ทว่าในความเป็นจริงหลิงอินนั้นสามารถล่วงรู้ทุกสิ่งได้!


คนเราตัดสินกันด้วยภายนอกไม่ได้ จิ้งจอกสวรรค์ตนนี้ดูแล้วไม่น่าใช่คนดีอะไร


แต่จิ้งจอกสวรรค์ที่แม้ตนเองจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้กลับยังคิดจะเตือนพวกนาง นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จิตใจจะต้องมีความดีงามเป็นอย่างมาก


“ขอบคุณสำหรับคำชม”


หลิงอินตอบกลับด้วยรอยยิ้มสุภาพ


จากนั้นนางก็มองไปที่ลุงเก๋อแล้วกล่าวออกมา “ผู้อาวุโส พวกเราจะไปกันเลยหรือไม่?”


“ไม่ต้องรีบร้อน ยอดฝีมือจากตระกูลของข้ายังมาไม่ถึง พวกเราจะรอจนกว่าพวกเขาจะมาจึงค่อยออกเดินทาง เช่นนี้พวกเราก็จะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น”


ลุงเก๋อถาม


ไปตอนนี้?


คิดสิ่งใดอยู่กัน!


แม้ว่าตระกูลเก๋อจะเป็นตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด แต่หากไม่มียอดฝีมือในตระกูลอยู่ด้วย ความยิ่งใหญ่อะไรนั่น ก็ไม่สามารถใช้ยับยั้งสิ่งมีชีวิตอันแข็งแกร่งอื่น ๆ ได้เลย


“อ้อ เช่นนั้นเอง!”


หลิงอินพยักหน้า ก่อนกล่าวออกมา “ภายในเมืองนภาห้ามลงไม้ลงมือใช้กำลัง เช่นนั้นพวกเราไปเดินเล่นรอบ ๆ เมืองนภากันก่อนดีหรือไม่? รอจนกระทั่งยอดฝีมือในตระกูลของผู้อาวุโสมาค่อยจากไป อย่างไรเสียก็เป็นถึงเมืองอันดับหนึ่ง โอกาสที่ข้ากับเสี่ยวหยาจะได้มายังเมืองแห่งนี้ไม่ง่ายเลย คงจะน่าเสียดายหากพวกเราไม่ได้เดินเที่ยวไปรอบ ๆ”


นี่มันเวลาอะไรกัน ยังคิดจะไปเดินเที่ยวอีก?


ลุงเก๋อฟังแล้วถึงกับพูดไม่ออก


เขาไม่อยากไปด้วยเป็นอย่างมาก


แต่เขาก็กลัวว่าผู้ทรงอำนาจคนอื่น ๆ จะหาตัวพวกหลิงอินพบเช่นนั้น


ยิ่งหลิงอินกับเสี่ยวหยาไร้เดียงสาเพียงนี้ ยิ่งกลัวว่าจะถูกผู้ทรงอำนาจจากกองกำลังอื่นหลอกได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ!


เขาจะต้องจับตาดูพวกหลิงอินเอาไว้!


“ตกลง เช่นนั้นพวกเราไปเดินเที่ยวชมรอบ ๆ กันเถอะ”


สุดท้ายลุงเก๋อก็ตอบรับออกมา


ยอดฝีมือจากตระกูลน่าจะมาถึงในไม่ช้า เดินเที่ยวเองก็คงไม่กินเวลามากนัก ดังนั้นจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่


หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันเดินออกจากโรงประมูล


ด้านนอกมีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากกำลังเฝ้ารอคอย ยิ่งด้านนอกเมืองนภายิ่งมียอดฝีมืออันน่าสะพรึงกลัวยืนตระหง่านอยู่


พวกเขาล้วนต่างเฝ้ารอให้หลิงอินออกมา


“ทุกท่าน โปรดเห็นแก่หน้าตระกูลเก๋อของพวกเราด้วย หยุดเรื่องนี้ไว้เพียงแค่นี้เถิด พวกนางทั้งสองคนเป็นสหายกับตระกูลเก๋อของพวกเรา”


หลังจากออกมา ลุงเก๋อก็กล่าวกับเหล่าสิ่งมีชีวิตที่เฝ้าจับจ้องมาอยู่


ความหมายของเขาชัดเจนเป็นอย่างมาก เขากล่าวว่าตระกูลเก๋อของพวกเขาคว้าได้ก่อนแล้ว กองกำลังอื่นก็ควรจะหยุดความคิดแผนการต่าง ๆ


“ใช่แล้ว สารเลวเช่นพวกเจ้าจงไสหัวไปเสีย! เบื้องหลังของผู้อาวุโสเก๋อคือตระกูลเก๋อ! พวกเจ้ารู้จักตระกูลเก๋อหรือไม่? หนึ่งในตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด! หากพวกเจ้ายังไม่ไสหัวออกไป รั้งรอจนกระทั่งยอดฝีมือตระกูลเก๋อมาถึง ยามนั้นแม้พวกเจ้าจะอยากจากไปก็ไม่สามารถทำได้แล้ว!”


หลิงอินพูดกับเหล่าสิ่งมีชีวิตที่จับจ้องมาด้วยความเกลียดชัง


“!!!”


ลุงเก๋อที่ได้ยินหลิงอินกล่าวออกมาเช่นนี้ เขาก็ตกใจแทบตาย!


แม้ตระกูลเก๋อของเขาจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถหยิ่งผยองดูหมิ่นสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้!


เหล่าสิ่งมีชีวิตที่กล้ามาเฝ้ารอที่นี่ ไม่มีผู้ใดธรรมดาสามัญ กองกำลังเบื้องหลังล้วนแต่ทรงพลังเป็นอย่างมาก ไม่ใช่กองกำลังเล็ก ๆ


“ใจเย็นก่อน ใจเย็น”


เขารีบกล่าวขึ้นมากับหลิงอิน


“ลุงเก๋อ พวกเราแข็งแกร่งแล้วยังจำเป็นต้องกลัวสิ่งใดอีก? ตระกูลเก๋อเป็นตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด ยังจำเป็นต้องกลัวพวกกุ้งฝอยนี้อีกหรือ? พวกเราจะต้องไม่ยอมพวกเขาจนติดเป็นนิสัย!”


หลิงอินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาล้วนเป็นพวกสารเลว ไม่มีดีเลยสักตัว เหตุใดพวกเราจึงต้องสุภาพกับพวกเขาด้วย!”


หลังจากนั้นนางก็มองไปยังสิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนกุ้งตัวใหญ่ จากนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา


“เป็นกุ้งฝอยจริง ๆ ด้วย”


นางกล่าวออกมาพร้อมหัวเราะไม่หยุด


มารดามันเถอะ!


เมื่อเห็นหลิงอินหัวเราะใส่สิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างเหมือนกุ้งยักษ์ ลุงเก๋อก็ยิ่งอกสั่นขวัญแขวนกว่าเดิม


กุ้งยักษ์ตนนั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตทั่วไป!


แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด!



[1] ถูกขายแล้วยังไปช่วยเขานับเงินอีก (真是被人卖了还在帮人数钱) หมายถึง ถูกเอาเปรียบแต่ยังไปขอบคุณผู้ที่มาเอาเปรียบ

บทที่ 497

“เจ้าพูดว่าอย่างไรนะ!?”


เมื่อกุ้งยักษ์ได้ยินหลิงอินกล่าวหัวเราะเยาะ มันก็พลันเดือดเป็นไฟขึ้นมาทันที ไม่ต้องกล่าวเลยว่ามันโมโหถึงเพียงใด


เดิมทีหลังจากได้ยินเก๋อไห่กล่าวออกมา มันก็ตั้งใจจะถอนตัวออกไป


แม้ว่านาวาล่องนภาจะสำคัญ แต่ตอนนี้ดินแดนบรรพโกลาหลกำลังจะปรากฏขึ้น การรักษากำลังเอาไว้ใช้สำหรับการเข้าไปยังแดนบรรพโกลาหลมีความสำคัญกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย


เพื่อนาวาล่องนภาหนึ่งลำ ไม่มีความจำเป็นจะต้องต่อสู้ฆ่าฟันเพื่อแย่งชิงถึงเพียงนั้น


มีกองกำลังมากมายเฝ้ารอคอยอยู่ที่นี่ แต่ก็ยังคงไม่วุ่นวายจนเกินไป หากมีกองกำลังใดได้นาวาล่องนภาไป กองกำลังอื่น ๆ ก็จะถอนตัว และจะไม่เกิดการแย่งชิงอันไม่จบไม่สิ้น


แต่หลิงอินทำตัวกำเริบเสิบสานเช่นนี้ ทั้งยังหัวเราะเยาะมัน มันไม่สามารถอดทนได้!


“เอ๋ กุ้งฝอยไม่มีหูหรอกหรือ? ไยจึงไม่เข้าใจที่ข้าพูดกัน?”


หลิงอินพูดพร้อมกับสีหน้าประหลาดใจ


หลังจากนั้นนางก็กล่าวออกมาด้วยท่าทางจริงจังเป็นอย่างยิ่ง “ข้ารู้สึกเวทนาเจ้าเหลือเกิน เจ้าไม่มีหูแต่กลับต้องเห็นคนอื่น ๆ ได้ยินสิ่งต่าง ๆ กระทั่งหนอนแมลงยังสามารถได้ยิน ฮ่าฮ่าฮ่า การที่เจ้าไม่มีหูช่างน่าเวทนาเสียจริง”


“เจ้าเรียกผู้ใดว่าหนอนแมลงกัน!?”


อีกด้านหนึ่ง รอยยิ้มบนใบหน้า ‘หนอนแมลง’ ที่เดิมทีรู้สึกขบขันเป็นอย่างมากนิ่งค้างไปในทันที บนร่างกายเต็มไปด้วยจิตสังหาร!


เรียกมันว่าเป็นหนอนแมลง!?


มันเป็นถึงแมลงสวรรค์อินทนิล สายเลือดของมันได้รับการเคารพอย่างถึงที่สุด เบื้องหลังของมันก็คือเผ่าแมลงสวรรค์อินทนิลที่เป็นหนึ่งในเผ่าเรืองอำนาจสูงสุดเช่นเดียวกัน กำลังรบของพวกมันมีกระทั่งขั้นเทียนตี้นั่งรักษาการณ์อยู่!


ทว่าหลิงอินกลับกล้าเรียกมันว่าหนอนแมลง มันจะทนได้อย่างไร!?


ไม่เคยมีผู้ใดกล้าฉีกหน้าเผ่าของมันเช่นนี้มาก่อน!


“ไม่เห็นต้องโวยวาย ที่นี่ยังจะมีหนอนแมลงตัวอื่นอีกหรือ? อ๊ะ ด้านนอกก็มีเพียงแค่หนอนแมลงแก่ ๆ อย่างเจ้าอยู่ แต่ว่าระยะทางคงไกลเกินไป เจ้าคงได้ยินที่ข้าพูดไม่ชัด! แน่นอนว่าหนอนแมลงย่อมหมายถึงเจ้า”


หลิงอินมองไปที่แมลงสวรรค์อินทนิลแล้วเอ่ยออกมา


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


ท้องฟ้าด้านนอกเมือง ‘หนอนแมลงแก่ ๆ’ ตัวนั้นเต้นเร่า ๆ ด้วยความโกรธจัด พลังอันน่าสะพรึงกลัวสั่นสะเทือนฟ้าดิน ความว่างเปล่าระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่อง กระแทกเข้ากับภูเขาลูกหนึ่งจนถล่มลงมา ก้อนหินกลิ้งกระดอนไปทั่ว!


มันเป็นถึงตี้จวินผู้หนึ่ง!


กลับถูกหลิงอินเรียกว่า ‘หนอนแมลงแก่ ๆ’!


นี่เป็นการสบประมาทมันอย่างถึงที่สุด!


ในตอนนั้นเอง มันต้องการจะสังหารคนเป็นอย่างมาก ต้องการจะฉีกหลิงอินออกเป็นชิ้น ๆ!


แต่เมืองนภาไม่ใช่เมืองธรรมดาทั่วไป ไม่กล้าลงมือตามใจ


“เจ้าหัวเราะอะไร? มีสิ่งใดให้เจ้าหัวเราะกัน เจ้าก็เป็นเพียงหินก้อนหนึ่งที่เต็มไปด้วยรูพรุน เลวร้ายเสียยิ่งกว่าหนอนแมลงนั่น!”


หลิงอินมองไปที่ก้อนหินก้อนหนึ่งแล้วพูดขึ้นมา


หลังจากที่ได้ยินหลิงอินกล่าว หินก้อนนั้นก็ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที!


มันคือศิลาสวรรค์เก้าหลุม!


หนึ่งในศิลาที่หาได้ยากที่สุดในโลก!


เผ่าศิลาสวรรค์เก้าหลุมที่อยู่เบื้องหลังมันก็เป็นหนึ่งในเผ่าเรืองอำนาจสูงสุดในอาณาจักรอวี้ซวี!


“อย่า...อย่าทำเช่นนี้!”


ลุงเก๋อหวาดกลัวจนแทบจะสิ้นสติ


เหล่าสิ่งมีชีวิตที่หลิงอินยั่วยุล้วนมาจากเผ่าเรืองอำนาจสูงสุด ความแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าตระกูลเก๋อของพวกเขา!


ขนาดตัวของผู้นำตระกูลพวกเขาเองยังไม่กล้ายั่วยุอีกฝ่ายตามอำเภอใจเช่นนี้!


“ผู้อาวุโสหวาดกลัวสิ่งใดกัน? พวกเขาล้วนแล้วแต่น่าเกลียดอัปลักษณ์ ดูแล้วล้วนมาจากเผ่าเล็ก ๆ ทั้งสิ้น ไม่อาจเทียบตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดอย่างพวกเราได้!”


หลิงอินพูดต่อ “เหตุใดพวกเราจึงต้องสุภาพกับพวกเขาด้วย หากทำเช่นนี้ต่อไป พวกเราจะต้องสูญเสียสง่าราศีของตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้นยังอาจทำให้พวกอัปลักษณ์พวกนี้ได้ใจจนหยิ่งยโส!”


“บัดซบ!”


“เจ้ากำลังพูดถึงผู้ใดกัน!?”


ทันใดนั้นเหล่าผู้ที่จับจ้องมาต่างก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร


พวกอัปลักษณ์!?


หลิงอินถึงกับกล้ากล่าวออกมาเช่นนี้!


“ก็พูดถึงพวกเจ้าอย่างไรเล่า!”


หลิงอินกล่าวออกมาอย่างไม่ลังเล “ผู้อาวุโสเก๋อพูดว่าตระกูลเก๋อเป็นตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด ใต้หล้านี้มิมีกองกำลังใดที่สามารถเทียบเคียงได้! ถ้าพวกเจ้ารู้แล้วก็รีบไสหัวออกไปเสีย! ไม่เช่นนั้นหลังจากที่ยอดฝีมือของตระกูลเก๋อมา แม้พวกเจ้าต้องการจะไปก็ไม่สามารถไปได้ พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องตายอยู่ที่นี่!”


ลุงเก๋อต้องการความสุขไม่ใช่หรือ?


ดีเลย


นางจะมอบ ‘ความสุข’ ให้ลุงเก๋อเอง!


นี่ยังเป็น ‘ความสุข’ เพียงส่วนหนึ่ง!


หลิงอินผู้นี้โง่จริงหรือโง่ปลอมกันแน่!


คิดว่าตระกูลเก๋อไร้พ่ายอย่างนั้นหรือ?


ลุงเก๋อจวนเจียนจะร้องไห้ นึกสงสัยว่าเมื่อครู่ตนเองอวดโอ้ตระกูลเก๋อมากเกินไปหรือไม่? ทำให้หลิงอินเกิดความคิดว่าตระกูลของพวกเขาไร้พ่าย?


“มะ...ไม่ได้แข็งแกร่งถึงปานนั้น”


เขารีบกล่าวกับหลิงอิน


“ถ่อมตัว! ถ่อมตัวเป็นอย่างยิ่ง! พวกเจ้าเห็นหรือไม่? นี่คือความถ่อมตัวของตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด ไม่มีเหมือนพวกเจ้าที่แสร้งอวดโอ้!”


หลิงอินพูดขึ้นมาเสียงดัง


หมายถึงใครกันที่แสร้งอวดโอ้!


หลังจากที่ได้ยินหลิงอินกล่าวเช่นนั้น ผู้ที่มาจากตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดต่างโกรธเป็นอย่างมาก


บัดซบ!


สารเลวเก๋อไห่นั่นคุยโวเกี่ยวกับตระกูลเก๋อให้หลิงอินฟังเช่นไรบ้าง


ถึงกลับทำให้หลิงอินผยองดูหมิ่นทุกสิ่งได้ถึงเพียงนี้!


เผ่าและตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดของพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลเก๋อ!


ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!


ในตอนนั้นเอง ความว่างเปล่าภายนอกเมืองนภาก็เกิดการบิดเบี้ยว ก่อนจะปรากฏร่างยอดฝีมือจากตระกูลเก๋อออกมา


“สวัสดีสหายทุกท่าน!”


ยอดฝีมือจากตระกูลเก๋อยิ้มพร้อมกล่าวทักทาย


“สวัสดี...สวัสดีมารดาเจ้าเถอะ!”


ไม่ทันให้ยอดฝีมือตระกูลเก๋อได้ตั้งตัว ทันทีหลังจากพวกเขาปรากฏออกมา ก็ถูกแววตาแดงก่ำจับจ้องมาราวกับกำลังมองศัตรู


พวกเขาก่นด่าออกมา หลังจากนั้นก็รุมทึ้งยอดฝีมือตระกูลเก๋ออย่างดุร้าย!


พวกเขาจะไม่คับแค้นได้อย่างไร?


หลิงอินตกอยู่ภายใต้คำคุยโวของเก๋อไห่ ดูหมิ่นพวกเขาด้วยความโอหัง วันนี้พวกเขาจะต้องทำให้หลิงอินได้รับรู้ถึงฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!


ตระกูลเก๋อบัดซบนั่นไม่อาจช่วยเหลืออะไรหลิงอินได้!


“บังอาจ! เจ้าพวกอัปลักษณ์รนหาที่ตาย ถึงกลับกล้าโจมตียอดฝีมือตระกูลเก๋อ หรือคิดว่าชีวิตของตนเองยืนยาวเกินไปจริง ๆ!”


ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าหลิงอินนอกจากจะไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย กลับตะโกนเข้าใส่ผู้แข็งแกร่งจากเผ่าเรืองอำนาจสูงสุดเหล่านั้นด้วย


หลังจากนั้นนางก็หันไปมองเหล่ายอดฝีมือจากตระกูลเก๋อ “เหล่าผู้อาวุโสตระกูลเก๋อ แม้ว่าพวกเราจะเปี่ยมด้วยคุณธรรม แต่ด้วยความภาคภูมิของตระกูลเก๋อก็ไม่อนุญาตให้พวกอัปลักษณ์เหล่านี้มายั่วยุตามใจชอบ! ผู้อาวุโสตระกูลเก๋อโปรดอย่ายั้งมือ จัดการเหล่าพวกอัปลักษณ์รนหาที่ตาย ให้พวกเขาได้รับรู้ถึงฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!”


“ใช่แล้ว! พวกเราไม่รู้จักตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด! วันนี้ให้พวกเราได้เห็นว่าตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดทรงพลังเพียงใด!”


“ตระกูลเก๋อของเจ้าช่างคุยโว! ฟ้าดินกว้างใหญ่แต่ตระกูลเก๋อของพวกเจ้าใหญ่กว่า! ตระกูลเก๋อใต้หล้าล้วนไร้พ่าย!”


หลังจากได้ยินที่หลิงอินพูดเหล่ายอดฝีมือจากเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดก็ยิ่งโกรธมากขึ้น การลงมือต่อยอดฝีมือตระกูลเก๋อก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น!


บัดซบ!


นี่มันอะไรกัน!


ยอดฝีมือตระกูลเก๋อร้องไห้ออกมาอย่างไร้น้ำตา ตระกูลเก๋อของพวกเขาไปทำอะไรไว้! เหตุใดจึงตกเป็นเป้าหมายของฝูงชน กลายเป็นเสมือนเป้าโจมตี?


ในไม่ช้าพวกเขาก็ถูกตึงเอาไว้ทุบตี สภาพย่ำแย่ไปทีละคนทีละคน


ยอดฝีมือจากเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดจำนวนมากเข้ามาลงมือพร้อมกัน พวกเขาจะสามารถต้านรับได้อย่างไร?


นี่มันไม่มีทางเป็นไปได้!


“นี่หรือคือตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดไร้พ่ายตามคำพูดของเจ้า? ไม่เห็นจะมีอะไรเลย!”


“ยังจะหยิ่งผยองอยู่อีกหรือไม่?”


ด้านในเมืองนภา สมาชิกของเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจต่างพากันเยาะเย้ยหลิงอิน


“พวกจะพูดสิ่งใดก็พูดไป หากยังไม่ถึงลมหายใจสุดท้ายของการต่อสู้ อะไรก็ล้วนเกิดขึ้นได้! เพิ่งจะได้เปรียบเล็กน้อยก็อย่าทำเป็นวางท่าไป!”


หลิงอินกล่าวอย่างเหยียดหยาม


หลังจากที่เหล่ายอดฝีมือนอกเมืองนภาได้ยิน พวกเขาก็พากันโกรธมากขึ้น!


พวกเขาลงมือแรงยิ่งขึ้น ทุบตีจนเหล่ายอดฝีมือตระกูลเก๋อร่ำไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด

บทที่ 498

หลิงอินเป็นผู้เยาะเย้ยทำให้พวกเจ้าขายหน้า ไยพวกเจ้าจึงไม่ไปตีนาง แต่กลับลงมือกับพวกข้าเล่า!?


ยอดฝีมือตระกูลเก๋อร่ำร้องขึ้นมาในใจ นี่กล่าวได้ว่าพวกเขารับเคราะห์ที่ตนเองไม่ได้ก่อเข้าไปเต็ม ๆ!


เผ่าและตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดต่างพากันรุมทุบตีโดยที่พวกเขาไม่อาจต่อต้านได้แม้แต่น้อย สภาพน่าสังเวชเกินพรรณา!


จะต้านทานได้อย่างไร?


แทบทั้งหมดในที่แห่งนี้ต่างก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกับพวกเขา ทั้งยังมีจำนวนมากกว่าหลายเท่า แม้ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างสุดชีวิตก็ไม่อาจสู้ได้!


บัดซบ!


สถานการณ์เช่นนี้ทำให้พวกเขารู้สึกอัดอั้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง!


พวกเขาเพิ่งจะมาถึง ยังไม่ทันได้ทำความเข้าใจสถานการณ์ก็ถูกรุมทุบตีเสียแล้ว พวกเขาจะไม่อัดอั้นตันใจได้อย่างไร!


“แม่สาวน้อย ดูเสียให้ดี อย่างเชื่อทุกอย่างที่คนอื่นพูด!”


ยอดฝีมือเผ่าเรืองอำนาจสูงสุดเหยียดยิ้มกล่าว


“จะแสร้งทำไม? พวกเจ้ามีดีก็แค่จำนวนมากกว่าเท่านั้น!”


หลิงอินตะโกนออกมาเสียงดัง “ข้ารู้สึกตลกเหลือเกิน สุดท้ายพวกเจ้าก็ยังเกรงกลัวตระกูลเก๋อของพวกข้าอยู่ดีไม่ใช่หรือ? พวกเจ้ากล้าที่จะลงมือสังหารยอดฝีมือตระกูลเก๋อของพวกข้าหรือไม่? ถ้ากล้าพวกเจ้าก็ลองฆ่ายอดฝีมือจากตระกูลเก๋อของพวกข้าให้ดูสักคนสิ!”


ตระกูลเก๋อ...ของพวกข้า!?


บัดซบ!


ผู้ใดกันยอมรับให้เจ้าเป็นสมาชิกของตระกูลเก๋อ!


หลังจากยอดฝีมือตระกูลเก๋อได้ยินสิ่งที่หลิงอินพูดก็หลั่งน้ำตาออกมาในทันที นี่เป็นหลุมพรางขุดให้พวกเขาตกลงไป!?


“ดื้อดึงยิ่งนัก! คิดว่าตระกูลเก๋อจะสามารถปกป้องเจ้าได้จริง ๆ หรือ!?”


“เจ้าจะต้องจบสิ้นลงในวันนี้แล้ว! ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจปกป้องเจ้าได้! พวกเราจะแสดงให้เห็นว่าพวกเราแข็งแกร่งถึงเพียงใด! ตระกูลเก๋ออะไรนั่นอ่อนแอสิ้นดี!”


ยอดฝีมือเผ่าเรืองอำนาจสูงสุดโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนลงมือสังหารยอดฝีมือของตระกูลเก๋อลงไปทันที!


หากพวกเขาอยู่ที่นี่เพียงลำพังคงไม่กล้า แต่พวกเขามีกองกำลังเรืองอำนาจสูงสุดมากมาย ณ ที่แห่งนี้ แม้จะสังหารยอดฝีมือของตระกูลเก๋อไปก็จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น


“จบสิ้นแล้ว จบสิ้นแล้ว เหตุใดพวกเขาจึงไม่กลัวตระกูลเก๋อของพวกเรา?”


หลิงอินหันไปกล่าวกับลุงเก๋อด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “อาวุโสเก๋อ ตระกูลเก๋อของพวกเราเป็นตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดจริงหรือไม่? เหตุใดพวกเขาจึง…”


“มารดาเจ้าเถอะ!”


ลุงเก๋อตวาดออกมาเสียงดัง “ใครนับเจ้าเป็นพวกเดียวกับพวกข้า? ยอดฝีมือตระกูลเก๋อถูกเจ้าขุดหลุมพลางใส่จนตายไปหมดแล้ว!”


เขาจับจ้องหลิงอินอย่างคับแค้นด้วยดวงตาแดงก่ำ “เจ้าเป็นใครกันแน่? เหตุใดจึงต้องขุดหลุมพรางใส่ตระกูลเก๋อด้วย?”


น่าชิงชังยิ่งนัก!


เขาคิดว่าตนเองฉลาดมาทั้งชีวิต แต่สุดท้ายกลับเลอะเลือนอยู่ชั่วครู่ จนถูกเด็กน้อยอย่างหลิงอินหลอกเข้าให้!


ตอนนี้หากเขายังมองไม่ออกว่าหลิงอินจงใจขุดหลุมพรางใส่ตระกูลเก๋อ เขาคงจะกลายเป็นคนโง่งมไปจริง ๆ แล้ว!


เดิมทียอดฝีมือตระกูลเก๋อเหล่านั้นจะไม่ตาย แม้ว่าเผ่าเรืองอำนาจสูงสุดจะลงมืออย่างโหดเหี้ยม แต่ก็ยังมีการยับยั้ง ไม่ถึงขั้นลงมือสังหาร


แต่เมื่อหลิงอินสอดมือเข้าไปวุ่นวาย ยอดฝีมือตระกูลเก๋อทั้งหมดก็ถูกสังหาร!


ไม่ว่าหลิงอินจะขาดประสบการณ์เกี่ยวกับโลก หรือไร้เดียงสาเพียงใด ก็ไม่อาจโง่งมถึงเพียงนี้!


เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาถูกหลอกให้เต้นเล่นบนฝ่ามือของหลิงอินอยู่ตลอดเวลา


“เพิ่งรู้ตัวหรือตาแก่?”


หลิงอินส่งเสียงหัวเราะออกมาหนึ่งคำ ไม่เสแสร้งแสดงละครอีกต่อไป เนื่องจากมันไม่จำเป็นอีกแล้ว เห็นได้ชัดว่าลุงเก๋อไม่ไว้ใจนางอีกต่อไป


“เจ้าไม่ได้ต้องการ ‘ความสุข’ หรอกหรือ? ข้าก็แค่ส่องมอบ ‘ความสุข’ ให้แก่เจ้า!”


นางมองไปที่ลุงเก๋อพร้อมแย้มยิ้มหวานให้ “เป็นอย่างไรเล่า ผู้อาวุโสเก๋อมีความสุขหรือไม่!”


เสียงกระอักเลือดดังออกมา ลุงเก๋อไม่สามารถอัดอั้นเอาไว้ได้ พ่นเลือดออกมาคำโต


เขาถูกหลอกจริง ๆ!


เขาถูกเด็กสาวตัวน้อยจูงจมูกเดินไปมาอย่างโง่เขลา!


“ข้าจะฆ่าเจ้า!”


เขาโกรธเป็นอย่างมากจนระเบิดพลังอันกล้าแกร่งออกมา ก่อนจะยื่นฝ่ามือพุ่งตรงไปทางหลิงอิน


ทว่าในตอนนั้นเอง ก็มีหอกสาวพุ่งตรงออกมาจากระยะไกลตรงเข้าใส่หน้าอกของลุงเก๋อ ทั้งยังพาร่างของลุงเก๋อลอยตามแรงไปปักคาไว้บนเขานอกเมืองนภา


“ภายในเมืองนภายังกล้าลงมือ เจ้ากำลังรนหาที่ตายอย่างนั้นหรือ!?”


ชายวัยกลางคนในชุดเกราะก้าวเดินตามถนนด้วยสีหน้าเฉยชา


เขาคือทหารผู้ปกป้องเมืองนภา ไม่อนุญาตให้ใครก็ตามมาก่อเรื่องในเมืองนภา


เมืองนภาทุกยุคทุกสมัยล้วนมีทหารคอยปกป้อง เพราะเช่นนี้เมืองนภาจึงสามารถดำรงอยู่ได้ตั้งแต่ครั้งอดีตกาลจนถึงปัจจุบัน กลายเป็นเมืองอันดับหนึ่งในอาณาจักรอวี้ซวี!


เขายกมือข้างหนึ่งขึ้น หอกที่ตอกร่างของลุงเก๋อไว้กับภูเขานอกเมืองนภาก็ลอยกลับเข้ามาในมือของเขา ลุงเก๋อล้มลงกับพื้นในทันที เลือดไหลพุ่งออกมาเป็นสาย


“ผู้อาวุโสเก๋อ ตอนนี้ท่านมีความสุขมากแล้วหรือยัง!?”


หลิงอินลอยขึ้นสูง ก่อนจะถามไปทางลุงเก๋อด้วยเสียงอันดัง


พรวด!


หลังจากได้ยินคำพูดของหลิงอิน ลุกเก๋อก็โกรธมากยิ่งขึ้นจนกระอักเลือดจากปากออกมาอีกรอบ เขาไม่อาจอดทนได้!


เขาถูกหลิงอินหลอกอีกครั้ง!


หลิงอินจงใจยั่วยุเขา ชักนำให้ทหารของเมืองนภาลงมือกับเขา!


เขาโกรธเกินไปจนลืมเลือนเรื่องทหารของเมืองนภา จบลงด้วยการถูกหลิงอินหลอกอีกครั้ง!


“อ๊ากกก!”


เขาโกรธเป็นอย่างมากจนใบหน้าแก่ชราบิดเบี้ยวผิดรูป เขาตะโกนใส่หลิงอินด้วยความเกลียดชัง “วันนี้เจ้าจะต้องตาย ต้องตายอย่างแน่นอน!”


เขาถูกหลิงอินเล่นงานจนตกหลุมพรางครั้งแล้วครั้งเล่า สติของเขาแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เอ่ยตั้งมั่นว่าจะสังหารหลิงอิน ฉีกนางออกเป็นชิ้น ๆ !


“เจ้าโง่เองจะโทษผู้ใดได้”


หลิงอินหัวเราะ ตั้งแต่นางมาถึงเมืองนภาก็รู้ได้ว่ามีทหารคอยคุ้มกันเมืองอยู่ การกระทำใด ๆ ที่อาจสร้างความเสียหายให้แก่เมืองนภาจะถูกทหารของเมืองหยุดเอาไว้


ก่อนหน้านี้นางตั้งใจยั่วยุลุงเก๋อ ชักจูงให้ลุงเก๋อลงมือใส่นาง


พรึ่บ!


ในตอนนั้นเอง ด้านนอกเมืองนภาก็ปรากฏร่างของผู้แข็งแกร่งน่าหวาดเกรงออกมา


ประมุขตระกูลเก๋อมาถึงแล้ว!


ปราณบนร่างของเขาน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง น่ากลัวเสียยิ่งกว่ายอดฝีมือตนอื่น ณ ที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก เขาก้าวเข้าไปยังขั้นเทียนตี้แล้ว แม้จะก้าวเข้าไปเพียงเท้าข้างเดียวไม่ใช่ทั้งตัว แต่ก็เป็นถึงกึ่งเทียนตี้!


เดิมทีเขาไม่ได้ต้องการจะมาที่นี่


เพียงแค่นาวาล่องนภาลำเดียว การแย่งชิงมีเพียงคนระดับล่างเข้าร่วม ไม่จำเป็นต้องให้เขามาด้วยตัวเอง แต่ยอดฝืมือของตระกูลเขากลับตายตกไปเสียหมด!


สิ่งนี้ทำให้เขาไม่อาจนิ่งเฉยได้และตรงมาที่นี่ในทันที


“ท่านประมุข! ทั้งหมดล้วนเกิดจากแม่นางน้อยคนนั้น!”


เมื่อลุงเก๋อเห็นประมุขตระกูลมาถึง เขาก็รีบวิ่งไปหาทันที จากนั้นก็ร้องไห้พร้อมรายงานเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น


“ท่านประมุข พวกเราจะต้องไม่ปล่อยนางไป!”


เขากล่าวออกมาทั้งน้ำตา


ทว่ากลับถูกประมุขตระกูลตบเขาจนกระเด็นออกไปอย่างไม่ทันได้คาดคิด!


“การกระทำไร้สมองของเจ้า ทำให้ตระกูลเก๋อขายหน้าเป็นอย่างยิ่ง!”


ใบหน้าของประมุขตระกูลเต็มไปด้วยความโกรธ เขาโกรธเป็นอย่างมาก เก๋อไห่น่าอับอายขายน่าเหลือเกิน ถึงกับถูกเด็กสาวตัววน้อยอย่างหลิงอินจูงจมูกเดินไปมาได้!


“ทุกท่านไม่ทราบว่า...”


เขามองไปยังยอดฝีมือจากเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดคนอื่น ๆ จากนั้นดวงตาก็ทอประกายเย็นเยียบ เห็นได้ชัดว่าพวกเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดเหล่านี้กำลังใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายเพื่อลดทอนความแข็งแกร่งของตระกูลเก๋อ


ยอดฝีมือจากเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดมีขอบเขตสูงเพียงใด จะสามารถถูกหลิงอินยั่วยุจนสังหารยอดฝีมือตระกูลเก๋ออย่างง่ายดายได้อย่างไร?


เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาเหล่านี้เพียงแค่ต้องการสังหารยอดฝีมือตระกูลเก๋อด้วยความตั้งใจของตนเอง การยั่วยุของหลิงอินเป็นเพียงแค่ข้ออ้างให้พวกเขา


เหล่าเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจต่างไม่พูดอะไร พวกเขารู้ดีว่าประมุขตระกูลเก๋อสามารถตระหนักได้ถึงความตั้งใจที่แท้จริงของพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่ได้กังวลใจแต่อย่างใด


ฆ่าก็ฆ่าไปแล้ว ครั้งนี้ตระกูลเก๋อทำได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน ไม่อาจร้องทุกข์อะไรออกมาได้


ตระกูลเก๋อจะเอาความกล้าและพลังมาจากที่ใดเพื่อชำระบัญชีกับกองกำลังจำนวนมากเช่นนี้!


“หลิงอินใช่หรือไม่? ออกมาเสีย ไม่เช่นนั้นข้ารับรองว่าเจ้าจะต้องตายอย่างเจ็บปวดทรมาน!”


ประมุขตระกูลเก๋อมองไปทางหลิงอินแล้วเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “ยอมออกมาอย่างว่าง่ายเสียเดี๋ยวนี้ แล้วข้าจะยังคงเหลือศพเอาไว้ให้เจ้า! มิเช่นนั้นหลังจากข้าเข้าไปในเมืองแล้ว เจ้าจะไม่มีแม้แต่ศพให้ฝัง!”


ห้ามลงไม้ลงมือใช้พลังในเมืองนภา


นี่ก็เพียงเพื่อป้องกันไม่ให้ใครทำลายเมืองนภา


ทว่าตัวเขามีพลังมากพอจะจัดการหลิงอินโดยไม่กระทบต่อเมืองนภา!

บทที่ 499

ประมุขตระกูลเก๋อปรายตามองลงมาที่หลิงอิน ประกายแสงเย็นเยียบแล่นวาบในตาของเขา ทั่วร่างเปี่ยมด้วยจิตสังหาร


ความภาคภูมิของตระกูลเก๋อถูกเด็กสาวตัวน้อยอย่างหลิงอินทำลายทิ้งไปจนสิ้น ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องสังหารหลิงอินลงที่นี่ให้ได้


“ไม่จำเป็นต้องเข้ามา ข้าจะออกไปมอบ ‘ความสุข’ ครั้งสุดท้ายให้กับผู้อาวุโสเก๋อด้วยตนเอง!”


หลิงอินแย้มยิ้มออกมาอย่างสดใสโดยปราศจากความหวาดกลัว จากนั้นนางก็เดินออกจากเมืองนภาจริง ๆ


“หืม!?”


“จริงหรือนี้!”


สิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านนอกเมืองนภาต่างตกตะลึง เกิดความสงสัยอย่างจริงจังว่าตนเองมองผิดไป


หลิงอินแข็งแกร่งถึงปานนั้นเชียวหรือ?


เดิมทีพวกเขาต่างก็คิดว่าหลิงอินจะซ่อนตัวอยู่ในเมืองนภาไม่ยอมออกมา คาดไม่ถึงว่านางจะเดินออกมาด้านนอกเมืองนภาด้วยตนเอง


นี่มันเกินกว่าความคาดหมายของพวกเขาจริง ๆ


“ความสุข!? ความสุขของข้าคือได้ฆ่าเจ้า!”


ลุงเก๋อกัดฟันแน่น เขาโกรธเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินคำว่า ‘ความสุข’ จากปากของหลิงอิน!


ในตอนนี้เขาไม่อาจทนฟังคำว่า ‘ความสุข’ ได้!


เสียงตู้มดังขึ้นมา เขาพุ่งจากจุดเดิมตรงเข้าใส่หมายสังหารหลิงอิน


เขาเกลียดนางเป็นอย่างมากจนอยากจะฉีกนางออกเป็นชิ้น ๆ!


“ใจร้อนอยากได้ ‘ความสุข’ ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ข้าจะมอบให้เจ้าเอง!”


หลิงอินยิ้ม ก่อนจะยกมือขึ้นเรียกคันศรออกมารั้งสาย จากนั้นก็ยิงศรแสงตรงไปทางลุงเก๋อ!


ลูกศรดอกนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก มันพุ่งถึงตัวลุงเก๋อภายในพริบตา หลังจากนั้นลุงเก๋อก็ถูกขุมพลังอันกล้าแกร่งพัดกระเด็นกระแทกพื้นอย่างแรง!


“อ๊ากกก!”


ลุงเก๋อกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ใบหน้าเขียวคล้ำมีเส้นเลือดปูดโปน มือทั้งสองข้างกุมหว่างขาที่มีบางสิ่งบางอย่างถูกทำลายไปจนมีเลือดไหลทะลักออกมา!


“ความสุขของข้า!”


ลุงเก๋อร้องไห้ ใบหน้าชราซีดเซียวราวกับทั้งชีวิตถูกทำลายลงไป!


เขาพยายามฟื้นฟูส่วนนั้นขึ้นมาใหม่ แต่กลับไร้ผลใด เนื่องจากตรงจุดนั้นยังมีพลังจากลูกศรหลงเหลือเอาไว้อยู่ ทำให้มีพลังของกฎบางอย่างดำรงอยู่ หากเขาต้องการจะฟื้นฟูส่วนนั้นขึ้นมาใหม่ พลังของเขาจำเป็นต้องเหนือยิ่งกว่ากฎนั่น!


ทว่าพลังของกฎนั่นน่าสะพรึงกลัวเกินไป เขารู้สึกว่าตัวเขาไม่สามารถเหนือกว่ามันได้เลย กระทั่งเทียนตี้เองยังไม่สามารถอยู่เหนือกว่ามันได้!


ถ้าหากไม่สามารถเหนือกว่ามันได้ ตลอดชีวิตที่เหลือของเขาก็เป็นได้เพียงแค่...ขันที!


“ข้าไม่ต้องการ!”


เขาร้องไห้ออกมาอย่างสุดชีวิต มันเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นี่คือแหล่งความสุขของเขา!


“ตอนนี้ความสุขของเจ้าได้จบลงแล้ว!”


หลิงอินกล่าวด้วยรอยยิ้ม


นางรู้แจ้งว่าลูกศรดอกนั้นของตนเองทรงพลังเพียงใด กระทั่งเทียนตี้ก็ไม่อาจลบล้างพลังของลูกศรที่ถูกทิ้งเอาไว้บนร่างของลุงเก๋อได้


อีกกว่าครึ่งชีวิตที่เหลือลุงเก๋อจะต้องอยู่ต่อไปในฐานะขันที


“อะไรกัน!”


“คันศรนั่นมันอะไรกัน!”


ยอดฝีมือจากเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจอื่นต่างตกตะลึง พวกเขาล้วนถูกคันศรในมือหลิงอินทำให้แตกตื่น


เต๋าที่ไหลเวียนอยู่บนคันศรนั้นเหนือชั้นจนเกินไป คันศรนี่อยู่ในขั้นไหนกันแน่?


พวกเขาแตกตื่นเนื่องจากสัมผัสได้ว่าอาวุธเทียนตี้ในกองกำลังของพวกเขาต่างไม่อาจเทียบได้กับคันศรนั่น!


อีกด้านหนึ่ง ม่านตาของประมุขตระกูลเก๋อหดเล็กลง เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าหลิงอินจะน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้!


ลูกศรที่หลิงอินยิงออกมาเมื่อครู่รวดเร็วเสียจนเขาไม่ทันได้ตอบสนอง!


นี่มันเกินความคาดหมายของเขา!


จะเป็นไปได้อย่างไร!?


เขาคือกึ่งเทียนตี้ หลิงอินเป็นเพียงขั้นบัญญัติสูงสุดผู้หนึ่ง เขาจะไม่ทันตอบสนองลูกศรที่ถูกยิงออกมาได้อย่างไร!?


ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังคันศรในมือของหลิงอิน ทั้งหมดจะต้องเป็นเพราะคันศรในมือของหลิงอินอย่างแน่นอน!


ตู้ม!


เขาลงมือ พลังของกึ่งเทียนตี้ปะทุออกมาโดยไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ เขาไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ เขาต้องการรู้ว่าคันศรในมือของหลิงอินแข็งแกร่งเพียงใด!


หลิงอินรั้งคันศร จากนั้นก็ยิงลูกศรออกมาอย่างรวดเร็ว เพียงแค่พริบตาเดียวมันก็ทะลวงผ่านพลังทั้งหมดของประมุขตระกูลเก๋อ พุ่งปักใส่ร่างของประมุขตระกูลเก๋อ!


โลหิตสาดกระเซ็น ประมุขตระกูลเก๋อถูกกระแทกลงพื้นจนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่บนพื้นดิน ประหนึ่งเกิดเป็นหุบเหวแห่งหนึ่งขึ้นมา!


หา!


สิ่งมีชีวิตทั้งหมด ณ ที่แห่งนี้อ้าปากค้าง ความหวาดผวาทำให้ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างหยุดไม่ได้ ภายในใจต่างตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก!


กึ่งเทียนตี้ถูกโจมตีลงกับพื้นด้วยศรเพียงดอกเดียว พลังระดับนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!


ช่างเป็นคันศรที่ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง!


สามารถทำให้ขั้นบัญญัติสูงสุดผู้หนึ่งสำแดงพลังออกมาได้น่ากลัวถึงเพียงนี้!


พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอะไรออกมา คันศรนี่ล้ำค่าเกินความรู้ความเข้าใจของพวกเขา!


อีกด้านหนึ่ง หลิงอินไม่ได้สนใจกับความตื่นตระหนกของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ นางเพียงทะยานกลับเข้าไปในเมืองนภา


นางเรียกนาวาล่องนภาออกมา จากนั้นก็เชื้อเชิญหญิงสาวจิ้งจอกสวรรค์ให้ขึ้นไปด้วยกัน ต้องการจะพาจิ้งจอกสวรรค์ออกไปจากที่แห่งนี้


หากนางไม่พาจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าตนไปด้วย พวกจิ้งจอกสวรรค์คงยากยิ่งที่จะออกจากเมืองนภาได้


ถึงอย่างไรก็มีผู้จับจ้องหญิงสาวเผ่าจิ้งจอกสวรรค์มากเกินไป


“ขอบคุณท่าน!”


จิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าขอบคุณหลิงอินไม่หยุดด้วยความซาบซึ้ง พวกนางรู้ว่าหลิงอินกำลังช่วยเหลือพวกนาง


“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”


หลิงอินยิ้มก่อนจะให้จิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าเดินขึ้นไปยังนาวาล่องนภา


ระหว่างนั้น กังจื่อได้แต่ยืนมองอยู่ด้านข้างอย่างโง่งม เขาไม่มีความกล้าที่จะหยุดยั้ง ไม่กล้ากระทั่งจะหายใจแรง ๆ


ไม่เห็นลุงเก๋อที่เสียแหล่งความสุขไปแล้วหรือ? ไม่เห็นประมุขตระกูลถูกยิงด้วยศรจนกระแทกพื้นเป็นหลุมหรอกหรือ?


เขาจะเอาความกล้าจากที่ใดมาหยุดยั้ง!


เขายังไม่อยากสูญเสียแหล่งความสุขไปอย่างลุงเก๋อ!


หลังจากที่เหล่าจิ้งจอกสวรรค์ขึ้นไปบนนาวาล่องนภาแล้ว เสี่ยวหยาก็เดินตามขึ้นไป


“หยุดคิดวางแผนอะไรได้แล้ว เข้าใจใช่หรือไม่?”


หลิงอินมองไปยังยอดฝีมือของเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดคนอื่น ๆ จากนั้นก็เอ่ยเตือนขึ้นมา


เสร็จแล้วนางก็ขึ้นมาภายในนาวาล่องนภา ก่อนจะจากเมืองนภาไป


ภายในนาวาล่องนภา หลิงอินสนทนากับจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้า


ผลเป็นตามที่คาดเอาไว้ จิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าประมูลตนเองก็เพราะสถานการณ์ปัจจุบันของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ย่ำแย่เป็นอย่างมาก!


หลังจากผ่านการดิ้นรนมายุคแล้วยุคเล่า เผ่าของพวกนางก็ตกต่ำ ไม่กล้าโผล่ออกมาให้เห็นโดยง่าย ตอนนี้พวกนางไม่มีแม้แต่ทรัพยากรจะให้คนในเผ่าใช้ฝึกฝน


หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เผ่าของพวกนางมีโอกาสอย่างมากที่จะถูกตัดขาดออกจากเส้นทางแห่งการฝึกฝน


ดังนั้นพวกนางจึงตั้งใจไปที่โรงประมูลด้วยตนเองโดยไม่บอกหัวหน้าเผ่า หวังว่าจะสามารถหาหินเทวะมาช่วยเหลือเผ่าของพวกตนให้ผ่านพ้นจากความยากลำบากไปได้


“เฮ้อ”


หลิงอินถอนหายใจออกมา นี่คือโลกแห่งการฝึกตน ผู้อ่อนแอย่อมกลายเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง ทุกสิ่งตัดสินกันด้วยพลัง หากไร้ซึ่งพลัง ก็ได้แต่ทนทุกข์อยู่ในโลกแห่งการฝึกตน


“ด้านในนี้มีหินเทวะอยู่เกือบแสนล้าน พวกเจ้าเอาไปเถอะ”


หลิงอินหยิบศาสตราบรรจุของที่เก็บหิวเทวะเอาไว้ออกมา ก่อนจะมอบให้กับจิ้งจอกสวรรค์


นี่คือหินเทวะทั้งหมดที่นางได้มาจากดาวที่ดับสูญ นางส่งมอบพวกมันทั้งหมดออกไป


แต่ทว่าจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าไม่ได้รับศาสตราบรรจุของ


พวกนางต่างพากันคุกเข่าลงบนพื้นแล้วกล่าวว่า “ท่านเป็นคนดี ท่านสามารถช่วยเหลือพวกเราได้หรือไม่? ภายในนาวาล่องนภานั้นกว้างใหญ่เป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังสามารถเดินทางภายในจักรวาลหมื่นดาราได้ ท่านช่วยพาเผ่าของพวกเราไปจากอาณาจักรอวี้ซวีได้หรือไม่?”


หินเทวะเกือบแสนล้านก้อนเพียงพอให้เผ่าของนางใช้ฝึกฝนเป็นระยะเวลานาน


แต่นี่ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาของเผ่านาง


เผ่าของนางยังคงต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ถูกสิ่งมีชีวิตอื่นจ้องจับตัวไป!


สุดท้ายพวกนางก็ไม่มีทางอยู่อย่างสงบสุขได้เช่นเดิม


พวกนางต้องการหลบหนีออกจากอาณาจักรอวี้ซวี ตามหาอาณาจักรแห่งใหม่เพื่ออยู่อาศัย เช่นนั้นจึงจะสามารถแก้ไขปัญหาของพวกพวกนางได้อย่างสิ้นเชิง


ด้านในนาวาล่องนภากว้างขวางเป็นอย่างมาก มันสามารถรองรับสมาชิกทั้งหมดในเผ่าของพวกนางได้ พวกนางจึงต้องการจะขอร้องให้หลิงอินพาพวกนางออกจากอาณาจักรอวี้ซวี


“เช่นนั้นเอง...”


หลิงอินเข้าใจความคิดของเหล่าจิ้งจอกสวรรค์


อันที่จริง เป็นนางที่คิดไม่รอบคอบเอง เกรงว่าแม้นางจะมอบหินเทวะให้เผ่าจิ้งจอกสวรรค์มาเพียงใด ก็ไม่มีทางแก้ไขปัญหาของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ได้อย่างหมดจด


หากต้องการจะแก้ไขปัญหาของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง ก็จำเป็นต้องหาสถานที่ปลอดภัยให้เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ได้อยู่อาศัย


“เอาล่ะ พวกเราไปที่เผ่าของพวกเจ้ากันก่อน แล้วค่อยพาพวกเจ้าทั้งหมดออกจากอาณาจักรอวี้ซวี”


หลิงอินกล่าว นางตัดสินใจพาเผ่าจิ้งจอกสวรรค์กลับไปยังอาณาจักรที่นางอาศัยอยู่


ทำเช่นนี้จึงเป็นการรับรองความปลอดภัยของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์


เรื่องการพาไปยังอาณาจักรแห่งอื่นนั้นนางเองก็คิด แต่ก็ต้องปัดตกไปอย่างรวดเร็ว


จิ้งจอกสวรรค์นั้นมีความงดงามตั้งแต่เกิด ความสามารถในการดึงดูดใจนั้นมากเกินไป หากพาพวกนางไปยังอาณาจักรอื่น ผลที่ออกมาก็เกรงว่าจะไม่ต่างอะไรไปจากอาณาจักรอวี้ซวี


หลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เป็นทางเลือกที่ดีกว่าหากนางพาจิ้งจอกสวรรค์เหล่านี้กลับไปด้วย


จากการดูแลช่วยเหลือของนาง เผ่าจิ้งจอกสวรรค์จะปลอดภัยกว่าเป็นอย่างมาก

บทที่ 500

นาวาล่องนภาเดินทางผ่านความว่างเปล่าไปภายใต้การนำทางของจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าตน ก่อนพวกนางจะมาถึงที่ตั้งของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์อย่างรวดเร็ว


“ไม่ฟังคำเตือนเลยสินะ!”


หลิงอินเหยียดยิ้ม ญาณสัมผัสของนางแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แข็งแกร่งยิ่งกว่าญาณสัมผัสของเทียนตี้ทั่ว ๆ ไปเสียด้วยซ้ำ


ยอดฝีมือจากเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดหลายคนดูเหมือนจะยังไม่ถอดใจ นางสัมผัสได้ว่ามีญาณสัมผัสของเทียนตี้จำนวนหลายคนเพ่งเล็งพวกนางเอาไว้


นางจึงสั่งให้นาวาล่องนภาหยุด ก่อนจะลอยออกไปด้านนอกเรือ จากนั้นก็เรียกคันศรออกมาน้าวยิ่ง เพียงชั่วพริบตา ศรแสงหลายดอกก็ถูกควบแน่นขึ้นบนคันศร


ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!


นางปล่อยสายคันศร ส่งลูกศรหลายดอกออกไป แต่ละดอกล้วนแฝงไว้ด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก แยกย้ายพุ่งไปยังเทียนตี้ที่ใช้ญาณสัมผัสตามติดพวกนางเอาไว้


ศรพุ่งผ่านผืนฟ้า ราวกับเป็นเส้นแสงพุ่งมาจากที่ไกลโพ้น ทำให้สิ่งมีชีวิตภายในอาณาจักรอวี้ซวีต่างตกตะลึง!


ผ่านไปเพียงไม่นาน สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้ยินเสียงระเบิดอันน่าหวาดกลัวจากทุกหนแห่ง ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของเทียนตี้คนแล้วคนเล่า


พวกเขาทั้งหมดต่างตกใจกลัว


ผู้ใดกันเป็นคนยิงลูกศรออกมา? ช่างน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว!


สิ่งนี้เหนือยิ่งกว่าความรู้ความเข้าใจของพวกเขาไปโดยสิ้นเชิง!


“ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว”


หลิงอินกล่าวด้วยรอยยิ้ม นางเก็บคันศรลงไปก่อนจะกลับเข้าไปในนาวาล่องนภา จากนั้นจึงล่องเรือต่อจนไปยังที่ตั้งของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์


ในตอนนี้ไม่มีเทียนตี้ผู้ใดกล้าสอดส่องพวกนางอีกต่อไป


นาวาล่องนภาเคลื่อนไปด้วยความเร็วสูงเป็นอย่างมาก ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจพวกนางก็มาถึงดินแดนของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์


หลังจากนั้นพวกนางก็พากันทะยานลงมาจากนาวาล่องนภา


หลิงอินกวาดตามองสภาพแวดล้อมโดยรอบ ดินแดนของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ในปัจจุบันเลวร้ายเป็นอย่างมาก แทบจะไม่หลงเหลือร่องรอยของปราณเลย


เพื่อหลบหนีการถูกจับ เผ่าจิ้งจอกสวรรค์จึงไม้กล้าจะอาศัยอยู่ในดินแดนที่มีปราณหนาแน่น กล้าเพียงจะอาศัยอยู่ในดินแดนที่มีปราณเบาบาง


“ท่านหัวหน้าเผ่า!”


จิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าตนเดินนำหน้า ก่อนจะเข้าพบหัวหน้าเผ่าของตนเองเพื่อรายงานสถานการณ์ทุกอย่าง


“พวกท่านคือผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพวกเรา!”


หัวหน้าเผ่ารู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก นำสมาชิกเผ่าทั้งหมดมาคุกเข่าคำนับหลิงอินและเสี่ยวหยา


“ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น!”


หลิงอินและเสี่ยวหยารีบเข้าไปพยุงหัวหน้าเผ่าอย่างรวดเร็ว ป้องกันไม่ให้หัวหน้าเผ่าต้องคุกเข่าลง


หลังจากนั้นเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ทั้งหมดก็ขึ้นไปบนเรื่อล่องนภาแล้ว หลิงอินก็บังคับนาวาล่องนภาให้ออกไปจากที่แห่งนี้


พื้นที่ภายในนาวาล่องนภากว้างใหญ่เป็นอย่างมาก แม้ว่าเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ทั้งหมดจะเข้ามาก็ไม่แออัดแม้แต่น้อย ทั้งยังคงเหลือที่ว่างอีกเป็นจำนวนมาก!


จากนั้นพวกนางก็จากอาณาจักอวี้ซวีไปเช่นนี้




อีกด้านหนึ่ง ผู้เฒ่าเมิ่งจีกับพวกอ้ายฉานต่างก็ประสบความสำเร็จในการ ‘ยืม’ สมบัติล้ำค่าจากเก้าแดนต้องห้าม ทำให้พวกเขามีพลังมากพอจะซ่อมแซมรอยร้าวของเขตแดนอาณาจักร


ขณะเดียวกัน ผู้เฒ่าเมิ่งจีก็ได้ปิดผนึกเส้นทางในดินแดนต้องห้ามเหล่านี้ด้วย


“ยังคงมีเส้นทางเหลืออยู่อีกไม่น้อย!”


ผู้เฒ่าเมิ่งจีถอนหายใจออกมา ในยามนี้เขารับรู้เรื่องราวมากมายที่เขาไม่เคยล่วงรู้มาก่อน มีสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรมากมายอยู่ด้านในอาณาจักรแห่งนี้ หาได้มีเพียงเก้าแดนต้องห้ามเท่านั้น


ยังมีสิ่งมีชีวิตภายนอกอาณาจักรหลบซ่อนอยู่ ด้านในของพวกมันเองก็มีเส้นทางอยู่ เขาต้องการจะปิดผนึกเส้นทางเหล่านั้นด้วย


แน่นอนว่าด้วยขอบเขตความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา ย่อมไม่สามารถปิดผนึกเส้นทางเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์ หากมสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเป็นอยากมากลงมือเข้าจริง ๆ ก็ยังคงสามารถทะลวงผ่านผนึกของเขาออกมาได้


แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังต้องการจะปิดผนึกเส้นทางเหล่านี้


อย่าไรเสียการมีผนึกอยู่ หากมีสิ่งมีชีวิตภายนอกเข้ามา พวกเขาก็ยังสามารถรับรู้การเคลื่อนไหวได้ในทันที


แต่ทว่านอกจากเก้าแดนต้องห้ามแล้ว พวกเขาก็รู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตภายนอกอื่น ๆ น้อยเป็นอย่างมาก เขารู้เพียงแค่มีสิ่งมีชีวิตภายนอกดำรงอยู่ภายในอาณาจักร


กระทั่งเก้าแดนต้องห้ามเองยังรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตภายนอกเหล่านั้นเพียงน้อยนิด ไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอนของสิ่งมีชีวิตภายนอกเหล่านั้น


“อ้ายฉาน พวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”


ในตอนนั้นเอง ศาสตราสื่อสารของอ้ายฉานก็สว่างขึ้น พร้อมกับมีเสียงดังออกมา


“พี่เซี่ยเหยียน พวกเราจัดการเก้าแดนต้องห้ามเรียบร้อยแล้ว ทว่าพวกเรายังคงมีปัญหาบางอย่าง...”


อ้ายฉานตอบกลับ


ใช่แล้ว เป็นเซี่ยเหยียนที่ติดต่ออ้ายฉานไปเพื่อดูว่าพวกอ้ายฉานลงมือกันไปถึงไหนแล้ว


“ปัญหาอันใด?”


คำถามของเซี่ยเหยียนส่งผ่านศาสตราสื่อสาร


อ้ายฉานไม่ได้ปิดบังสิ่งใด บอกเล่าปัญหาทั้งหมดที่พบให้กับเซี่ยเหยียน ทั้งยังบอกว่าพวกตนต้องการจะปิดผนึกเส้นทางของสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรที่อื่น ๆ แต่กลับไม่รู้ตำแหน่งแน่นอนของสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรเหล่านี้...


“จำเป็นต้องทำเช่นนั้นจริง”


เซี่ยเหยียนกล่าว “ต้องทำเช่นนี้พวกเราจึงสามารถเคลื่อนไหวได้ทันกาล แต่การจะตามหาสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจากต่างอาณาจักไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ...”


ทว่าในตอนนั้นเอง เซี่ยเหยียนก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาจากศาสตราสื่อสาร


“ข้านึกถึงคนผู้หนึ่งที่จะสามารถช่วยเหลือพวกเจ้าได้”


เซี่ยเหยียนพูดต่อ “ด้วยความช่วยเหลือจากเขา น่าจะทำให้พวกเราสามารถค้นหาตำแหน่งของสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรทั้งหมดได้ ข้าจะลองไปถามเขาดูว่าสามารถช่วยเหลือพวกเจ้าได้หรือไม่”


หลังจากนั้นนางก็ออกจากสำนักไท่หัว ตรงไปยังเมืองชิงซาน


เมืองชิงซาน?


ผู้ที่เซี่ยเหยียนเอ่ยถึงคือคุณชายอย่างนั้นหรือ?


แน่นอนว่าต้องไม่ใช่


คนที่เซี่ยเหยียนกล่าวถึงคือ ตงฟางเวิ่น


นางมักจะไปพบคุณชายอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้รู้จักกับตงฟางเวิ่นไม่น้อย นางรู้ที่มาของตงฟางเวิ่นเนื่องจากอีกฝ่ายเคยบอกเล่าให้ฟัง


ในฐานะสมาชิกเครือข่ายข่าวสารขั้นห้าของกองกำลังฮวงเฉวียน ตงฟางเวิ่นคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ตราบใดที่ตงฟางเวิ่นสามารถช่วยเหลือได้ การค้นหาสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรเหล่านั้นไม่น่านับเป็นเรื่องยาก


แต่ทว่า นางเองก็ไม่รู้ว่าตงฟางเวิ่นจะสามารถช่วยเหลือได้หรือไม่


อย่างไรเสียตงฟางเวิ่นก็เป็นคนที่อยู่ข้างกายคุณชาย อาจถูกเรียกใช้ให้ไปทำอะไรบางสิ่งอยู่


นางมาถึงเมืองชิงซานอย่างรวดเร็ว


นางแวะกล่าวทักทายต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน จากนั้นก้เข้าไปในเมืองชิงซาน


“ผู้เฒ่าเวิ่นอยู่หรือไม่?”


นางเคาะประตูหน้าลานเล็ก ๆ ของตงฟางเวิ่น


“ใครกัน?”


ตงฟางเวิ่นเปิดประตูอย่างรวดเร็ว เมื่อพบว่าเป็นเซี่ยเหยียนก็รีบกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นแม่นางเซี่ยเหยียน เชิญเข้ามาด้านในก่อน!”


“ครั้งนี้ข้ามีเรื่องต้องการจะรบกวนผู้เฒ่าเวิ่น”


หลังจากเข้ามาในลานเล็ก ๆ แล้ว เซี่ยเหยียนก็เอ่ยจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ทันที ก่อนจะถามตงฟางเวิ่นว่าสามารถไปช่วยเหลือพวกผู้เฒ่าเมิ่งจีได้หรือไม่


“คุณชายมีใจเป็นห่วงใต้หล้าแห่งนี้จริง ๆ ไม่อาจทนเห็นสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแห่งนี้ทนทุกข์ทรมาน!”


ตงฟางเวิ่นกล่าวออกมา


เขาคิดมานานแล้วว่าคุณชายจะไม่ทนเพิกเฉยต่อหายนะที่สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแห่งนี้จะต้องเผชิญ คุณชายได้วางแผนการทั้งหมดเอานานแล้ว โดยให้เมิ่งจีและคนอื่น ๆ ออกไปทำเรื่องต่าง ๆ ภายนอก


อีกทั้งในแผนการของคุณชายก็ยังมีตัวเขาอยู่ด้วย!


“ไม่แปลกใจเลยที่คุณชายบอกกับข้าก่อนหน้านี้ว่าจะไม่มาเล่นหมากรุกด้วยสักพัก ปรากฏว่าคุณชายคาดการณ์เรื่องทั้งหมดเอาไว้แล้ว คุณชายต้องการจะให้ข้าออกไปช่วยเหลือพวกเมิ่งจี!”


ตงฟางเวิ่นพูด


ครั้งสุดท้ายที่คุณชายมาพบเขาเพื่อเล่นหมากรุก คุณชายเคยบอกกับเขาพร้อมรอยยิ้มว่าจะไม่มาเล่นหมากรุกกับเขาสักพัก แต่ก็ไม่ได้บอกเป็นเพราะเหตุใด


ในยามนั้นเขาไม่เข้าใจความหมายของคำพูดคุณชาย ทั้งยังไม่กล้าเอ่ยถามอะไร


แต่ตอนนี้เซี่ยเหยียนมาหาเขา และถามว่าเขาสามารถลงมือช่วยเหลือพวกเมิ่งจีได้หรือไม่ ทำให้เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าคุณชายต้องการให้เขาออกไปช่วยเหลือพวกเมิ่งจี จึงบอกว่าจะไม่มาเล่นหมากรุกกับเขาสักระยะ


ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่ตงฟางเวิ่นคิดนั้นผิดเป็นอย่างยิ่ง


หลี่จิ่วเต้าบอกว่าเขาจะไม่มาเล่นหมากรุกกับตงฟางเวิ่นสักระยะ ก็เป็นเพราะตัวของหลี่จิ่วเต้าเองกำลังยุ่งอยู่กับสิ่งอื่น


เขาต้องการจะขุดสระน้ำเล็ก ๆ เพื่อปลูกดอกบัวและเลี้ยงปลาไว้ดูเล่น


สิ่งเหล่านี้ทำให้เขายุ่งเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาไปเล่นหมากรุกกับตงฟางเวิ่น


เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับตงฟางเวิ่น ก็เพราะเกรงว่าตงฟางเวิ่นจะขอไปช่วยเขาทำ


ตงฟางเวิ่นเรียนหมากรุกจากเขา และเคารพเขาเป็นอย่างมาก


หากเขาบอกว่าตนเองต้องการจะขุดสระน้ำเล็ก ๆ ขึ้นมา ตงฟางเวิ่นย่อมต้องขอไปช่วยเขาอย่างแน่นอน


ตงฟางเวิ่นแก่ชรามากแล้ว ไม่เหมาะกับงานที่ต้องใช้แรงเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่เอ่ยเรื่องนี้ออกมา


ถึงจะบอกว่า แม้ตงฟางเวิ่นจะขอไปช่วย เขาก็สามารถปฏิเสธตงฟางเวิ่นได้


แต่นี่ก็นับเป็นน้ำใจของตงฟางเวิ่น เขากลัวกว่าการปฏิเสธจะเป็นการทำร้ายจิตใจของตงฟางเวิ่น


คนแก่มักจะชอบคิดมาก


หากเขาไม่พูดถึงเรื่องนี้ ก็จะไม่มีเรื่องยุ่งยากอะไรตามมา


ดังนั้นเขาจึงไม่บอกอะไรกับตงฟางเวิ่น

491-495

บทที่ 491

ซีนั้นงดงามไร้ที่ติ งดงามจนสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกตกอยู่ในห้วงภวังค์ได้ ราวกับแยกออกจากโลกนี้ ประหนึ่งความฝัน งดงามสมบูรณ์แบบจนเกินไป!


สหาย?


หรือว่านี่จะเป็นผู้ร่วมทางของคุณชาย?


หยวนอีอดคิดขึ้นมาในใจไม่ได้ เพียงแค่มองภาพเหมือนของซี นางก็รู้สึกได้ว่าซีนั้นไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก อาจเป็นผู้ร่วมทางของคุณชาย


“เวลาก็ผ่านมานานมากแล้ว ซีอาจเพียงแค่แวะอยู่ที่ชิงโจวไม่นาน ไม่ได้ทิ้งร่อยรอยอะไรไว้มากนัก หากแม่นางหยวนอีหาไม่พบก็ไม่เป็นอะไร”


หลี่จิ่วเต้ากล่าวกับหยวนอี


ซีเคยบอกไว้ว่าจะแวะอยู่ที่ชิงโจวเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ได้อยู่นานนัก แถมระยะเวลาเองก็ผ่านมานานแล้ว หากต้องการจะตามหาร่องรอยของซีย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย


เขาเองก็ไม่คาดหวังว่าหยวนอีจะสามารถหาที่อยู่ของซีได้อย่างแน่นนอน อย่างไรเสียนี่ก็ไม่ต่างอะไรไปจากการงมเข็มในมหาสมุทร หากคิดมั่นใจว่าจะต้องตามหาพบอย่างแน่นอน ก็ดูจะเพ้อฝันเกินไปบ้าง


ยากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?


หลังจากฟังคุณชายพูดเช่นนี้ ภายในใจของหยวนอีก็หนักอึ้งเป็นอย่างมาก


การตามหาร่องรอยของซีดูเหมือนจะยากเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่คุณชายเองก็ไม่คิดว่างานนี้จะไม่มีทางไม่ล้มเหลว


คุณชายเก่งกาจถึงปานนี้ แต่กลับไม่มีความมั่นใจ เรื่องราวที่เกี่ยวพันอยู่เบื้องหลังซีจะต้องน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมากแน่นอน!


ซี...ไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด อาจเป็นตัวตนที่เดินร่วมทางกับคุณชายจริง ๆ!


“ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถอย่างแน่นอน!”


หยวนอีพยักหน้าอย่างจริงจัง ไม่ว่าเรื่องนี้จะยากเย็นถึงเพียงใด มีเรื่องอะไรเกี่ยวพันมากมาย นางก็จะไม่ถอย นางจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อทำงานที่คุณชายมอบหมายให้สำเร็จ!


“เช่นนั้นก็ขอบคุณเจ้ามาก!”


ขณะที่หลี่จิ่วเต้าพูด เขาก็หยิบของชิ้นหนึ่งออกมา


มันคือกล่องไม้ที่ถูกแกะสลักออกมาอย่างประณีต ดูแล้วสวยงามเป็นอย่างยิ่ง


ชายหนุ่มเปิดกล่องไม้ออก ด้านในเป็นเครื่องประดับครบชุด ประกอบด้วยปิ่นหยกหนึ่งอัน ต่างหูหยกหนึ่งคู่ และจี้หยกหนึ่งเส้น


แต่ไม่ว่าจะเป็นปิ่นหยก ต่างหูหยก หรือกระทั่งจี้หยกก็ถูกแกะสลักออกมาด้วยรูปแบบเหมือนกัน พวกมันทั้งหมดล้วนมีรูปลักษณ์เป็นกระบี่!


นี่คือเครื่องประดับกระบี่หยกสี่ชิ้น!


“ข้าทราบว่าแม่นางหยวนอีชอบเครื่องประดับหยก นี่คือชุดเครื่องประดับที่ข้าแกะสลักขึ้นมาเอง แม่นางหยวนอีรับไว้เถิด ไม่ว่าเรื่องในครั้งนี้จะสำเร็จหรือล้มเหลว ข้าก็ไม่สามารถปล่อยให้แม่นางหยวนอียุ่งโดยเปล่า”


หลี่จิ่วเต้าเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม


ครั้งก่อนหน้าที่หยวนอีเลือกหยิบกระบี่หยก เขาก็จดจำมันเอาไว้ในใจ


เขาคิดอยากจะให้หยวนอีช่วยตามหาที่อยู่ของซี ดังนั้นเขาจังตั้งใจแกะสลักเครื่องประดับหยกชุดหนึ่งให้หยวนอีเพื่อเป็นของขวัญสำหรับการช่วยเหลือ


รูปลักษณ์ของเครื่องประดับกระบี่หยกทั้งสี่ เขาแกะสลักขึ้นมาตามลักษณะของสี่กระบี่ประหารเซียนในสถาปนาเทวดา


ปิ่นหยกคือกระบี่สังหารเซียน ต่างหูข้างหนึ่งคือกระบี่ผนึกเซียน อีกข้างเป็นกระบี่พรางเซียน ส่วนจี้หยกคือกระบี่สะบั้นเซียน


หลังจากกล่องไม้ถูกเปิดออก ลั่วสุ่ยกับหยวนอีก็ต่างตกตะลึง


เครื่องประดับทั้งสี่ชิ้น แต่ละชิ้นไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด เปี่ยมด้วยสัมผัสแห่งเต๋าอันไม่อาจจินตนาการถึง ทว่าสิ่งที่ทำให้พวกนางตื่นตะลึงยิ่งกว่าก็คือ เมื่อนำเครื่องประดับทั้งสี่ชิ้นมาไว้ด้วยกัน เต๋าในแต่ละชิ้นต่างไหลเวียนสอดคล้อง ช่วยเติมเต็มกันและกัน จนดูราวกับประกอบกันกลายเป็นค่ายกลเซียน!


ค่ายกลเซียน!


พวกนางไม่เคยเห็นค่ายกลเซียนมาก่อน!


แต่พวกนางก็นึกถึงค่ายกลเซียนขึ้นมาจริง ๆ!


นี่เป็นเพราะพลังที่แฝงอยู่ในค่ายกลเหนือล้ำเกินกว่าจะจินตนาการถึง เหนือล้ำยิ่งกว่าทุกสิ่ง!


“สถาปนาเทวดา! ปรมาจารย์สวรรค์ (ทงเทียนเจี้ยวจู่)! สี่กระบี่ประหารเซียน! ค่ายกลประหารเซียน!”


ลั่วสุ่ยรู้สึกคุ้นเคยกับเครื่องประดับกระบี่หยกทั้งสี่ตั้งแต่แรกเห็น หลังจากคิดย้อนก็นึกขึ้นมาได้ นี่ไม่ใช่สี่กระบี่ประหารเซียนของปรมาจารย์สวรรค์ในเรื่องสถาปนาเทวดาที่คุณชายเคยเล่าให้ฟังอย่างนั้นหรือ!?


ในเรื่องราวสถาปนาเทวดาที่คุณชายเล่า ค่ายกลประหารเซียนที่ก่อขึ้นมาจากกระบี่ประหารเซียนทั้งสี่เล่ม ตามความเชื่อแล้วถือว่าเป็นค่ายกลสังหารค่ายกลแรก พลังน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง!


สวรรค์!


คุณชายมอบสี่กระบี่ประหารเซียนให้กับหยวนอี การตามหาร่องรอยของซีนับว่าอันตรายมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?


ค่ายกลประหารเซียนที่ก่อตัวจากสี่กระบี่ประหารเซียน ลั่วสุ่ยไม่สงสัยเลยว่ามันจะต้องสามารถสังหารเซียนได้อย่างแน่นอน!


นางอยู่ข้างกายคุณชายมานานแล้ว สามารถเข้าใจได้ว่านี่ไม่ใช่รางวัลที่คุณชายจะมอบให้หยวนอี แต่เป็นสิ่งที่คุณชายมอบให้หยวนอีเพื่อใช้ในการสืบหา


หรือว่าระหว่างการสืบหา หยวนอีอาจจะต้องเผชิญหน้ากับเซียน!?


หัวใจของนางเต้นระรัว นอกจากคุณายแล้ว บนโลกนี้ยังมีเซียนผู้อื่นอยู่หรือไม่?


ปลามังกรตัวนั้นเรียกขานตัวมันเองว่าเป็นเซียนมัจฉา แต่นางรู้สึกว่าปลามังกรตัวนั้นไม่ใช่เซียนมัจฉาที่แท้จริง นางไม่อาจรับรู้ได้ถึงความเป็นนิรันดร์บนร่างของปลามังกร


ปลามังกรอาจใกล้เคียงกับเซียนเป็นอย่างยิ่ง บางทีอาจมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับเซียน ทว่าไม่ใช่เซียนที่แท้จริงอย่างแน่นอน


ในตอนนี้หยวนอีจะต้องเผชิญหน้ากับเซียนที่แท้จริงอย่างนั้นหรือ?


คุณชายถึงกับมอบสี่กระบี่ประหารเซียนทั้งหมดให้ ดูเหมือนว่าสิ่งที่หยวนอีจะต้องเผชิญหน้านั้น จะต้องน่ากลัวกว่าปลามังกรเป็นแน่แท้!


หากไม่ได้เป็นเช่นนั้น คุณชายคงไม่มอบสี่กระบี่ประหารเซียนทั้งหมดให้!


สี่กระบี่ประหารเซียนประกอบกันเป็นค่ายกลสังหารเซียน พลังสังหารสามารถฆ่าปลามังกรตัวนั้นได้อย่างง่ายดาย สิ่งที่หยวนอีจะต้องเผชิญหน้าต้องเหนือกว่าปลามังกรตัวนั้นอย่างแน่นอน!


นางคิดขึ้นมาทันทีว่าหยวนอีมีโอกาสอย่างมากที่จะต้องเผชิญหน้ากับเซียนที่แท้จริง!


“!!!”


ภายในใจของนางเกิดความสั่นไหวอย่างถึงที่สุด ซี...มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่ ระหว่างการสืบหาจึงมีเซียนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย!


นี่...นี่มันน่าหวาดเกรงเกินไปแล้ว!


ขณะเดียวกัน ความสั่นไหวในใจหยวนอีเองก็ไม่น้อยไปกว่ากัน!


เครื่องประดับกระบี่หยกทั้งสี่ชิ้น ไม่ว่าจะเป็นชิ้นไหนก็ยังห่างไกลจากจี้กระบี่หยกที่นางเคยได้รับมาก่อนหน้า


แต่เมื่อเครื่องประดับหยกทั้งสี่ประสานเข้าด้วยกัน ก็สามารถบดขยี้จี้หยกกระบี่ทิ้งได้!


นางไม่เคยได้ยินเรื่องสถาปนาเทวดามาก่อน ไม่รู้ว่ากระบี่หยกทั้งสี่คือสิ่งใด หากแต่นางมั่นใจได้ว่ากระบี่หยกสี่เล่มน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง บางทีอาจสามารถต่อกรกับเซียนได้!


ใช่แล้ว ใช่แล้ว ซีที่คุณชายต้องการให้สืบหา จะต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาด!


ไม่อย่างนั้นแล้วคุณชายจะมอบกระบี่หยกทั้งสี่เล่มให้นางด้วยเหตุใด!


สิ่งที่อยู่ด้านในโลงศพสีชาดน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง อาจจะเป็นถึงเซียนผู้หนึ่งจริง ๆ คุณชายมอบกระบี่หยกทั้งสี่ให้กับนางเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเพื่อให้นางมีความสามารถมากพอจะจัดการสิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาด!


ตอนนี้นางไร้ซึ่งข้อสงสัยใดแล้ว ทุกอย่างได้รับการยืนยันเรียบร้อย ซีจะต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่อยู่ในโลงศพสีชาดเป็นแน่ การสืบหาของนางจะต้องเริ่มที่โลงศพสีชาด!


“ขอบคุณคุณชาย!”


หยวนอีปิดกล่องไม้ลงแล้วเก็บมันไป


“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”


หลี่จิ่วเต้ายิ้มพร้อมกล่าวออกมา “นี่ก็ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว อยู่ทานอาหารกลางวันด้วยกันก่อนเถอะ”


“ตกลง!”


หยวนอีพยักหน้าตอบรับ


...


ณ ชิงโจว ด้านในโพรงมังกร


โลงศพสีชาดเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็เกิดเพลิงสีม่วงแปลกประหลาดลุกโชนรอบด้าน ฉากที่เห็นชวนน่าขนลุกทำให้ผู้คนอดรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้!


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


มีเสียงดังขึ้นมาจากโลงศพสีชาด ราวกับมีบางอย่างกำลังทุบลงฝาโลงศพ มังกรดำที่อยู่ด้านข้างตัวสั่นระริก ภายในใจรู้สึกกระสับกระส่ายเป็นอย่างยิ่ง!


มันรู้ได้ว่านายท่านกำลังจะออกมาในไม่ช้า!

บทที่ 492

หลังรับมื้อเที่ยงเสร็จ หยวนอีบอกลาคุณชาย ออกจากลานเล็ก


“ลาก่อนผู้อาวุโสทั้งสอง!”


หยวนอีมีมารยาทยิ่ง หลังออกจากเมืองชิงซาน ยังไปบอกลาต้นหลิวและก้อนหินอีกด้วย


“เดินทางดี ๆ!”


“มาคราวหน้ามาสนทนากับพวกเราบ้างก็ได้”


ต้นหลิวและก้อนหินมีภาพจำอันดีงามต่อหยวนอี นางเป็นเด็กสาวมารยาทงามอย่างแท้จริง


พวกมันตั้งตารอการสนทนากับหยวนอีอย่างยิ่ง


“ได้!”


หยวนอีเดินจากไปด้วยรอยยิ้มร่า


“ไปหาพี่หญิงเซี่ยเหยียนก่อน!”


นางมิได้ตรงกลับไป หากแต่เหินไปยังสำนักไท่หัว หมายจะไปเยี่ยมเยียนเซี่ยเหยียน


อย่างไรเสียนานครั้งนางจะมาที ไม่ไปเยี่ยมพี่หญิงเซี่ยเหยียนได้อย่างไร


“เจ้ามาได้อย่างไร”


เซี่ยเหยียนแปลกใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นหยวนอี คิดไม่ถีงว่าอีกฝ่ายจะมาเยี่ยมนาง


นางรู้ว่าหยวนอีเคยรับใช้คุณชาย คุณชายเคยเล่าให้นางฟัง ซ้ำยังบอกนางว่าหากมีโอกาสช่วยดูแลหยวนอีบ้าง


“ข้าไปหาคุณชายมา”


หยวนอีตอบ เล่าทุกอย่างให้ฟัง มิได้คิดปิดบังเซี่ยเหยียน


นางรู้ดีว่าสถานะของเซี่ยเหยียนสำหรับคุณชายสูงส่งกว่านางมาก


“เครื่องประดับกระบี่หยกหนึ่งชุด ด้านในมีกระบี่หยกสี่เล่ม คล้ายว่ามีค่ายกลเซียนแฝงอยู่อย่างนั้นหรือ”


เซี่ยเหยียนฟังจบแล้วสีหน้าประหลาดไปเล็กน้อย นางนึกถึงเรื่องหนึ่ง


“ขอข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”


นางถามหยวนอี


“ได้สิ!”


หยวนอีหยิบกล่องไม้ออกมา พร้อมเปิดออก


เซี่ยเหยียนพินิจเครื่องประดับของกระบี่ทั้งสี่เล่มอย่างละเอียดซ้ำไปซ้ำมา สุดท้ายแล้วต้องสูดปาก ก่อนจะเอ่ย “อย่างที่คิด นี่คือสี่กระบี่ประหารเซียน มีค่ายกลประหารเซียนแฝงอยู่ภายใน!”


ยามได้ฟังคำอธิบายของหยวนอี นางก็รู้สึกว่าชุดเครื่องประดับกระบี่หยกที่คุณชายยกให้หยวนอีอาจเป็นสี่กระบี่ประหารเซียนในตำนานสถาปนาเทวดา


หลังจากนางตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแน่ใจ นางก็หมดข้อกังขา นี่คือสี่กระบี่ประหารเซียนในตำนานสถาปนาเทวดา!


“คิดไม่ถึงว่าคุณชายจะประทานสี่กระบี่ประหารเซียนแก่เจ้า!”


เซี่ยเหยียนมองหยวนอีด้วยสีหน้าประหลาดพลางกล่าว “เจ้าอาจไม่รู้ นี่คือศาสตราร้ายกาจสุดยอดชิ้นหนึ่งในตำนานสถาปนาเทวดาที่คุณชายเคยเล่า!”


นางอธิบายอย่างละเอียด “สงครามสถาปนาเทวดาที่คุณชายเล่า แท้จริงแล้วอาจเป็นสงครามสถาปนาเซียนในภพเซียน! ซึ่งประกอบด้วยสามฝ่ายใหญ่ ๆ อันได้แก่ ฝ่ายมนุษย์ ฝ่ายฉ่านเจี้ยว และฝ่ายเจี๋ยเจี้ยว บูรพาจารย์ของฝ่ายมนุษย์คือไท้เสียงเหล่ากุง เจ้านิกายฝ่ายเจี๋ยนเจี้ยวคือหยวนสื่อเทียนจุน เจ้านิกายฝ่ายเจี๋ยเจี้ยวคือทงเทียนเจี้ยวจู่!”


จากนั้น นางเล่าตำนานสถาปนาเทวดาที่ได้ฟังจากคุณชายให้หยวนอีฟัง


“ศึกสุดท้าย ทงเทียนเจี้ยวจู่ตั้งค่ายกลประหารเซียน สู้กับจตุนักบุญอริยะแบบหนึ่งต่อสี่! ค่ายกลประหารเซียนสมเป็นค่ายกลพิฆาตอันดับหนึ่ง สยดสยองยิ่งนัก!”


เซี่ยเหยียนมีสีหน้าเคร่งขรึม “จตุนักบุญอริยะ! นี่มิใช่ขอบเขตนักบุญเหมือนในอาณาจักรของเรา ในความคิดของข้า สี่ท่านนี้คือจักรพรรดิเซียน! จักรพรรดิในหมู่เซียน!”


“ร้ายกาจเพียงนี้เชียว!”


หยวนอีตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าของประดับที่ท่านเซียนประทานให้นางจะมีที่มายิ่งใหญ่ปานนี้!


หลังนางได้ฟังเรื่องราวสงครามสถาปนาเทวดาจากเซี่ยเหยียน ไฉนเลยจะไม่รู้ซึ้งของความน่าพรั่นพรึงของจตุนักบุญอริยะ


นักบุญนั้นผ่านด่านเคราะห์มานับหมื่นมิมีแตกดับ ล่วงรู้เรื่องราวทั้งปวงในโลก มองเห็นทั้งกาลอดีต กาลปัจจุบัน กาลอนาคต ซ้ำยังสำแดงมิติเวลา การกำเนิดและการแตกดับ สังสารวัฏได้ในฝ่ามือ!


จิตตานุภาพแผลงฤทธิ์ วิถีสวรรค์ย่อมเปลี่ยนผัน ไม่แตกไม่ดับ ก้าวพ้นมิติเวลา ไร้มลทินจากบ่วงกรรม ดำรงอยู่เป็นนิรันดร!


ขอบเขตเยี่ยงนี้ จะเหมือนขอบเขตนักบุญในอาณาจักรพวกนางได้อย่างไร


เป็นไปไม่ได้เลย!


ขอบเขตใต้นักบุญ ล้วนเป็นมดปลวก!


เซี่ยเหยียนพูดไม่ผิด นักบุญในตำนานสถาปนาเทวดาเทียบชั้นจักรพรรดิเซียน ถือเป็นการดำรงอยู่ขอบเขตจักรพรรดิในหมู่เซียน!


หลังได้ทราบที่มาของเครื่องประดับชุดนี้ หยวนอีสั่นเทิ้มไปทั้งตัว


สวรรค์!


ค่ายกลประหารเซียนนี้สังหารได้กระทั่งจักรพรรดิในหมู่เซียน!


สำหรับนาง เซียนถือเป็นการดำรงอยู่ที่มองเห็น แต่ไม่มีวันเอื้อมถึง บัดนี้ในมือนางกลับมีค่ายกลพิฆาตที่สังหารจักรพรรดิในหมู่เซียน จะมิให้นางตกใจได้อย่างไร มือที่หอบกล่องไม้สั่นระริก แทบประคองไว้ไม่อยู่!


เซี่ยเหยียนเห็นท่าทีเช่นนี้ของหยวนอี จึงรู้ว่าหยวนอีคงเข้าใจผิด หยวนอีอาจคิดว่าของประดับชุดนี้เป็นสี่กระบี่ประหารเซียนของจริง


นางเอ่ยขึ้น “คุณชายคงมิได้ประทานสี่กระบี่ประหารเซียนให้เจ้าจริง ๆ คิดแล้วนี่คงเป็นสิ่งที่คุณชายรังสรรค์ขึ้นโดยมีเค้าโครงจากสี่กระบี่ประหารเซียน ทว่า ต่อให้สร้างลอกเลียนสี่กระบี่ประหารเซียนเท่านั้น ข้าก็เชื่อว่าสังหารเซียนได้แน่นอน!”


หยวนอีเต็มตื้นเหลือคณา หลังได้ฟังคำกล่าวของเซี่ยเหยียนก็ชะงักไป


จริงสิ สี่กระบี่ประหารเซียนสังหารจักรพรรดิเซียนได้ คุณชายไฉนเลยจะประทานสี่กระบี่ประหารเซียนของจริงให้นาง นางคิดมากไปจริง ๆ!


ทว่า ต่อให้เป็นเช่นนั้น นางก็ไม่อาจสงบใจได้ไหว


ชุดเครื่องประดับในมือนางสังหารเซียนได้ ให้นางสงบใจได้เยี่ยงไร?


“ซีเก่งกาจขนาดนั้นเชียวหรือ”


เซี่ยเหยียนสะท้อนใจอย่างอดมิได้ “เพื่อสืบเสาะร่องรอยของซี คุณชายถึงกับประทานศาสตราประหารเซียนให้แก่เจ้า สิ่งที่อยู่เบื้องหลังซีน่าสะพรึงยิ่งนัก!”


“ใช่แล้ว!”


หยวนอีสะท้อนใจเหลือแสนเช่นกัน สิ่งที่อยู่เบื้องหลังซียิ่งใหญ่เหลือเกิน


นางบอกลาเซี่ยเหยียน หมายจะออกปฏิบัติภารกิจที่คุณชายมอบหมาย


“ได้ ระวังตัวด้วย!”


เซี่ยเหยียนบอกลาหยวนอียิ้ม ๆ


“ฮิฮิ จริงสิ ข้าขอถามสักประโยค บัดนี้ลั่วสุ่ยเป็นผู้หญิงของคุณชายแล้วหรือ”


หยวนอีถามอย่างประหลาดใจ ใคร่รู้ในความสัมพันธ์ระหว่างลั่วสุ่ยและคุณชายมาก


“หืม? ไยจึงพูดเช่นนี้” เซี่ยเหยียนตะลึงเล็กน้อย


“ข้าเห็นลั่วสุ่ยออกจากห้องคุณชาย เมื่อคืนลั่วสุ่ยคงนอนในห้องคุณชาย หูย ร่างมนุษย์ของนางงามพิลาศเป็นที่สุด นอนถึงเที่ยงกว่าจะตื่น ดูท่าเมื่อคืนคง…เหนื่อยน่าดู!”


หยวนอีหัวเราะคิกคัก


“!!!”


หลังเซี่ยเหยียนได้ฟัง สีหน้าเปลี่ยนไปรวดเร็วฉับไว!


นางในตอนนี้อยากสบถคำหยาบเหลือเกิน


เวรเอ๊ย!


มิน่าลั่วสุ่ยถึงไม่ยอมให้นางตามกลับไปด้วย ที่แท้ลั่วสุ่ยมีแผนอยู่แล้ว!


นางได้เสียกับคุณชายอย่างนั้นหรือ!!!


หืม มิใช่สิ คุณชายได้เสียกับลั่วสุ่ย!


เอ่ยเช่นนี้ยังมิค่อยจะถูกนัก ควรบอกว่า ลั่วสุ่ยถูกคุณชายทำมิดีมิร้ายอย่างนั้นหรือ!


“แยบคาย แยบคายยิ่ง!”


เซี่ยเหยียนร้องไห้ “ข้าควรคิดได้ตั้งนานแล้ว ลั่วสุ่ยนั่นดูก็รู้ว่าเจตนาไม่บริสุทธิ์ ครานั้นข้าควรร่วมเดินทางไปกับนาง!”


นางถูกวางกับดัก!


นางถูกลั่วสุ่ยวางกับดัก!


“พี่หญิงเซี่ยเหยียนไม่รู้หรอกหรือ เอ่อ ถือเสียว่าข้ามิได้พูด ถือเสียว่าข้ามิได้พูด!”


แต่เดิมหยวนอีคิดว่าเซี่ยเหยียนรับรู้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณชายกับลั่วสุ่ยนานแล้ว ทว่าบัดนี้ดูจากท่าทางเซี่ยเหยียน เห็นได้ชัดว่าไม่ทราบ!


อย่าให้พูดเลยว่านางหวั่นใจเพียงใด รีบเอ่ยขึ้น “ข้าไปก่อนนะพี่หญิงเซี่ยเหยียน ไม่ต้องไปส่ง!”


พูดจบก็วิ่งหนีไป


ส่งรึ?


เซี่ยเหยียนคิดไปส่งหยวนอีที่ไหน


นางในตอนนี้ทุกข์ตรมอย่างยิ่ง


สะเพร่า!


นางสะเพร่าเกินไป!


นางเอาแต่ระแวงหลิงอิน ไม่คิดเลยว่า กลับถูกลั่วสุ่ยชิงตัดหน้าไปเสียได้!


...


ณ อาณาจักรอวี้ซวี เมืองนภา


ที่นี่ถือเป็นนครขนาดใหญ่ ลอยอยู่กลางอากาศ กำแพงหลากหลายสีสันและสิ่งปลูกสร้างในเมืองล้วนสะท้อนให้เห็นถึงกลิ่นอายแห่งกาลเวลาอันยาวนานจนประเมินมิได้


สิ่งมีชีวิตสัญจรไปมาอยู่ในเมือง ทุกตนล้วนไม่ธรรมดา สูงส่งเหนือชั้น!


เมืองอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรอวี้ซวี!


ที่นี่สมคำร่ำลือ!


ตำหนักเก้าชั้นสูงตระหง่านขึ้นไปถึงหมู่เมฆ ประกายศักดิ์สิทธิ์วาววามอยู่ทั่วทุกแห่ง กระแสแห่งความโบราณเหนือชั้นกว่าที่ใด ที่นี่คือโรงจำนำอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรอวี้ซวี!


หลิงอินและเสี่ยวหยาอยู่ที่นี่!

บทที่ 493

หลิงอินและเสี่ยวหยามาอยู่ที่เมืองนภาด้วยค่ายกลเคลื่อนย้าย


พวกนางมาไม่เสียเที่ยว


โรงประมูลในเมืองนภามีศาสตราที่ใช้เดินทางในจักรวาลได้จริง ๆ


บัดนี้พวกนางกำลังรอการประมูลศาสตราเดินอากาศชิ้นนั้น


นี่คือนาวาล่องนภา แล่นทะลุอวกาศได้อย่างรวดเร็ว ลือกันว่าเป็นนาวาอันดับหนึ่งในการเดินทางข้ามจักรวาล คุณภาพน่าทึ่งยิ่ง สร้างโดยวัสดุระดับเทียนตี้ทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นศาสตราขั้นเทียนตี้อย่างแท้จริง ราคาสูงลิ่ว


และนาวาล่องนภาลำนี้มิได้ปรากฏครั้งแรกในโรงประมูลนี้ นาวาล่องนภาลำนี้อยู่ที่โรงประมูลมานานแล้ว และเคยถูกขายทอดอยู่หลายต่อหลายครั้ง ทว่าแทบทุกครั้งต้องจบด้วยการตกประมูล ไม่เคยซื้อขายสำเร็จ


เหตุผลนั้นมิใช่อย่างอื่น เพราะราคาของนาวาล่องนภาลำนี้สูงเกินไป อีกทั้งมีคุณสมบัติน้อย ทำได้เพียงเดินทางแล่นไปในอวกาศ ทุกคนจึงรู้สึกว่าการที่ต้องประมูลนาวาล่องนภาด้วยเงินมหาศาลนั้นมิสู้จะคุ้มเท่าใด


หลิงอินและเสี่ยวหยาโชคดีมาก นาวาล่องนภาลำนี้ไม่ถูกนำออกมาขายทอดนานแล้ว และพวกนางมาได้พอดีกับวันที่นาวาล่องนภาลำนี้ถูกยกขึ้นแท่นประมูลอีกครั้ง


ทว่า แม้จะบอกว่าโชคดีก็ยังไม่นับว่าโชคดีเท่าไร


เพราะสิ่งมีชีวิตที่มาเยือนโรงประมูลนี้ ส่วนใหญ่ล้วนหมายตานาวาล่องนภาลำนี้อยู่!


มีข่าวลือแพร่สะพัดในอาณาจักรอวี้ซวี ว่าแดนบรรพโกลาหลกำลังจะปรากฏตัวในอาณาจักรแห่งหนึ่ง!


เพราะเหตุนี้ โรงประมูลถึงนำนาวาล่องนภาออกมาขายทอดใหม่


และสิ่งมีชีวิตมากมายหมายใจอยากประมูลนาวาล่องนภามาให้ได้ เพื่อใช้ในการเดินทางข้ามอวกาศ ไปถึงอาณาจักรซึ่งเป็นที่ตั้งของแดนบรรพโกลาหล


พวกเขาต่างรู้ดีว่าแดนบรรพโกลาหลหมายความถึงสิ่งใด หากเก็บเกี่ยวบางอย่างได้จากที่นั่น พวกเขามีโอกาสบรรลุเซียนสูงมาก และดำรงอยู่เป็นนิรันดร์!


เพราะอย่างนั้นถึงได้บอกว่าหลิงอินและเสี่ยวหยาโชคดีและโชคไม่ดี


โชคดีคือพวกนางมาทันพอดี


และที่โชคไม่ดีคือทุกคนต่างหมายตานาวาล่องนภา การประมูลย่อมเป็นไปอย่างดุเดือด คู่แข่งของพวกนางมากเกินไป


“แดนบรรพโกลาหลหรือ”


หลิงอินพึมพำเสียงแผ่ว นางทราบข่าวนี้เช่นกัน และอาณาจักรที่ลือกันกว่ากำลังจะมีแดนบรรพโกลาหลปรากฏออกมานั้น คืออาณาจักรที่พวกนางอยู่!


นางย่อมรู้ดีว่าแดนบรรพโกลาหลนั้นสูงส่งมหัศจรรย์เพียงใด ยามได้ยินข่าวลือนี้ นางออกจะเชื่อไม่ลงอยู่สักหน่อย แต่ก็รู้สึกว่าควรเป็นเช่นนั้น


ถึงอย่างไรอาณาจักรที่พวกนางอยู่แสนจะไม่ธรรมดา ห้วงน้ำลึกยิ่ง การที่แดนบรรพโกลาหลปรากฏในอาณาจักรที่พวกนางอยู่ถือเป็นเรื่องปกติ


“เก้าแดนต้องห้ามอย่างทะเลต้องห้าม รวมถึงอาณาจักรเทียนหยวน ล้วนวางแผนเพื่อเข้าสู่แดนบรรพโกลาหลหรือ”


นางนึกถึงแดนต้องห้ามอย่างทะเลต้องห้าม และอาณาจักรเทียนหยวน รู้สึกว่ากองกำลังเหล่านี้คงพุ่งเป้าไปที่แดนบรรพโกลาหล


สิ่งมีชีวิตมากมายมาเพื่อนาวาล่องนภา โรงประมูลจึงจัดให้นาวาล่องนภาขายทอดเป็นลำดับสุดท้าย สิ่งที่ประมูลอยู่บนเวทีในตอนนี้คือนารีจิ้งจอกสวรรค์


บนเวทีมีนารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งหมดเก้าตน ล้วนแต่งามวิไลเย้ายวน ทุกรอยยิ้ม ทุกอิริยาบถช่างยวนตายวนใจ ราวกับเกิดมาพร้อมกับความวาบหวาม ให้ความรู้สึกจั๊กจี้ในใจเกินทน หลงใหลหัวปักหัวปำ!


“พวกเรามิใช่คนชั่ว พวกเราเพียงต้องการหาบ้านให้กับนารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าตนนี้!”


พิธีกรประมูลบนเวทีท่าทางฮึกเหิม ยามเอ่ยวาจากระตุ้นให้รู้สึกตามไปด้วย


“นารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้เป็นฝ่ายมาหาเรา เผ่าพันธุ์ของพวกนางพบเจอความลำบาก ต้องการของวิเศษจำนวนมากไปเจือจุน เพราะเหตุนี้ พวกนางจึงมาหาพวกเรา พวกนางเต็มใจสละตนเอง เพื่อแลกมาซึ่งความช่วยเหลือต่อเผ่า!”


พิธีกรประมูลกล่าวต่อ “พวกนางไม่มีข้อเรียกร้องอื่น เพียงแต่พวกนางเก้าตนพี่น้องรักใคร่กลมเกลียว หวังว่าจะได้อยู่ด้วยกัน! เพราะอย่างนั้น ครั้งนี้เราจะประมูลเก้าตนในคราเดียว!”


นารีจิ้งจอกสวรรค์ถึงเก้าตน อย่าให้พูดเลยว่าล่อตาล่อใจเพียงใด พวกนางให้ความร่วมมือกับพิธีกรงานประมูลเป็นอย่างดี ยามพิธีกรงานประมูลสาธยาย พวกนางต่างเช็ดน้ำตาอย่างอดไม่ได้ ชวนให้นึกสงสารและเอ็นดูขึ้นไปอีก จนอดเจ็บปวดใจแทนพวกนางมิได้


สิ่งมีชีวิตเพศชายในที่นี้ตาลุกวาวกันหมด เนื้อเต้นยิ่งกว่าเห็นของวิเศษเลอค่าเสียอีก พวกเขาหลงเสน่ห์นารีจิ้งจอกสวรรค์อย่างสิ้นเชิง แต่ละคนล้วนปรารถนาได้นารีจิ้งจอกสวรรค์มาในครอบครอง


ไม่ต้องคิดให้มากก็รู้ว่าทันทีที่เปิดขายทอด การประมูลต้องเป็นไปอย่างดุเดือดแน่นอน!


“นารีจิ้งจอกสวรรค์เชียวนะ ทุกคนต่างรู้ดีว่าพวกนางแตกฉานด้านบำเพ็ญคู่หยินหยาง ครอบครองเพียงหนึ่งตนก็เป็นเรื่องที่…สุขีสุดยอด! หากได้ครบทั้งเก้าตน ความรู้สึกนั้นคง อื้อหือ…ข้ามิกล้าจะคิด! กลัวทุกคนจะสุขสมจนถึงแก่ชีวิต!”


พิธีกรงานประมูลตะโกนลั่น “ความสุขสมเก้าเท่า ทุกคนลงมือได้เลย! เปิดประมูลอย่างเป็นทางการ เปิดประมูลที่ราคาหนึ่งแสนหินเทวะ!”


หินเทวะถือเป็นวัตถุบำเพ็ญขั้นสูง ราคาหนึ่งแสนหินเทวะนั้นมิใช่น้อย ๆ นารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้ขอบเขตพลังไม่สูงนัก หากว่ากันตามปกติ หนึ่งแสนหินเทวะนับว่าไม่คุ้มเท่าใด หนึ่งแสนหินเทวะซื้อสิ่งมีชีวิตขอบเขตพลังสูงกว่านารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้ได้แน่นอน


ทว่า มูลค่าของนารีจิ้งจอกสวรรค์มิได้อยู่ที่ขอบเขตพลัง…


สิ้นสุดคำว่าเปิดประมูลอย่างเป็นทางการ สิ่งมีชีวิตทั้งหลายพากันบิดประมูลไม่หยุดหย่อน สิ่งมีชีวิตเพศชายมากมายมีสภาพคล้ายคลุ้มคลั่ง ราคาประมูลสูงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นานนักก็เกินหนึ่งล้านหินเทวะ!


ความสุขสมเก้าเท่า ความเปรมปรีดิ์เก้าเท่า พวกเขาอยากลองลิ้มรสดู!


“สองล้าน!”


เวลานั้น เด็กหนุ่มมนุษย์คนหนึ่งตะโกน บิดราคาได้น่าทึ่ง เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ราคาประมูลไปถึงสองล้าน!


สองล้านถือเป็นราคาสูงยิ่ง เวลานั้น ภายในสถานที่พลันเงียบเชียบ มิมีผู้ใดกล้าบิดราคาอีก


ถึงแม้นารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้ล้ำเลิศ กระนั้นราคาสองล้านถือว่าเกินกว่าขอบเขตที่พวกเขารับได้ไปมาก พวกเขาได้แต่ยอมแพ้


“ของข้า ของข้าทั้งหมด!”


เด็กหนุ่มตาเป็นประกาย ตื้นตันเหลือคณา แม้ว่าเสียค่าใช้จ่ายไปถึงสองล้านหินเทวะ ทว่าขอเพียงได้นารีจิ้งจอกสวรรค์มาในครอบครอง เขาก็รู้สึกคุ้มค่าอย่างยิ่ง!


เพียงแต่ ขณะที่เขากำลังตื้นตัน ผู้เฒ่าคนหนึ่งเดินดุ่ม ๆ มาอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มอย่างกราดเกรี้ยว


“เจ้าเด็กจอมถลุง ราคาตั้งสองล้านเจ้ายังกล้าบิดอีกหรือ”


ผู้เฒ่าเอ่ยกับเด็กหนุ่มอย่างโมโห


“ลุงเก๋อ ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”


เด็กหนุ่มคิดไม่ถึงว่าผู้เฒ่าผู้นี้อยู่ในโรงประมูลด้วย


“หากข้าไม่อยู่ที่นี่ ข้าคงไม่รู้ว่าเจ้าทำเรื่องเหลวไหลเยี่ยงนี้ลงไปได้!”


ลุงเก๋อถอนหายใจ เอ่ยอย่างเป็นห่วง “กังจื่อ อย่าหาว่าลุงเก๋อพูดจาตรงนักเลย สตรีนั้นเปรียบเสมือนความวิบัติ ล่องลอยเสมือนหมู่เมฆ ล้วนแล้วแต่ไม่จีรัง ทันทีที่เจ้าดื่มด่ำไปกับมันจะไม่สามารถถอนตัวได้อีก! เด็กเอ๋ย เจ้ายังเยาว์นัก ไม่เข้าใจคุณและโทษของสิ่งต่าง ๆ ฟังลุงสักคำเถิด เจ้าคุมไม่อยู่!”


“ลุงเก๋อ ข้า…”


ลุงเก๋อคือผู้ที่เขาเคารพนับถือที่สุด ได้ยินลุงเก๋อสั่งสอนเขาด้วยความหวังดีเยี่ยงนี้ กังจื่ออยากจะร่ำไห้นัก “ลุงเก๋อ ข้าสำนึกผิดแล้ว จากนี้ไปข้าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว!”


“อืม แบบนี้สิถึงจะถูก กังจื่อเจ้ายังเยาว์วัย ควรจดจ่ออยู่กับการฝึกตน ไม่ควรหมกมุ่นอยู่กับอิสตรี”


ลุงเก๋อพยักหน้าอย่างพึงพอใจ


“สองล้านหนึ่งแสน!”


เวลานั้น ในที่สุดก็มีคนทนแรงยั่วยวนจากนารีจิ้งจอกสวรรค์ไม่ไหว บวกราคาขึ้นไปอีก


“ลุงเก๋อ ข้าถอนตัว ข้าไม่บิดแล้ว!”


กังจื่อเอ่ยเสียงสะอึกสะอื้น เก็บถ้อยคำสั่งสอนเมื่อครู่ของลุงเก๋อไปใส่ใจ


หารู้ไม่ ลุงเก๋อมิได้สนใจกังจื่อ เขาตะโกนขึ้น “สองล้านสองแสน!”


“ลุงเก๋อ นี่ท่าน…?”


กังจื่อสับสน เมื่อครู่ลุงเก๋อยังเกลี้ยกล่อมเขาอยู่เลยมิใช่หรือ


ไฉนลุงเก๋อถึงบิดราคาเสียเอง


“สองล้านสามแสน!”


คนผู้นั้นไม่ยอมแพ้ บิดราคาต่อ


“สองล้านห้าแสน!”


ลุงเก๋อเพิ่มราคาขึ้นไปอีก!


“สามล้าน!”


คนผู้นั้นมีภูมิหลังไม่ธรรมดา รากฐานหนาแน่น คล้ายว่ามาด้วยความแน่วแน่ต้องครอบครองนารีจิ้งจอกสวรรค์ให้ได้ บวกขึ้นไปอีกห้าแสนหินเทวะ หมายจะข่มลุงเก๋อให้อยู่ ประมูลนารีจิ้งจอกสวรรค์มาจนได้


“สามล้านหนึ่งแสน!”


หารู้ไม่ ลุงเก๋อไม่คิดยอมแพ้เช่นกัน บวกราคาขึ้นไปอีก


“สามล้านห้าแสน!”


“สี่ล้าน!”


...


ทั้งคู่ไม่มีผู้ใดคิดถอนตัว บวกราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ ราคาบิดพุ่งไปถึงหกล้านหินเทวะอย่างรวดเร็ว!


กังจื่อนิ่งค้าง คนรอบ ๆ กังจื่อก็นิ่งค้าง


พวกเขาต่างได้ยินวาจาที่ลุงเก๋อสั่งสอนกังจื่อเมื่อครู่ ลุงเก๋อกล่อมให้กังจื่อยอมรามือ แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงว่าลุงเก๋อบิดราคาได้ดุเดือดยิ่งกว่ากังจื่อเสียอีก พับผ่าสิ!


“กังจื่อ เกลี้ยกล่อมลุงเก๋อของเจ้าเร็วเข้า!”


“ใช่แล้วกังจื่อ ราคาใกล้เฉียดแปดล้านหินเทวะแล้ว!”


ผู้คนรอบ ๆ ขอให้กังจื่อช่วยกล่อมลุงเก๋อ


ราคาจากหกล้านจนพุ่งไปเกือบถึงแปดล้านแล้ว


“ลุงเก๋อ เลิกบิดเถิด ราคาสูงเกินไปแล้ว!”


กังจื่อรีบเข้าไปกล่อมลุงเก๋อ


ทว่า ลุงเก๋อผลักกังจื่อไปอีกด้าน ไม่แยแสกังจื่อแม้แต่น้อย บิดราคาสู้กับคนผู้นั้นต่อ


คนรอบข้างขอให้กังจื่อเกลี้ยกล่อมลุงเก๋อต่อ ถึงอย่างไรราคาตอนนี้ก็สูงเกินไป ใกล้จะถึงสิบล้านหินเทวะแล้ว


กังจื่อเข้าไปกล่อมอีก ผลคือถูกลุงเก๋อผลักออกไปอีกครั้ง ซ้ำร้ายลุงเก๋อยังถลึงตาใส่กังจื่อ ทำเอากังจื่อตกใจแทบแย่!


“พวกท่านหยุดบอกให้ข้าไปกล่อมเสียที ข้ากล่อมไม่ได้จริง ๆ ข้าบงการผู้ใดมิได้ทั้งนั้น ข้าบงการได้เพียงตัวเอง…”

กังจื่อเอ่ยเสียงร่ำไห้


หลังภาพนี้เกิดขึ้น คนอีกมากนิ่งค้างไป


สุดยอดเลย!


ลุงเก๋อกลายร่างเป็นกังจื่อ กังจื่อกลายร่างเป็นลุงเก๋ออย่างนั้นหรือ


ลุงเก๋อกลายเป็นเก๋อจื่อ กังจื่อกลายเป็นลุงกัง?


ผู้เกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จกลับกลายเป็นสิ่งที่ตนกล่อมเสียเอง???


นักรบปราบมังกรย่อมกลายเป็นมังกรร้ายในที่สุด???


ท้ายที่สุด คนผู้นั้นก็บิดสู้ลุงเก๋อไม่ไหว ลุงเก๋อปิดประมูลนารีจิ้งจอกสวรรค์ในราคาสิบห้าล้าน


“ไหนลุงเก๋อบอกว่าสตรีนั้นเสมือนความวิบัติ ล้วนไม่จีรัง คุมไม่อยู่อย่างไรเล่า?”

กังจื่อร้องไห้ขณะกล่าว


“กังจื่อ เจ้ายังเยาว์ เจ้าคุมไม่อยู่ ลุงเก๋อของเจ้าไม่เหมือนกัน ลุงเก๋อของเจ้าอยู่มานาน คุมได้อยู่! สตรีนั้นคือความวิบัติ ทว่าลุงเก๋อของเจ้าไม่กลัว ลุงเก๋อของเจ้าคือมหาสมุทร ไม่กลัวว่าจะจมดิ่งไปกับมัน!”


ลุงเก๋อเอ่ย ชื่อเต็มของเขาคือเก๋อไห่


“ฮะ…คือ…คือ…”


หลังกังจื่อได้ฟังวาจาของลุงเก๋อ งงเสียยิ่งกว่างง


แบบนี้ก็ได้หรือ?


“เฮ้อ เจ้าอย่าโกรธลุงเก๋อเลย ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้นารีจิ้งจอกสวรรค์ยวนตายวนใจปานฉะนี้ ซ้ำยังมีถึงเก้าตนด้วยกัน! ลุงเก๋ออยากลิ้มรสความสุขีเก้าเท่าบ้าง!”


ลุงเก๋อถอนหายใจพลางกล่าว

บทที่ 494

แบบนี้ก็ได้หรือ?


หลิงอินคิดในใจว่าลุงเก๋อผู้นี้ไม่เบาทีเดียว ก่อนหน้านี้เกลี้ยกล่อมกังจื่อยกใหญ่ สุดท้ายตัวเองกลับเป็นหนักยิ่งกว่ากังจื่อเสียอีก!


นี่เป็นเพียงเหตุการณ์เล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างนั้น กระนั้นก็สะท้อนให้เห็นว่ารากฐานของสิ่งมีชีวิตผู้มายังโรงประมูลแห่งนี้ล้ำลึกเพียงใด สินค้าราคาสิบล้านหินเทวะยังขายทอดสำเร็จ การประมูลนาวาล่องนภาในตอนท้ายที่สุดคงไม่ง่ายดายเป็นแน่


ทว่าหลิงอินไม่กังวลนัก นางได้หินเทวะจากซากดาวดวงนั้นมามหาศาล ราคาสูงเพียงใดนางก็จ่ายไหว!


การประมูลดำเนินต่อไป จนกระทั่งมาถึงชิ้นท้ายสุด นาวาเล็กลำไม่ใหญ่มาก ทว่าดูแล้ววิจิตรประณีตเป็นที่สุดถูกยกขึ้นมา


พิธีกรงานประมูลอธิบาย นี่คือนาวาล่องนภา ปรับขนาดได้ทั้งใหญ่และเล็ก ไม่ต้องกลัวแรงดันใด ๆ ในอวกาศ และยังแล่นทะลุในจักรวาลได้อย่างรวดเร็ว!


ราคาของนาวาล่องนภาแพงอย่างแท้จริง ราคาเปิดประมูลอยู่ที่หนึ่งพันล้านหินเทวะ!


แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ผู้ร่วมประมูลยังมีมาไม่ขาดสาย


ตระกูลเก่าแก่รากฐานมั่นคงมากมายเดินทางมาเช่นกัน สิบล้านหินเทวะมิใช่เรื่องใหญ่ ราคาคูณทวีต่อเนื่อง ไม่นานนักก็ไต่มาถึงหมื่นล้านหินเทวะ


และนี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น


หลังราคาเลยหมื่นล้านหินเทวะไปแล้ว ไม่มีผู้ใดบิดราคาหินเทวะอีก แต่ยกของวิเศษล้ำค่ามากหน้าหลายตาออกมาบวกทับเข้าไป


หากเป็นในอดีต ซื้อขายด้วยหินเทวะก็พอ


แต่ในช่วงเวลาเฉกเช่นตอนนี้ คิดจะปิดประมูลนาวาล่องนภาด้วยหินเทวะนั้นเป็นไปไม่ได้เลย เมื่อการประมูลดำเนินไปถึงช่วงท้ายสุด ย่อมกลายเป็นการกดดับราคากันด้วยของวิเศษล้ำค่าหายากในใต้หล้านี้แทน


โรงประมูลตระหนักถึงเรื่องนี้ดี ราคาเปิดประมูลพันล้านหินเทวะนั้นเป็นการยิงปืนหลอกเท่านั้น หาได้ใกล้กับความจริงเลยสักกระผีก


แดนบรรพโกลาหลมหัศจรรย์เกินไป มีโอกาสอันดีให้บรรลุเป็นเซียน ดำรงอยู่ได้นิรันดร ไม่มีผู้ใดยอมปล่อยให้หลุดมือง่าย ๆ


และศึกช่วงชิงในแดนบรรพโกลาหล ย่อมโหดร้ายถึงที่สุด เวลานั้น ประโยชน์ของนาวาล่องนภาจะเด่นชัดอย่างยิ่ง


ที่ว่างภายในนาวาล่องนภากว้างใหญ่ไพศาล จุสิ่งมีชีวิตได้ถึงสิบล้านตน ผู้ใดได้ครอบครองนาวาล่องนภา ต่อไปจะยกตระกูลไปยังอาณาจักรอันเป็นที่ตั้งของแดนบรรพโกลาหลได้ด้วยนาวาล่องนภา มีชัยเหนือกว่าอย่างยิ่งยวด!


“เจ้าของโรงประมูลหัวใสจริง จงใจแพร่ข่าวการปรากฏของแดนบรรพโกลาหล ส่งผลให้นาวาล่องนภาที่เคยกระจอก บัดนี้กลายเป็นของวิเศษประเมินค่ามิได้!


ภายในห้องลับแห่งหนึ่ง ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าวกับผู้เฒ่าคนหนึ่งด้วยความนับถือ


“ความลับของแดนบรรพโกลาหลไม่มีทางปิดมิด หากปรากฏออกมาจริง ๆ อาณาจักรทั้งปวงย่อมต้องรับรู้กันถ้วนหน้า”


ผู้เฒ่าคือเจ้าของโรงประมูล “แดนบรรพโกลาหลมิใช่สถานที่ธรรมดา ผู้มาถึงก่อนมิได้หมายความว่าได้เปรียบเหนือผู้อื่น เช่นนี้มิสู้แพร่ข่าวของแดนบรรพโกลาหลออกไป ให้นาวาล่องนภาขายออกไปในราคาดี ๆ


อาณาจักรอวี้ซวีเป็นถึงหนึ่งในเก้าอาณาจักรตอนบน ดำรงอยู่มาอย่างช้านาน ทว่าเรื่องของแดนบรรพโกลาหลนั้นมีสิ่งมีชีวิตรู้อยู่ไม่เท่าไร มีสิ่งมีชีวิตเพียงส่วนเดียวที่สัมผัสถึงบางอย่าง รู้ว่าแดนบรรพโกลาหลกำลังจะปรากฏ


เจ้าของโรงประมูลคือสิ่งมีชีวิตหนึ่งในนั้น


เขารู้ดึว่าศึกช่วงชิงในแดนบรรพโกลาหลมิได้ง่าย หลังเขาล่วงรู้ว่าแดนบรรพโกลาหลกำลังจะปรากฏ ก็คิดหาทางทำกำไรสูงสุดจากข่าวนี้


สุดท้าย เขานึกถึงนาวาล่องนภาที่ตกการประมูลมาตลอดในโรงประมูลของเขา!


หลังจากเผยแพร่ข่าวของแดนบรรพโกลาหลออกไป มูลค่าของนาวาล่องนภาย่อมทวีคูณ และสถานการณ์ก็เป็นไปตามการคาดการณ์ของเขา นาวาล่องนภากลายเป็นของยอดนิยม กองกำลังรากฐานมั่นคงทั้งหลายล้วนไม่อยากพลาด


การบิดราคามิได้สู้กันด้วยหินเทวะอีกต่อไป หลังจากสู้ราคากันด้วยของวิเศษล้ำค่ามากหน้าหลายตา การประมูลยังคงเป็นไปอย่างดุเดือด


หลิงอินมิได้รีบร้อนสู้ราคา


นางไม่เพียงแต่มีหินเทวะเป็นจำนวนมาก ของวิเศษอย่างอื่นที่มีเยอะมากเช่นกัน นางไม่ตื่นตระหนกเลยสักนิด


“ก้อนทองวัชระหนึ่งพันชั่ง!”


ใครบางคนบิดราคา น่าทึ่งจริง ๆ เขายอมจ่ายด้วยวัสดุขั้นเทียนตี้ถึงหนึ่งพันชั่ง


หลังสู้กันถึงราคานี้ เสียงตะโกนขอบิดก็น้อยลงไปมาก วัสดุขั้นเทียนตี้หาได้ยากยิ่ง ต้องรู้ว่าวัสดุขั้นเทียนตี้หนึ่งพันชั่ง แม้แต่ตระกูลโบราณผู้มีรากฐานมั่นคงยังแทบรับไม่ไหว ไม่มีสิ่งใดสูงค่ากว่านั้นให้ใช้


“แร่ทองเงินกัลป์สองพันชั่ง!”


หลิงอินบิดราคา นางรู้ว่ามาถึงช่วงสุดท้ายของการประมูลแล้ว ไม่อาจรอต่อไปได้แล้ว


นางต้องได้นาวาล่องนภาลำนี้มาในครอบครองให้ได้


เพราะพวกนางไม่เพียงแต่ต้องหวังพึ่งนาวาล่องนภาลำนี้ไปยังอาณาจักรที่พี่ชายของเสี่ยวหยาอยู่ พวกนางยังต้องให้นาวาล่องนภาลำนี้พาพวกนางกลับอีกด้วย


แร่ทองเงินกัลป์ เป็นวัสดุขั้นเทียนตี้เหมือนกัน หลังหลิงอินสู้ราคา ก็เป็นที่จับจ้องจากสายตาทุกคนในที่นี้


“นางเป็นใครกัน?”


“โหดเกินไปแล้ว!”


“ต่อให้ตระกูลโบราณเทกระจาดรากฐานทั้งหมดยังมิได้วัสดุขั้นเทียนตี้มากเท่านี้เลยกระมัง!?”


เสียงอุทานตื่นตกใจดังไม่หยุดหย่อน ต่างตะลึงกับราคาบิดของหลิงอิน


แร่ทองสองพันชั่ง มหาศาลอย่างยิ่ง ตระกูลเก่าแก่ที่สุดยังมีไม่มากเท่านี้เลย!


“นางเป็นลูกหลานตระกูลใหญ่ใดหรือ ไฉนข้าถึงจำไม่ได้เลยสักนิด”


ภายในห้องลับ เจ้าของโรงประมูลขมวดคิ้วมุ่น เขามองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างในลานประมูลจากที่นี่


โรงประมูลมีการค้าขายหลายรูปแบบ ข่าวสารก็เป็นหนึ่งในแขนงของพวกเขา ผู้ที่บิดราคาได้ถึงแร่ทองสองพันชั่ง ไม่มีทางที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน จำไม่ได้สักนิด ไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย


ทว่าความจริงแล้ว เขาไม่เคยพบหลิงอินจริง ๆ และไม่รู้เรื่องของนางเลยสักนิด


แร่ทองสองพันชั่งเป็นราคาที่สูงเกินไป ข่มทุกคนในที่นี้ลง ต่อให้ตระกูลเก่าแก่ทั้งหลายเจ็บใจเพียงใด ก็ไม่มีกำลังบิดสูงกว่านี้แล้ว


ท้ายที่สุด การซื้อขายเสร็จสิ้น


สมาชิกโรงประมูลมาอยู่ข้างกายหลิงอินและเสี่ยวหยา บอกให้หลิงอินและเสี่ยวหยาไปปิดการซื้อขายด้านหลัง


“ได้”


หลิงอินและเสี่ยวหยามาอยู่ที่ด้านหลังของลานประมูล เพื่อปิดการซื้อขาย


นางฉะฉานยิ่ง มิได้อิดออดยืดเยื้อแม้แต่น้อย หยิบแร่ทองเงินกัลป์ออกมาสองพันชั่งเพื่อแลกกับนาวาล่องนภาทันที


สำหรับนาง แร่ทองเงินกัลป์แค่นี้ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่


ในตัวนางตอนนี้ยังเหลืออยู่อีกมาก


นางนำของวิเศษจากซากดาวดวงนั้นมาเกือบทั้งหมด รากฐานที่นางมีในตอนนี้ หนาแน่นยิ่งกว่าตระกูลโบราณทั้งหลายรวมกันเสียอีก!


“ขอถามได้หรือไม่ว่าแม่นางทั้งสองมาจากตระกูลใด”


เจ้าของโรงประมูลปิดการขายด้วยตัวเอง หลังซื้อขายเสร็จสิ้น เขาเอ่ยถามหลิงอินและเสี่ยวหยา


“เรื่องนั้นไม่สะดวกบอกเท่าใด”


หลิงอินมิได้ตอบคำถามเจ้าของโรงประมูล


“เข้าใจแล้ว”


เจ้าของโรงประมูลมิได้คาดคั้นต่อ เขาเอ่ยขึ้น “ไม่ทราบว่าทั้งสองท่านต้องการบริการคุ้มครองด้วยหรือไม่ ทั้งสองท่านประมูลนาวาล่องนภาไป น่ากลัวว่ามีผู้ไม่หวังดีเพ่งเล็งแม่นางทั้งสองอยู่มาก!”


เขาค้าขายเก่งยิ่ง ต้องการเสนอบริการคุ้มครองแก่หลิงอินและเสี่ยวหยา


แน่นอนว่ามิใช่การบริการจิตอาสา ซ้ำยังมีราคาสูงลิ่ว


ถึงอย่างไรก็เป็นจริงดั่งที่เขาว่า ต้องมีสิ่งมีชีวิตมากมายเพ่งเล็งหลิงอินและเสี่ยวหยา บริการคุ้มครองมิใช่งานง่าย ๆ


“พวกท่านคุ้มครองไหวหรือ”


หลิงอินส่ายหัว “ช่างเถิด ข้าไม่ต้องการพาผู้บริสุทธิ์ลำบากไปด้วย”


นางเป็นถึงจ้าวสูงสุดแห่งโบราณกาล มีชีวิตอยู่มาช้านาน ย่อมรู้ว่าต้องมีสิ่งมีชีวิตเพ่งเล็งพวกนาง


บอกตามตรง นางหวั่นไหวนิดหน่อย อยากให้โรงประมูลคุ้มครองพวกนางไปจากที่นี่


ราคามิใช่ปัญหา นางจ่ายไหวแน่นอน


และหากมีการคุ้มครองจากโรงประมูล พวกนางเลี่ยงปัญหาไปได้อีกมาก


เพียงแต่ นางรู้ดีว่าการคุ้มครองระดับนี้ยากเย็นปานใด ไม่แน่ว่าโรงประมูลจะคุ้มครองพวกนางได้จริง กลับกัน อาจเป็นโรงประมูลที่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ


นางไม่ต้องการให้ผู้บริสุทธิ์พลอยลำบากไปด้วย ไม่อยากเห็นโรงประมูลเสียเลือดเสียเนื้อ สุดท้ายนางก็ปฏิเสธเจ้าของโรงประมูล


เจ้าของโรงประมูลเข้าใจความหมายของหลิงอิน


เขาถอนหายใจ รู้สึกตัวเองสติฟั่นเฟือนไปแล้วจริง ๆ ไฉนถึงอยากหาเงินด้วยวิธีการนี้


หากรับงานนี้ไว้จริง โรงประมูลต้องหลั่งเลือดไม่ว่า และอาจทำภารกิจไม่สำเร็จ คุ้มครองหลิงอินและเสี่ยวหยาไว้ไม่ได้


“ในโรงประมูลมีค่ายกลเคลื่อนย้าย สะดวกแก่การส่งลูกค้า ป้องกันปัญหาต่าง ๆ ของลูกค้า ทว่า สถานการณ์ครั้งนี้ค่อนข้างพิเศษ เกรงว่าต่อให้ทั้งสองท่านเดินทางด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายยังไม่ปลอดภัยเท่าใด!”


เจ้าของโรงประมูลกล่าว “หนนี้เป็นไปได้ว่ามีการดำรงอยู่เหนือชั้นหมายหัวทั้งสองท่านอยู่”


ฝนคาวเลือดคละคลุ้งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ทันทีที่หลิงอินและเสี่ยวหยาออกจากโรงประมูล ย่อมมีสิ่งมีชีวิตมากมายลงมือกับหลิงอินและเสี่ยวหยา


บ่อยครั้งที่สินค้าที่ประมูลมาสำเร็จท้ายที่สุดก็มิได้เป็นของตน…


โลกแห่งการฝึกตนอันธพาลยิ่ง เรื่องฆ่าชิงทรัพย์เกิดขึ้นให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง


เจ้าของโรงประมูลเห็นเหตุการณ์แบบนี้มามาก


สิ่งมีชีวิตมากมายที่ประมูลสินค้าจากโรงประมูลสำเร็จ หลังออกจากที่นี่ก็ถูกฆ่าชิงของวิเศษที่ชนะประมูลจากโรงประมูล


เทียบกับโลกที่ปุถุชนอาศัย โลกแห่งการฝึกตนอันตรายกว่ามาก!

บทที่ 495

“ขอบคุณเจ้าของโรงประมูลที่เตือน!”


หลิงอินผงกหัวให้เจ้าของโรงประมูล นางรู้ดีว่าสิ่งที่เจ้าของโรงประมูลได้กล่าวไม่ผิดเพี้ยน หากไปจากที่นี่ด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายมิสู้จะดีเท่าใด


ค่ายกลเคลื่อนย้ายเป็นการเดินทางผ่านห้วงมิติ และครั้งนี้ย่อมต้องมียอดฝีมือชั้นเลิศออกโรง เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือชั้นเลิศ วิธีการนี้ไม่มีทางสำเร็จ


ยอดฝีมือชั้นเลิศเหล่านั้นสามารถสะกดห้วงมิติได้ตามใจนึก ซ้ำยังลบล้างปริภูมิทั้งผืนได้ คิดจะไปจากที่นี่ด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายดูเป็นไปไม่ได้เท่าไร


ทว่า ต่อให้เดินทางด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายได้ นางก็ไม่คิดไปโดยค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่แล้ว


นางมีธุระอื่นต้องทำ


ท้ายที่สุด พวกนางออกจากหลังเวที มาอยู่ที่ด้านหน้าของลานประมูล


“แม่นางทั้งสอง ขอคุยด้วยหน่อยได้หรือไม่”


มีคนดักรอพวกนางที่ด้านหน้าลานประมูลจริง ๆ ทันทีที่พวกนางก้าวออกมา คนผู้นั้นก็เดินมาหาทันที


“มีธุระอันใด”


หลิงอินคลี่ยิ้ม ถามอย่างมีมารยาท


นางนึกในใจว่านางไม่ทันไปหาคนผู้นี้ คนผู้นี้กลับเป็นฝ่ายมาหานางเสียเอง


คนผู้นี้มิใช่ใครอื่น เขาคือลุงเก๋อ ผู้ปิดประมูลนารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนสำเร็จนั่นเอง


ส่วนกังจื่อคนเมื่อครู่ตามหลังลุงเก๋อมา


นารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนั้นอยู่ที่นี่ด้วย คิดแล้วลุงเก๋อคงปิดการขายกับโรงประมูลเรียบร้อย


ใช่แล้ว นางไม่คิดเดินทางด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายเพราะมีธุระต้องทำ นั่นก็คือไปหาลุงเก๋อผู้นี้


เสี่ยวหยาใจดีมีเมตตา ทนเห็นนารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้ตกอยู่ในมือลุงเก๋อมิได้


ลุงเก๋อผู้นี้ดูก็รู้ว่ามิใช่คนดี หน้าไหว้หลังหลอก หลอกได้แม้กระทั่งหลานชายของตน หากนารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้ตกอยู่ในมือลุงเก๋อ น่ากลัวว่าคงจบไม่สวยนัก


ยิ่งกว่านั้น นารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าตนเลือกสละตนเพื่อเผ่าของตัวเอง น่านับถือยิ่ง เสี่ยวหยาจึงยิ่งไม่ต้องการให้พวกนางตกอยู่ในมือลุงเก๋อ


คราวลุงเก๋อบิดราคาจนถึงช่วงท้ายสุด เสี่ยวหยาคิดสู้ราคา กดทับลุงเก๋อลงไป ปิดประมูลนารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าตน แล้วค่อยปล่อยให้นารีจิ้งจอกสวรรค์เป็นอิสระ


ทว่า หลิงอินหยุดเสี่ยวหยาไว้ ไม่ให้เสี่ยวหยาบิดราคาสู้


มิใช่ว่าหลิงอินไม่ต้องการช่วยนารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้า


แต่ตรงกันข้าม นางคิดเช่นเดียวกับเสี่ยวหยา อยากช่วยนารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าไว้ตั้งแต่ต้น


เมื่อครั้งนารีจิ้งจอกสวรรค์เพิ่งก้าวขึ้นเวทีให้ประมูล สิ่งมีชีวิตล่างเวทีก็พากันวิพากษ์วิจารณ์นารีจิ้งจอกสวรรค์ไม่หยุด


และนางถึงได้ทราบสถานการณ์บางส่วนของเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์จากเสียงซุบซิบเหล่านี้ และได้รู้ว่าเหตุใดนารีจิ้งจอกสวรรค์ถึงเต็มใจสละตนเอง ยอมให้โรงประมูลเปิดประมูลพวกนาง


ว่าไปแล้ว เผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์น่าสงสารอย่างยิ่ง


เผ่านี้เกิดมาพร้อมกับความเย้ายวน ตรึงตาตรึงใจเป็นที่สุด มีแรงดึงดูดต่อเพศตรงข้ามตั้งไม่รู้เท่าไร


ทว่า แม้นพวกนางเย้ายวน กระนั่นไม่เคยมั่วโลกีย์ พวกนางมีศักดิ์ศรีของพวกนาง ไม่เคยยอมศิโรราบให้ผู้ใดง่าย ๆ


และความเย้ายวนของพวกนาง แต่ไหนแต่ไรมีไว้ให้คนที่พวกนางรักเท่านั้น


สิ่งมีชีวิตมากมายจากเผ่าอื่นปรารถนาในตัวพวกนางแต่ไม่อาจได้มา ไม่ต้องสงสัยว่าสร้างปัญหาให้พวกนางเท่าไร


ปัญหาไม่เคยหมดไปจากเผ่าของพวกนาง มักถูกยอดฝีมือเผ่าอื่นหมายตาอยู่เสมอ และเกิดเหตุการณ์สมาชิกในเผ่าถูกลักพาตัวไปบ่อยครั้ง


ซ้ำร้ายยังมีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากตั้งใจจับสมาชิกเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ของพวกนางไปขายโดยเฉพาะ


แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น พวกนางก็ไม่เคยยอมแพ้ ไม่เคยศิโรราบต่อเผ่าพันธุ์แข็งแกร่งและเรียกหาการคุ้มกันจากเผ่าพันธุ์แข็งแกร่ง


พวกนางต้องพบเจอปัญหาไม่หยุดหย่อน จึงยากจะมีการพัฒนาที่ดี ความสามารถในเผ่าพันธุ์ของพวกนางจึงด้อยลงไปเรื่อย ๆ


เท่าที่ฟังจากสิ่งมีชีวิตล่างเวที เผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ต้องหลีกหนีการจับตัวจากยอดฝีมือเผ่าอื่น ด้วยการระหกระเหินหัวซุกหัวซุน ไม่กล้าโผล่หน้ามาแม้แต่น้อย


ระหกระเหินกันเยี่ยงนี้ไปทุกรุ่น ไม่กล้าแม้แต่จะโผล่หัว เกรงว่ารากฐานเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์คงถูกผลาญจนสิ้นแล้วกระมัง


ที่นารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้เต็มใจนำตัวเองไปขายที่โรงประมูลน่ากลัวว่าเพราะเหตุนี้ คิดว่าหลังประมูลตัวเองออกไปแล้ว จะแลกหินเทวะไปให้เผ่าพันธุ์ของพวกนางได้จำนวนหนึ่ง ช่วยให้เผ่าพันธุ์ของพวกนางดำรงต่อไปได้


หลิงอินและเสี่ยวหยาล่วงรู้เรื่องนี้แล้ว ยิ่งอยากช่วยนารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้ให้ได้


ที่หลิงอินไม่ให้เสี่ยวหยาบิดราคาข่มลุงเก๋อ หนึ่งเพราะหลังปิดประมูลสำเร็จ หินเทวะเหล่านี้มิได้อยู่ในมือนารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้หมด โรงประมูลจะเก็บค่าตอบแทนในการดำเนินการอีกมาก


อีกด้านเพราะนางไม่ชอบลุงเก๋อผู้นี้เอาเสียเลย


ลุงเก๋อคนนี้วิตถารน่ารังเกียจ ชวนสะอิดสะเอียดเป็นที่สุด ก่อนหน้านี้วางมาดสั่งสอนหลานชายของตนอย่างมีคุณธรรม สุดท้ายพริบตาเดียวก็โยนทุกอย่างทิ้ง บิดราคาประมูลได้ดุดันยิ่งกว่าหลานชายเสียอีก


บอกตามตรง ลุงเก๋อผู้นี้สมควรได้รับบทเรียนด้วย!


เพราะเหตุนี้ นางจึงไม่คิดบิดประมูลด้วยวิธีการปกติ แต่รอให้ลุงเก๋อปิดประมูลสำเร็จ ค่อยชิงตัวนารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนมาจากลุงเก๋อ แล้วค่อยปล่อยนารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าไป


เช่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้นารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้ามีหินเทวะมากขึ้น ซ้ำยังให้บทเรียนกับลุงเก๋อได้ด้วย


ทว่าสิ่งที่นางคิดไม่ถึงคือ นางไม่ทันเข้าไปหาลุงเก๋อ ลุงเก๋อผู้นี้กลับมาหานางเสียเอง!


ถึงแม้นางไม่รู้ว่าเหตุใดลุงเก๋อถึงมาหานาง กระนั้นนางเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขาก็พอรู้ว่าลุงเก๋อมิได้หวังดี


“ราษฎรเดิมไร้ความผิด ผิดที่มีสมบัติในครอบครอง แม่นางเอ๋ย พวกเจ้าทำตัวโดดเด่นเกินไปในโรงประมูล!”


ลุงเก๋อสอดส่ายสายตาไปมา ก่อนจะเอ่ย “เห็นหรือไม่ มีคนมากมายหมายหัวพวกเจ้าอยู่”


หลิงอินมองตามสายตาลุงเก๋อ พบว่ามีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากกำลังเพ่งเล็งมาทางพวกนางจริง ๆ


นางแสร้งทำเป็นเอ่ยด้วยเสียงหวาดกลัว “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี”


ท่าทางหวาดกลัวของหลิงอินเป็นเรื่องที่ลุงเก๋อคิดไม่ถึง


ผู้ที่จ่ายแร่ทองเงินกัลป์ได้ย่อมมีภูมิหลังไม่ธรรมดา ที่เขามานี่ก็เพื่อหยั่งเชิงตื้นลึกหนาบางของหลิงอินและเสี่ยวหยา ดูว่าหลิงอินและเสี่ยวหยามีภูมิหลังเช่นไร


แต่ที่เขาคิดไม่ถึงคือ หลังหลิงอินรู้ว่าถูกสิ่งมีชีวิตมากมายหมายหัว กลับแสดงท่าทีหวั่นใจเยี่ยงนี้!


บ่งบอกว่าเบื้องหลังพวกหลิงอินมิได้น่าพรั่นพรึงเท่าใด


มิฉะนั้นหลิงอินคงไม่ต้องกลัวขนาดนี้


เขาหัวเราะในใจ ไม่มีภูมิหลังยิ่งดี!


เช่นนี้นาวาล่องนภาจักต้องเป็นของตระกูลเขา!


‘แหะ ๆ แม่นางทั้งสองคนนี้ก็กลายเป็นของข้าเช่นกัน! นารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนบวกกับสตรีรูปงามเยาว์วัยอีกสอง ฮ่า ๆ ข้าได้ความสุขสมเป็นสิบเอ็ดเท่าแล้ว!’


เขาหัวเราะในใจไม่หยุด หมายตาหลิงอินและเสี่ยวหยาไปด้วย คิดว่าจะได้ครอบครองหลิงอินและเสี่ยวหยาสองคน


ทว่าเขารอบคอบมาก มิได้แสดงความคิดเช่นนี้ออกมาแม้แต่น้อย


ปากเอ่ยถามว่า “พวกเจ้าไม่มีผู้ใดพอช่วยได้เลยหรือ”


อย่างไรเขาก็รู้สึกว่า ผู้ที่มีแร่ทองเงินกัลป์ถึงสองพันชั่งไม่ธรรมดา ต้องหยั่งเชิงกันอีกหน่อย


“พวกเรามีที่ไหนกัน! ถ้ามี ข้าคงไม่ต้องกลัวขนาดนี้!”


หลิงอินแสร้งทำตัวน่าสงสารขณะกล่าว “พวกเราบังเอิญเข้าไปในแดนลับโบราณแห่งหนึ่ง ค้นพบแร่ทองเงินกัลป์จากที่นั่น ต่อมาได้ข่าวเรื่องแดนบรรพโกลาหลปรากฏ ที่นี่เปิดประมูลนาวาล่องนภา พวกเราจึงคิดจะประมูลเรือวิเศษนี้ไว้ แล้วค่อยไปที่แดนบรรพโกลาหล”


นางมีน้ำตาคลอหน่วย เสียงเจือแววสะอื้น “ข้าไฉนเลยจะรู้ว่าการประมูลนาวาล่องนภาจะกลายเป็นที่หมายหัวของคนมากมายเยี่ยงนี้! รู้อย่างนี้อย่างไรข้าก็คงไม่ปิดประมูลนาวาล่องนภาลำนี้!”


จากนั้น นางมองลุงเก๋อด้วยท่าทางน่าสงสาร “ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี อาวุโสท่านนี้ช่วยพวกเราหน่อยได้หรือไม่! ท่านอาจเห็นว่าขอบเขตพลังพวกเรามิได้ต่ำต้อย ทว่าความจริงนี่เป็นการออกเดินทางครั้งแรกของเรา ก่อนนี้พวกเราบำเพ็ญตนในซากปรักหักพังโบราณแห่งนั้นมาตลอด…”


นางรู้ดีว่าลุงเก๋อกังขาเรื่องใด จึงจงใจพูดไปอย่างนั้น เพื่อคลายความคลางแคลงที่ลุงเก๋อมีต่อพวกนาง


พลังปราณชีวิตของนางและเสี่ยวหยาต่างเยาว์วัยเป็นอย่างมาก ถือเป็นหลักฐานบ่งชี้ที่ดีที่สุด บ่งบอกว่านางและเสี่ยวหยาเป็น ‘เด็กสาว’ ผู้ไม่คุ้นชินกับโลกภายนอกนัก


อย่างที่คิด หลังได้เห็นท่าทางตื่นตระหนกลนลานของหลิงอิน และได้ฟังคำกล่าวเหล่านี้ของหลิงอิน ความแคลงใจของลุงเก๋อหายไปมาก


พลังปราณชีวิตของหลิงอินและเสี่ยวหยาเยาว์วัยมากจริง ๆ ในสถานการณ์ปกติ เสี่ยวหยาไม่เท่าไร แต่หลิงอินไม่มีทางอยู่ในขั้นบัญญัติสูงสุด


ขอบเขตพลังของเขาไม่ต่ำนัก จับสัมผัสของเขตพลังของหลิงอินและเสี่ยวหยาได้


หลิงอินและเสี่ยวหยาคงฝึกฝนอยู่ในซากปรักหักพังโบราณแห่งนั้นจริง ๆ ยังไม่คุ้นชินกับโลกภายนอกนัก


หากได้ออกเดินทางบ่อย ๆ เด็กสาวเยาว์วัยอย่างหลิงอินไม่มีทางบำเพ็ญจนมีขอบเขตพลังสูงส่งเยี่ยงนี้


ต่อให้พรสวรรค์น่าทึ่งเพียงใดก็ตาม


ขั้นบัญญัติสูงสุดเชียวนะ เป็นขอบเขตที่สูงยิ่ง ไม่มีทางบรรลุได้ในวัยเยาว์เช่นนี้ แม้กระทั่งบุตรแห่งสวรรค์อันน่าทึ่งในอาณาจักรอวี้ซวีก็ทำไม่ได้


“ข้ามีใจโอบอ้อม ทนเห็นท่าทางน่าสงสารเช่นนี้ไม่ได้เป็นที่สุด เอาเถิด ข้าจะช่วยพวกเจ้าแล้วกัน!”


ลุงเก๋อแสร้งทำเป็นส่ายหน้าพลางกล่าว


“ขอบคุณผู้อาวุโส!”


หลิงอินยิ้มออกทันที “ผู้อาวุโสเป็นคนดีเหลือเกิน!”


ลุงเก๋อผู้นี้สารเลวจริง บังอาจหมายตานางและเสี่ยวหยา


เช่นนั้นนางขอเล่นสนุก…เป็นเพื่อนลุงเก๋อผู้นี้หน่อยแล้วกัน


นางคิดในใจ ตัดสินใจให้ลุงเก๋อได้ลิ้มรสความ ‘สุข’ อย่างลึกซึ้งถึงทรวง!