รถลากดูแล้วไม่ใหญ่มากนัก สามัญธรรมดาไม่ต่างจากรถลากทั่วไป ทว่าภายในกลับหรูหราโอ่อ่ายิ่ง ราวกับความแตกต่างระหว่างฟ้าดิน
พวกอ้ายฉานครุ่นคิดไม่ตก รถลากเล็กเพียงนี้…ให้พวกเขาขึ้นไปนั่งด้วยจะพอหรือ?
แต่ตอนเข้าไปภายในรถลาก พวกนางกลับต้องต่างตกใจ ดวงตาเล็ก ๆ เบิกกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ภายในกว้างมาก ไม่แออัดเลยแม้แต่น้อยราวกับพระราชวังอย่างไรอย่างนั้น ซ้ำยังแบ่งออกเป็นหลายห้องอีกด้วย!
ภายในรถลากเต็มไปด้วยกลิ่นอายโบราณแฝงความสูงศักดิ์ สะอาดสะอ้านงดงามจริง ๆ
“ภายในรถลากกลายเป็นอีกมิติหนึ่ง ตกแต่งได้ดีมาก ข้าคิดว่านี่คงเป็นรถลากชั้นสูง ราคาของมันน่าจะสูงมากเลยทีเดียว!”
“ข้าคิดว่ารถลากคันนี้ร้ายกาจกว่ารถลากคันอื่น ไม่แน่อาจจะมีพลังป้องกันกับพลังโจมตีอันน่าสะพรึงซ่อนอยู่ก็เป็นได้!”
“ใช่ ๆ!”
พวกอ้ายฉานคุยกัน ทั้งหมดต่างรู้สึกว่ารถลากคันนี้ไม่ธรรมดา มันควรเรียกว่า 'มหาสมบัติ' เสียมากกว่า!
รถลากชั้นยอด?
ร้ายกาจกว่ารถลากคันอื่น?
มีพลังป้องกันกันพลังโจมตีอันน่าสะพรึง?
ในใจของเซี่ยเหยียนนั้นหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
รถลากคันนี้จะดีเช่นพวกอ้ายฉานกล่าวได้อย่างไร...
นางฟังผู้อาวุโสเล่าความเป็นมาของรถลากคันนี้แล้ว
รถลากคันนี้เป็นเพียงชั้นวางดอกไม้ ภายในดูดีช่วยให้สะดวกสบายมากขึ้นเท่านั้น ไม่ได้มีพลังอื่นใดแฝงอยู่เลย
พลังป้องกันกับพลังโจมตีอันน่าสะพรึงอะไรพวกนั้น รถลากคันนี้ไม่มีสักนิดเดียว...
ผู้อาวุโสซื้อมันกลับมาแล้วลองปรับแต่ง ควบคุมดัดมุมโครงรถลาก แต่ช่างประเสริฐนัก ผู้อาวุโสใช้พลังเพียงเล็กน้อย ผลที่ตามมาเกือบทำมุมโครงรถลากระเบิด!
ยังดีที่ผู้อาวุโสระมัดระวัง พอรู้ว่ารถลากคันนี้ไม่มีพลังป้องกัน เขาก็หยุดมือทันเวลา มิฉะนั้นคงไม่ใช่เพียงแค่มุมของโครงรถลากที่จะยุบเท่านั้น แต่รถลากทั้งคันคงจะพังไปแล้ว!
นับประสาอะไรกับพลังโจมตีของรถลากคันนี้
ผู้อาวุโสกักพลังวิญญาณไว้ในรถลาก แต่ก่อนเขาจะปลดปล่อยพลังวิญญาณมากไปกว่านี้ รถลากก็ต้านเอาไว้ไม่อยู่ พลังวิญญาณที่ถูกเทเข้าในรถลากเกือบระเบิด!
รับพลังวิญญาณเอาไว้ไม่ได้ รถลากคันนี้จะมีพลังโจมตีได้อย่างไรกัน!
ข้อดีเพียงอย่างเดียวของรถลากคันนี้คือให้ความสะดวกสบายกับความสวยงาม
เพราะเหตุนี้ผู้อาวุโสจึงสนใจนำรถลากคันนี้กลับมาด้วย
สำหรับท่านเซียน ความสะดวกสบายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
เรื่องพลังป้องกันกับพลังโจมตีนั้น ทั้งหมดหาใช่เรื่องสำคัญ
ผู้ใดจะทำร้ายคนเป็นเซียนได้?
‘พวกอ้ายฉานยังเด็ก พวกเขาไม่รู้ความเท่าใดนัก…’
อันหลานเสวี่ยเอ่ยในใจของนาง
นางเคยไปโรงประมูลมาก่อน จึงรู้ว่ารถลากคันนี้ไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่พวกอ้ายฉานกล่าวมา หน้าที่หลักของรถลากคือให้ความสะดวกสบาย
ถึงแม้พวกอ้ายฉานจะมีขอบเขตพลังสูงส่ง แต่พวกเขายังเด็กเกินไป
หากพวกอ้ายฉานตื่นรู้พัฒนาพลังวิญญาณได้แล้ว พวกอ้ายฉานจะรู้ว่ารถลากคันนี้ไม่ได้ร้ายกาจอะไรเลย
‘มันเป็นรถลากของราชวังจริง ๆ!’
หลิงอินกล่าวในใจ
ก่อนขึ้นรถลาก นางมองรถลากแล้วคุ้นตายิ่ง
หลังจากขึ้นรถลากแล้ว นางก็ยิ่งแน่ใจมากขึ้น
นี่เป็นรถลากของราชวังระดับล่างสุด
มีบางครั้งที่ผู้ฝึกตนต้องเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในโลกกว้างใหญ่ไพศาลนี้ ทำให้การเดินทางนั้นเป็นไปอย่างยาวนาน
ดังนั้นผู้ฝึกตนมักใช้ยันต์เคลื่อนย้าย แท่นค่ายกลเคลื่อนย้าย ค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อลดเวลาเดินทางให้น้อยลง
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ว่าจะชิ้นไหนก็ล้วนแต่มีราคาสูง ผู้ฝึกตนธรรมดาไม่สามารถซื้อได้
ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถสลักอักขระค่ายกลเคลื่อนย้ายได้ ซ้ำแล้ววัสดุที่ต้องใช้ยังล้ำค่าและมีราคาสูงยิ่ง
ผู้ฝึกตนมากมายจะไม่ใช้ยันต์เคลื่อนย้าย ค่ายกลเคลื่อนย้าย แท่นค่ายกลเคลื่อนย้าย เว้นแต่จะมีเหตุการณ์จำเป็น
ส่วนใหญ่จะใช้เครื่องมือวิเศษต่าง ๆ เคลื่อนที่ เช่น บางคนเหินกระบี่ บางคนขี่น้ำเต้า
นอกจากนี้ ยังมีผู้ฝึกตนอีกหลายคนที่จับสัตว์อสูรมาใช้เป็นพาหนะ
แต่ไม่ว่าจะเป็นการนำอาวุธวิเศษหรือสัตว์อสูรมาใช้เป็นพาหนะ เมื่อใช้นานวันเข้ามันก็กลายเป็นไม่สะดวกสบาย
ในสมัยโบราณมีปรมาจารย์นักหลอมศัสตราวุธผู้หนึ่ง ร่างกายของเขาต้องทนทุกข์เจ็บปวดเพราะเหตุนี้
เขามักจะเดินทางไปสถานที่ต่าง ๆ เสาะหารวบรวมวัสดุ ใช้เวลาเสาะหานานวันเข้า ความไม่สะดวกสบายระหว่างทางทำให้เขาทนไม่ไหว
เขาจึงตั้งใจศึกษาและสร้างรถลากอันสะดวกสบายขึ้นมาในที่สุด มันถูกเรียกว่า รถลากราชวัง
มีสัตว์อสูรดึงรถลากไปข้างหน้า ตัวเองก็เพลิดเพลินกับความสะดวกสบายระดับสูงอยู่ในรถลากราชวังได้ ตอนรถลากราชวังปรากฏขึ้นครั้งแรก มันก็ดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกตนจำนวนมากในทันที!
ผู้ฝึกตนหลายคนมาขอปรมาจารย์นักหลอมศัสตราวุธสร้างรถลากขึ้นมาให้
ถึงแม้รถลากราชวังที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยปรมาจารย์นักหลอมศัสตราวุธจะเน้นความสะดวกสบายเป็นหลัก ทว่ามันกลับไม่มีพลังป้องกันกับพลังโจมตีเลย
แต่เมื่อครุ่นคิดดูแล้ว การสร้างรถลากสมบูรณ์แบบเช่นนี้ขึ้นมาก็มีราคาสูงมากเลยทีเดียว
ผู้ฝึกตนมากมายไม่สามารถจ่ายราคาที่สูงเพียงนี้ พวกเขาจึงขอให้สร้างรถลากราชวังราคาต่ำลงมา ด้วยเหตุนี้ รถลากราชวังระดับล่างสุดจึงกำเนิดขึ้นมา
หลิงอินเกิดในสมัยโบราณ นางจำได้อย่างชัดเจนว่าในยุคนั้นมีรถลากแบบนี้อยู่ทุกหนทุกแห่ง
แม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตนักบุญก็มีรถลากเช่นนี้ในการครอบครอง
ยอดฝีมือขอบเขตนักบุญนั้นทรงพลังอย่างน่าอัศจรรย์ นึกอยากไปที่ใดก็สามารถไปได้ดั่งใจนึก แต่พวกเขายังมาชื่นชอบรถลากราชวังเช่นนี้
เพราะมันสะดวกสบายจริง ๆ
แน่นอนว่ารถลากราชวังของเหล่ายอดฝีมือขอบเขตนักบุญไม่ใช่รถลากราชวังระดับล่าง พวกเขาครอบครองรถลากราชวังระดับสูง ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
มันสามารถเดินทางผ่านความว่างเปล่า ป้องกันศัตรูภายนอก โจมตีศัตรูแข็งแกร่งราวกับผู้มาจากสรวงสวรรค์
...
เมื่อครุ่นคิดถึงตอนนั้น นางเองก็มีอยู่หนึ่งคัน
เป็นรถลากที่ลากโดยสัตว์อสูรมีปีกเก้าหัว บินเหาะท่ามกลางเมฆาอยู่บนยอดเมฆา
ภายในรถลากมีหน้าต่างหลายบาน สามารถมองเห็นทิวทัศน์ภายนอกได้จากหน้าต่าง
มวลเมฆาสีขาวบริสุทธิ์ภายนอกเคล้าคลอกับหมอกสีขาวลอยละล่อง ราวกับหมอกเทพเซียน ฉากนี้นับว่างดงามจับใจยิ่ง
และใต้หน้าต่างแต่ละบานก็มีเก้าอี้โยกไม้ หลี่จิ่วเต้านั่งลงแล้วก็รู้สึกว่ามันสบายมาก
“ไม่เลว รถคันนี้ดีมาก”
เขาเอนตัวนอนบนเก้าอี้โยกพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง ชมทิวทัศน์งดงามของยอดเมฆให้รู้สึกสุขสบายยิ่ง
รถลากคันนี้ดีกว่าเครื่องบินในดาวเคราะห์สีฟ้าเสียอีก!
ข้างนอกมีสัตว์อสูรเก้าตัวกำลังดึงรถลากอยู่ พลันทันใดนั้นเอง สีหน้าของพวกมันทั้งหมดก็เปลี่ยนไป
จู่ ๆ สายรุ้งมงคลก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางอากาศศักดิ์สิทธิ์เหนือจืนตนาการเคลื่อนไหวมาทางพวกมัน
ซ้ำแล้ว พวกมันยังรู้สึกราวกับว่าได้ยินเสียงเพลงสรรเสริญมหาเต๋าดังอยู่รำไร
ไม่เพียงเท่านั้น พวกมันยังเห็นแสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่องลงมาจากท้องนภาตกลงมาบนรถลาก!
เพียงชั่วพริบตาเดียว บนรถลากนั้น...พวกมันสัมผัสได้ถึงจังหวะแห่งเต๋าอันน่าอัศจรรย์ยิ่ง ดูเหมือนรถลากจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น!
“นี่มัน...เกิดอะไรขึ้น!?”
“รุ้งมงคลสวรรค์ตกลงบนรถลาก จากนั้นรถลากก็เกิดเปลี่ยนแปลงขึ้น!?”
“จังหวะแห่งเต๋าช่างน่าเกรงขามจริง ๆ ให้ความรู้สึกน่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าอาวุธมหาจักรพรรดิเสียอีก!”
พวกมันตกตะลึงสุดแสนจะพรรณนา เดิมทีรถลากคันนี้สามัญธรรมดายิ่ง แต่เมื่อรุ้งมงคลศักดิ์สิทธิ์ตกลงมา คลื่นจังหวะแห่งเต๋านั้นน่าสะพรึงเสียยิ่งกว่าอาวุธมหาจักรพรรดิ!
“เพียงประโยคเดียวก็ทำให้รถลากระดับล่างเหนือกว่าอาวุธมหาจักรพรรดิแล้ว!?”
ภายในรถลาก หลิงอินมีสัมผัสญาณที่ทรงพลัง นางรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของรถลากได้ในทันที
และด้วยเหตุนี้เองทำให้นางอดไม่ได้ที่จะกู่ร้องก้องอยู่ในใจ
บทที่ 272
นี่... นี่... นี่...!
หลิงอินตกใจ ในใจยากเกินจะพรรณนา!
แรกเริ่มรถลากคันนี้ไม่มีอะไรเลย แต่หลังจากที่ท่านเซียนกล่าวว่า “ไม่เลว รถลากคันนี้ดีมาก” รถลากก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทันที นางสัมผัสได้ถึงคลื่นจังหวะแห่งเต๋าเหนือกว่าอาวุธมหาจักรพรรดิเสียอีก!
กล่าวออกมาก็คล้อยตามแล้ว?
นี่เป็นอุบายของท่านเซียนใช่หรือไม่?
แม้ว่านางจะติดตามท่านเซียนมาระยะหนึ่งแล้ว แต่นางก็ยังตกใจกับวิธีการเช่นนี้ นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว เหนือเกินกว่าขอบเขตรับรู้ของนางยิ่งนัก!
เซียนคืออะไร?
เซียนมีอำนาจเหนือทุกสรรพสิ่ง!
นางนึกถึงประโยคนี้ ก็รู้สึกว่ามันเข้าที ท่านเซียนกล่าวอะไร ทุกอย่างก็เป็นตามนั้น นี่มันร้ายกาจเกินไปแล้ว!
เซี่ยเหยียนกับอันหลานเสวี่ยเองก็สัมผัสได้ถึงคลื่นจังหวะแห่งเต๋าภายในรถลาก
ในชั่วพริบตาพวกนางก็รู้สึกตัว พวกนางต่างตกตะลึงทึ่มทื่อ นิ่งค้างที่เดิมราวกับภายในใจมีคลื่นมหึมาโหมซัดกระหน่ำได้รับแรงกระแทกครั้งใหญ่!
ท่านเซียนกล่าวอะไร พวกนางเองได้ยินกับหู
หลังจากท่านเซียนกล่าวว่า ‘ใช่ ดีมาก’ รถลากทั้งคันนี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงสั่นสะเทือนสวรรค์และโลก ทั่วทั้งร่างสัมผัสได้ถึงคลื่นจังหวะแห่งเต๋าสูงส่งหนือจินตนาการ!
นี่...นี่มันช่างน่าทึ่งจริง ๆ!
เพียงประโยคเดียวก็สามารถทำให้รถลากแข็งแกร่งยิ่งกว่าอาวุธมหาจักรพรรดิ นี่ย่อมอยู่เหนือการรับรู้ของพวกนางอย่างไม่ต้องสงสัย!
พวกนางคาดไม่ถึงรถลากคันนี้จะเป็นรถลากชั้นยอดถึงเพียงนี้...
นี่เป็นไปได้อย่างไร!
หากเป็นเช่นนั้น ก่อนหน้านี้เหตุใดรถลากถึงไม่แสดงอะไรให้เห็นเลยเล่า!?
นอกจากนี้...ยังสัมผัสได้ถึงจังหวะแห่งเต๋าชั้นยอด ทั้งยังเป็นความรู้สึกที่พวกนางคุ้นเคยอย่างยิ่ง
เป็นภาพวาดของท่านเซียนจึงสัมผัสได้ถึงคลื่นจังหวะแห่งเต๋าชั้นยอดเช่นนี้!
ภายในรถลากเริ่มปรากฏคลื่นจังหวะแห่งเต๋าชั้นยอดพวกนางนึกถึงท่านเซียนทันที ถึงกับคิดว่าท่านเซียนเป็นผู้ประทานให้แก่รถลาก!
‘เป็นอย่างที่คิด!’
‘รถลากคันนี้เป็นรถลากระดับสูงจริง ๆ ด้วย!’
พวกอ้ายฉานก็รู้สึกถึงจังหวะแห่งเต๋าเช่นกัน
แต่พวกเขาคาดไม่ถึงท่านเซียนจะเป็นผู้ประทานให้ เพราะพวกเขาเองก็รู้สึกว่ารถลากคันนี้ไม่ใช่รถลากธรรมดา
หลังจากนั้นไม่นานรุ้งมงคลบนท้องนภาก็สลายไป คลื่นจังหวะแห่งเต๋าค่อย ๆ เบาลงกลับมาเป็นปกติอีกครั้งราวกับทุกอย่างหวนคืนสู่ความสงบ
สัตว์อสูรทั้งเก้าที่ดึงรถลากก็สัมผัสได้ถึงจังหวะแห่งเต๋าชั้นยอดเช่นเดียวกัน หัวใจของพวกมันไม่อาจสงบได้เลย
จะให้พวกสงบได้อย่างไร?
สวรรค์! พวกมันไม่เคยรู้สึกถึงจังหวะแห่งเต๋าชั้นยอดเช่นนี้มาก่อนในชีวิตนี้ ภายใต้จังหวะแห่งเต๋าเช่นนี้ พวกมันตัวเล็กกระจ้อยร่อยราวกับฝุ่นธุลี!
ผู้อาวุโสด้านใน...แท้จริงแล้วเขามีตัวตนตนเช่นใดกัน!?
พวกมันกลืนน้ำลายอึกๆ แม้ว่าพวกมันจะไม่รู้ว่าทั้งหมดเกิดอะไรขึ้น แต่พวกมันรู้ดีว่าทั้งหมดนี้ต้องเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสด้านในเป็นแน่!
จังหวะแห่งเต๋าเช่นนี้ ต่อให้เซี่ยเหยียนเป็นเทพธิดาก็ไม่อาจทำได้ ช่องว่างนั้นใหญ่เกินไป!
มีผู้ใดสามารถทำเช่นนี้ได้อีกหรือ เว้นแต่ที่ผู้อาวุโสที่เซี่ยเหยียนเรียกด้วยความเคารพว่า นายท่าน?
เป็นไปไม่ได้!
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!”
ไม่ไกลออกไปนัก ชายหนุ่มผู้หนึ่งโผล่ศีรษะออกมาจากกลางอากาศ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง ใช้ดวงตาตื่นตกใจจ้องรถลากคันข้างหน้า
เดิมทีเขากำลังเดินทางผ่านมิติอากาศ
แต่ทันใดนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงจังหวะแห่งเต๋าชั้นยอดตกลงมานอกความว่างเปล่า
เขาจึงได้โผล่ศีรษะออกมาจากกลางอากาศทันที
ทันใดนั้น เขาก็ได้เห็นฉากอันน่าอัศจรรย์จนชั่วชีวิตนี้ไม่อาจลืม!
รถลากแสนธรรมดากลับมีรุ้งมงคลศักดิ์สิทธิ์เหนือสรรพสิ่งเคลื่อนไหวตามไปด้วย ในขณะเดียวกันเขาก็ได้ยินเพลงสรรเสริญมหาเต๋า!
หลังจากนั้นแสงศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มสาดส่องลงมายังรถลาก รถลากเริ่มเปลี่ยนรูปลักษณ์ ความธรรมดาดั้งเดิมหายไปพร้อมกับคลื่นจังหวะแห่งเต๋าอันน่าอัศจรรย์ค่อย ๆ เคลื่อนไหวทีละน้อยชวนให้ตื่นตะลึง!
จังหวะแห่งเต๋านั้นทำให้วิญญาณของเขาสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ ร่างกายของเขาสะท้านราวกับเจอความหนาวเย็น นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว หนังศีรษะของเขาชาหนึบจริง ๆ!
“มีเพียงมหาจักรพรรดิที่ได้ครอบครองจังหวะแห่งเต๋า ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงจังหวะแห่งเต๋าเช่นนี้เลย!”
เขากล่าวอย่างสั่นกลัว รู้สึกแน่ใจอย่างยิ่งแล้ว
เพราะในตระกูลของพวกเขาครอบครองวิชามหาจักรพรรดิอยู่ นั่นรวมถึงอาวุธมหาจักรพรรดิด้วย เขาจึงสามารถรับรู้ความแตกต่างได้อย่างชัดเจน!
“แดนบูรพาทิศของเหยียนโจวไม่ได้เรียบง่ายเลยสักนิด ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!”
เขาไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจากแดนบูรพาทิศ ไม่ใช่แม้แต่สิ่งมีชีวิตจากเหยียนโจว ไม่ใช่แม้แต่สิ่งมีชีวิตจากดินแดนหยิน
แต่เรื่องในเหยียนโจว แดนบูรพาทิศ เขาล้วนรอบรู้ทุกอย่างลึกซึ้ง!
ความรอบรู้เช่นนี้เกินกว่าความรู้ของสิ่งมีชีวิตบนแดนบูรพาทิศจะรู้เสียด้วย!
เขามาจากดินแดนฮวง มีนามว่า ซางเหิง ลูกรักสวรรค์ที่จัดงานชุมนุมใหญ่ขึ้นที่ภาคกลางครั้งนี้เป็นคนของตระกูลเขา
ก่อนหน้าผู้ที่หยุดยั้งกลุ่มอำนาจลับภาคกลางไม่ให้ทำลายลัทธิไท่เสวียนก็คือเขา
ตระกูลซางสืบทอดมรดกต่อกันมาอย่างยาวนาน และเป็นหนึ่งในตระกูลจักรพรรดิที่เก่าแก่ที่สุดในโลก บรรพบุรุษของพวกเขาเป็นมหาจักรพรรดิกันมากมายนับไม่ถ้วน
ในสมัยโบราณ สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนเปิดฉากก่อหายนะบนโลก
ช่วงเวลานั้น พวกเขาตระกูลซางอยู่แนวหน้าและถือเป็นกำลังสำคัญ ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นผู้นำ
สุดท้าย ต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลด้วยผู้คนทั้งโลก สงครามจึงสิ้นสุดลง สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรเทียนหยวนถูกขับไล่ออกไป
แต่พวกเขาทุกคนรู้ว่าอาณาจักรเทียนหยวนจะไม่ยอมรามือ พวกมันจะต้องหวนกลับอีกครั้งอย่างแน่นอน
ทั่วแผ่นดินบาดเจ็บล้มตายกันไปมาก ยอดฝีมือระดับสูงเสียชีวิตเกือบทั้งหมด
สภาพแวดล้อมของโลกย่ำแย่เพราะได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ครั้งนั้น ทรัพยากรฝึกตนขั้นสูงสูญหาย ยากจะกำเนิดยอดฝีมือแข็งแกร่งขึ้นมา
พวกเขารู้ดีว่าเมื่อสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนโจมตีอีกครั้ง พวกเขาจะต้องออกมาช่วยกันทั้งหมด
สิ่งมีชีวิตทั้งโลกจะต้องช่วยกันหยุดยั้งไว้
มันจะไม่เป็นเหมือนเมื่อครั้งสมัยโบราณที่มียอดฝีมือ ตระกูลแข็งแกร่งหลบซ่อนไม่ลงสนามรบ พวกเขาจะไม่เปิดโอกาสให้ทำเช่นนั้นเป็นอันขาด!
ดังนั้นพวกเขาจึงเตรียมการล่วงหน้า
พวกเขารวมตัวกับตระกูลจักรพรรดิ สำนัก และนิกายอื่น ๆ สร้างเครือข่ายข่าวกรองขนาดใหญ่ไปทั่วโลก
เครือข่ายข่าวกรองนี้ไม่ว่าข่าวอะไรก็มี เชี่ยวชาญการขุดค้นข้อมูลตั้งแต่นามกองกำลังที่ซ่อนตัวสมัยโบราณจนถึงข้อมูลยอดฝีมือ
เผื่อว่าตอนอาณาจักรเทียนหยวนโจมตีอีกครั้ง พวกเขาจะสามารถหายอดฝีมือกับตระกูลแข็งแกร่งเหล่านี้เจอ ทำให้ยอดฝีมือกับตระกูลแข็งแกร่งเหล่านี้ไม่อาจซ่อนตัว จำต้องเข้าร่วมสนามรบเท่านั้น
และเครือข่ายข่าวกรองนี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก
พวกเขาออกค้นหายอดฝีมือกับตระกูลแข็งแกร่งที่ซ่อนตัวมาตั้งแต่สมัยโบราณ รวมถึงยอดฝีมือกับตระกูลแข็งแกร่งที่แม้แต่จะรู้ถึงหายนะสมัยโบราณแล้วแต่ยังจงใจซ่อนตัว
เรื่องที่เขารู้ตำแหน่งลัทธิไท่เสวียนกลุ่มอำนาจลับในภาคกลางนั้นก็เป็นข่าวจากเครือข่ายข่าวกรอง
คิดว่ามีกลุ่มอำนาจลับอยู่แค่ในภาคกลางของเหยียนโจวหรือ?
ย่อมไม่ใช่!
ทางแดนบูรพาทิศ ทักษิณทิศ ประจิมทิศ อุดรทิศของเหยียนโจวล้วนมีกลุ่มอำนาจลับอยู่เช่นกัน
กลุ่มอำนาจเหล่านี้ซ่อนตัวตั้งแต่สมัยโบราณ หรือก็คือซ่อนตัวหลังจากรับรู้สถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
แค่กลุ่มอำนาจลับเหล่านี้ซ่อนตัวอยู่ลึก ปิดกั้นอย่างสมบูรณ์ ไม่เหมือนกับลัทธิไท่เสวียนกลุ่มอำนาจลับภาคกลางที่ยังพอมีทางบ้าง
เขามาจากภาคกลางมาถึงแดนบูรพาทิศนี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุ
คนในตระกูลซางส่งข่าวมาบอกว่ากลุ่มอำนาจลับแดนบูรพาทิศกำลังมีปัญหา เขาจึงมาช่วย
ตามข้อมูลที่รวบรวมจากเครือข่ายข่าวกรอง แดนบูรพาทิศในสมัยโบราณนั้นไม่ธรรมดา อีกฝ่ายมีความลับยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่มาก!
บทที่ 273
“นี่มันไม่ธรรมดาจริง ๆ!”
ซางเหิงตะลึงอ้าปากค้าง เขาคาดไม่ถึงจากภาคกลางไปแดนบูรพาทิศจะได้มาเห็นเหตุการณ์เช่นนี้
นี่ทำให้เขาตกใจจริง ๆ
กาลเวลาแปรเปลี่ยน ขุนเขาสายน้ำผันแปร ความลับมากมายพลันถูกปกปิด
เดิมทีพวกเขาไม่สนใจแดนบูรพาทิศของเหยียนโจว
เพราะเมื่อเทียบกับแดนอื่น สภาพแวดล้อมในแดนบูรพาทิศของเหยียนโจวนั้นเลวร้ายยิ่งกว่า
ทว่าตอนหลังพวกเขาได้รับข่าวสารจากเครือข่ายข่าวกรอง จึงรู้ได้ในทันทีว่า แดนบูรพาทิศของเหยียนโจวนั้นหาได้เรียบง่ายไม่ อีกฝ่ายมีความลับมากมายซ่อนอยู่!
ในเวลานั้นเองพวกเขาจึงเริ่มสนใจแดนบูรพาทิศของเหยียนโจวมากขึ้น
เพียงแต่ยิ่งตรวจสอบมากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งกริ่งเกรงมากขึ้นเท่านั้น ความลับในแดนบูรพาทิศของเหยียนโจวช่างน่ากลัวยิ่งนัก!
พวกเขาไม่กล้าตรวจสอบเพิ่มเติมเพราะเกรงว่าจะมีผลกระทบมากเกินไป สายเครือข่ายข่าวกรองของพวกเขาในแดนบูรพาทิศของเหยียนโจวถูกสั่งห้ามไม่ให้สืบสวนเรื่องในแดนบูรพาทิศอีก เพราะจำต้องตรวจสอบเรื่องกลุ่มอำนาจลึกลับสำคัญนี้เสียก่อน
ซางเหิงเป็นหนึ่งในศิษย์คนสำคัญของตระกูลซาง
ดังนั้นเขาจึงรอบรู้ไม่น้อย
เขารับรู้ถึงความน่ากริ่งเกรงของแดนบูรพาทิศ แต่เขานึกไม่ถึงว่าความน่ากลัวของแดนบูรพาทิศจะมากมายถึงเพียงนี้!
คลื่นจังหวะแห่งเต๋าไหลเวียนรอบรถลาก แม้แต่มหาจักรพรรดิยังเทียบเคียงไม่ได้ ห่างกันหลายขุม แท้จริงแล้วรถคันนี้เป็นรถลากชนิดใดกัน?
บุคคลในรถลากนั้นยิ่งใหญ่มาจากที่ใด!?
เขาครุ่นคิดไปมาไม่ตก จิตใจฟุ้งซ่านอยู่เป็นเวลานาน!
ยามนี้รถลากฟื้นคืนความสงบอีกครั้ง ไร้ร่องรอยจังหวะแห่งเต๋า และเคลื่อนไปท่ามกลางหมู่เมฆอย่างรวดเร็ว
สัตว์อสูรเก้าตนกำลังลากรถลาก ดูแล้วคล้ายกับกำลังมุ่งไปภาคกลาง
ในเวลาเดียวกันนั้น ด้านหลังปรากฏรถลากโบราณ ผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งลากรถลากไปข้างหน้า มีอสูรร้ายท่าทางดุร้ายนั่งอยู่ด้านหลังรถลากโบราณ
อสูรร้ายตัวนี้หัวเป็นเสือ มีปีกสองข้าง ขนทั้งร่างอสูรร้ายเป็นสีดำทมิฬ
รถลากโบราณแล่นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานหลังจากนั้นก็แซงมาอยู่ข้างหน้า เคียงคู่กับรถลากที่มีสัตว์อสูรทั้งเก้าลากอยู่
ตอนอสูรร้ายบนรถลากโบราณเห็นสัตว์อสูรทั้งเก้าตนกำลังลากรถลาก ดวงตาของมันเบิกกว้างขึ้นแผ่กลิ่นชั่วร้าย!
“หยุดพวกมัน!”
อสูรร้ายตะโกนเสียงกร้าว ผู้ฝึกตนที่กำลังลากรถลากรีบเข้าไปขวางสัตว์อสูรทั้งเก้าตนทันที บังคับให้สัตว์อสูรทั้งเก้าตนหยุดลงในที่สุด
“หมายความว่าอย่างไร?”
“เหตุใดต้องหยุดพวกเรา?”
สัตว์อสูรทั้งเก้าตนมองอสูรร้ายพลางถาม
อสูรร้ายแผ่กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัว แสดงให้พวกมันเห็นพลังอันเหนือชั้นกว่า
หากเป็นเมื่อก่อน พวกมันเห็นอสูรร้ายน่ากลัวเช่นนี้คงจะวิ่งหนีป่าราบไปนานแล้ว!
ทว่าตอนนี้พวกมันไม่กลัวแม้แต่น้อย
พวกมันกลัวก็จริง
แต่สุภาษิตที่ว่า ตีสุนัขต้องดูเจ้าของ
เบื้องหลังพวกมันมีเทพธิดาอย่างเซี่ยเหยียน รวมถึงมีผู้อาวุโสทรงพลังเหนือจินตนาการอยู่ พวกมันยังต้องกลัวอีกหรือ?
คิดถึงตรงนี้แล้ว พวกมันก็เหยียดหลังพลางเชิดหน้าขึ้น
“เป็นแค่สัตว์พาหนะ...ยังจะทะนงตนถึงเพียงนี้เชียวหรือ!?”
สายตาของอสูรร้ายกวาดมองสัตว์อสูรทั้งเก้าตนอย่างเย็นชา สัตว์อสูรทั้งเก้าตนตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว
แต่ต่อมาไม่นาน สัตว์อสูรทั้งเก้าตนก็เหยียดตัวขึ้นอีกครั้ง
นี่...เจ้าอสูรร้ายเข้าใจอะไรมั่วซั่วนัก!
เพียงได้ลากรถลากให้ผู้อาวุโสเหนือจินตนาการในวันนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ไปชั่วชีวิตแล้ว!
เดิมทีพวกมันไม่รู้ว่าผู้อาวุโสแข็งแกร่งเพียงใด แต่หลังจากได้เห็นรุ้งมงคลโปรยปรายลงมาจากท้องนภา รถลากเปลี่ยนสภาพกำเนิดจังหวะแห่งเต๋า พวกมันก็รู้แล้วว่าผู้อาวุโสท่านนั้นแข็งแกร่งเหนือจินตนาการยิ่งนัก!
ตอนนี้พวกมันยินยอมเต็มใจที่ได้เป็นสัตว์อสูรลากรถ!
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า!”
“ยังจะไม่หลบอีกรึ!”
สัตว์อสูรทั้งเก้าตนกล่าวโดยไม่เอ่ยถึงผู้อาวุโสในรถลาก
เซี่ยเหยียนเคยสั่งกำชับพวกมัน พวกมันจึงไม่กล้าสร้างความรำคาญใจให้ผู้อาวุโสท่านนั้น
“ข้าทนเห็นสัตว์อสูรเป็นทาสไม่ได้เป็นที่สุด! สัตว์อสูรเช่นพวกเจ้าไร้ความหยิ่งทะนง ไร้ศักดิ์ศรี นับวันยิ่งอ่อนแอจนแทบจะทำให้เผ่ามนุษย์ครองใต้หล้านี้ไปแล้ว!”
อสูรร้ายกล่าวอย่างเย็นชา ปราณชั่วร้ายยิ่งแผ่ซ่านมากขึ้น
มันมาจากดินแดนฮวงสายเลือดของมันเป็นที่เคารพศรัทธา มีสายเลือดของฉงฉี*[1] สัตว์อสูรร้ายโบราณชั่วร้าย และมันก็มาจากหนึ่งในเผ่าชั่วร้าย
อย่างที่มันบอกมันทนเห็นสัตส์อสูรเป็นทาสไม่ได้
ในใจของมัน แม้ว่าใต้หล้าจะถูกเผ่ามนุษย์ครอบครอง แต่มันยังคงดูถูกเผ่ามนุษย์ ถือว่าเผ่ามนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ต่ำต้อย!
และเห็นได้ชัดว่าที่มันใช้ผู้ฝึกตนมาเป็นคนลากรถ
ผู้ฝึกตนเหล่านี้เป็นทาสของมัน
มันหยุดสัตว์อสูรทั้งเก้าตน เพราะด้วยเหตุผลนี้เช่นกัน
“พวกเจ้าทำให้สัตว์อสูรต้องอับอาย ย่อมไม่สมควรมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป เจ้านายเผ่ามนุษย์ของพวกเจ้าจะตามเจ้าไปด้วย!”
อสูรร้ายเต็มไปด้วยจิตสังหารกล่าวต่อ “สัตว์อสูรสูงส่งมาตลอด เผ่ามนุษย์เป็นเพียงเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำจอมฉกฉวยโอกาส!”
ภายในรถลากนั้น
“ข้าจะออกไปดูเสียหน่อย”
เซี่ยเหยียนกล่าว
สัตว์อสูรทั้งเก้าตนถูกบังคับให้หยุดกะทันหัน นางตระหนักว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นจึงเดินออกมาจากรถลาก
เมื่อนางออกมาก็ได้ยินบทสนทนาระหว่างอสูรร้ายร้ายกับสัตว์อสูรทั้งเก้าตน จึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“จอมฉกฉวยโอกาส? เผ่าพันธุ์ต่ำต้อย?”
เซี่ยเหยียนกล่าวเสียงเย็น “เผ่ามนุษย์ครองอำนาจมาตั้งกี่ยุคแล้ว เหตุใดยังกล่าวเช่นนี้อยู่อีก?”
นางกล่าวต่อ “เผ่ามนุษย์ไม่เคยเป็นเผ่าพันธุ์ต่ำต้อย! บางทีสายเลือดของเผ่ามนุษย์อาจเทียบกับเผ่าอื่นไม่ได้ แต่สติปัญญารวมถึงศักยภาพของเผ่ามนุษย์นั้น เผ่าพันธุ์อื่นเทียบไม่ได้เสียด้วยซ้ำ!”
กล่าวกันตามจริงแล้ว เผ่ามนุษย์นั้นด้อยกว่าเผ่าพันธุ์อื่นในทุกด้าน
ทว่าเป็นอย่างที่เซี่ยเหยียนกล่าว สติปัญญารวมถึงศักยภาพของเผ่ามนุษย์ไม่ได้อ่อนด้อยกว่าเผ่าพันธุ์อื่น!
มิฉะนั้นเผ่ามนุษย์จะเป็นนายครอบครองโลกใบนี้ได้อย่างไร!
“น่าขัน!”
อสูรร้ายแค่นเสียงเย็นชากล่าวว่า “นานมาแล้ว เผ่ามนุษย์ไม่นับเป็นอะไรเลย เป็นเพียงมดปลวก แค่อาศัยเล่ห์เหลี่ยมฉกฉวยโอกาส จากนั้นคิดตั้งตัวครอบครองแผ่นดิน?”
มันยังคงกล่าวต่อไป “นับแต่นี้ไป สัตว์อสูรจะเป็นนายครอบครองโลกใบนี้อีกครั้ง เผ่าพันธุ์ของพวกเจ้าจะกลายเป็นอาหารของทุกเผ่าพันธุ์อีกครั้ง!”
ก่อนหน้านี้ เผ่ามนุษย์ถือได้ว่าเป็นเผ่าพันธุ์อ่อนแอมาก และทุกเผ่าพันธุ์ก็ใช้เผ่ามนุษย์เป็นอาหาร
“ขี้เกียจเกินกว่าจะสนทนากับเจ้าแล้ว ไปซะ ฆ่าพวกมันให้หมด!”
อสูรร้ายกล่าวอย่างเบื่อหน่าย สั่งให้ทาสผู้ฝึกตนที่เป็นมนุษย์จัดการ
ผู้ฝึกตนเหล่านี้เป็นทาสมนุษย์ที่มาจากดินแดนฮวง พวกเขามีพละกำลังมาก ได้รับการฝึกฝนจากมันมานานแล้ว จึงเชื่อฟังคำสั่งของมันเท่านั้น
“หยุดมือ!”
ในขณะนั้นเอง ซางเหิงเหาะเหินออกมาอย่างรวดเร็ว
เขาได้เห็นฉากน่าอัศจรรย์สุดพรรณนาแล้ว ทั้งยังรู้ว่าคนในรถลากหาใช่คนธรรมดาไม่ เขาจะปล่อยให้อสูรร้ายตนนี้เปิดฉากสังหารได้อย่างไร?
ให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นไม่ได้อย่างแน่นอน!
“สิ่งมีชีวิตอื่นไม่รู้สถานการณ์ปัจจุบัน เจ้ายังไม่เข้าใจหรือ?”
ซางเหิงมองอสูรร้ายพลางลั่นวาจาเสียงดัง
เขารู้จักอสูรร้ายตนนี้
อสูรร้ายกับเขามาจากดินแดนฮวงเช่นเดียวกัน
“ซางเหิง...”
อสูรร้ายเหลือบมองซางเหิงพลางกล่าวว่า “แน่นอนว่าข้ารู้สถานการณ์ปัจจุบัน แต่หากข้าจะฆ่าปลาตัวเล็กเหล่านี้ก็คงไม่เป็นไรมึใช่หรือ...”
มันก็รู้จักซางเหิงเช่นกัน
เพียงแต่ครั้งนี้มันไม่คิดจะไว้ใหน้าซางเหิง
[1] ฉงฉี สัตว์อสูรโบราณแห่งความชั่วร้ายที่สนับสนุนคนพาลขัดขวางคนดีในตำนานของจีน
บทที่ 274
ฉงฉี หนึ่งในอสูรร้ายบรรพกาลผู้เลื่องชื่อ มันมีนิสัยดุร้ายอำมหิต โหดเหี้ยมยิ่งกว่าอสูรร้ายตนอื่น
ในยุคบรรพกาล กล่าวถึงฉงฉีเมื่อใด ผู้คนเป็นต้องหน้าถอดสีกันทั้งนั้น ฉงฉีคร่าชีวิตผู้อื่นเพียงเพราะความบาดหมางเล็ก ๆ นับเป็นฝันร้ายของทุกเผ่า
โดยเฉพาะกับเผ่ามนุษย์ ยิ่งหวาดกลัวในตัวฉงฉีหนักกว่าเผ่าอื่น
ฉงฉีชิงชังเผ่ามนุษย์เป็นพิเศษ ต่อให้เผ่ามนุษย์เป็นใหญ่ในใต้หล้านี้มาไม่รู้กี่ยุคกี่สมัย ฉงฉีก็ยังดูแคลนเผ่ามนุษย์ เห็นเผ่ามนุษย์เป็นมดปลวก
ฉงฉีไม่กินเผ่าพันธุ์อื่น กินแต่เผ่ามนุษย์เท่านั้น
ผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์ที่ได้เจอฉงฉีต่างถูกกลืนกินโดยไม่มีข้อยกเว้น
มหาจักรพรรดิเผ่ามนุษย์หลายคนก็เคยโดนฉงฉีกลืนกิน
เรียกได้ว่าเผ่ามนุษย์แค้นฉงฉีเข้ากระดูกดำ
ทว่าฉงฉีแข็งแกร่งเกินไป ด้อยกว่าเพียงสิบอสูรร้ายบรรพกาลที่ชื่อก้องมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เผ่ามนุษย์จึงยากจะทำอันตรายฉงฉีได้
ท่ามกลางกาลเวลาอันยาวนาน ลูกหลานรุ่นหลังของฉงฉีชิงชังเผ่ามนุษย์เช่นเดียวกับฉงฉี กินเผ่ามนุษย์เป็นอาหารและใช้เผ่ามนุษย์เป็นทาส
อสูรร้ายตรงหน้าผู้นี้มีสายเลือดบริสุทธิ์ยิ่ง พลังก็แกร่งกล้า เลื่องชื่อมากในดินแดนฮวง สิ่งมีชีวิตในรุ่นราวคราวเดียวกันมิมีผู้ใดกำราบมันได้
ปลาซิวปลาสร้อย?
เจ้าช่างกล้าพูดจริงเชียว!
เกรงว่าบรรพชนของเจ้ามานี่ก็ไม่อาจทำอะไรรถลากคันนี้ได้!
ซางเหิงอิดหนาระอาใจ นี่ก็เพราะจังหวะแห่งเต๋าของรถลากนั้นสงบ ไม่เผยให้ภายนอกได้เห็น อสูรร้ายเลือดบริสุทธิ์มิได้เห็นภาพประกายมงคลที่จุติลงจากฟ้าเมื่อครู่
มิฉะนั้น ต่อให้อสูรร้ายตนนี้กล้าหาญกว่านี้อีกร้อยเท่าก็มิกล้าลั่นวาจาเช่นนี้แน่นอน!
เขาได้สัมผัสกับจังหวะแห่งเต๋านั้นด้วยตนเอง ในความรู้สึกของเขา แม้แต่ฉงฉีก็ไม่อาจต้านทานจังหวะแห่งเต๋าเช่นนี้ได้!
จังหวะแห่งเต๋านั้นสูงส่งเหนือชั้นยิ่งนัก สรรพวิถีล้วนถูกกำราบ อยู่เหนือวิถีทั้งปวง ฉงฉีไม่แข็งแกร่งปานนั้นหรอกกระมัง…
หากฉงฉีแข็งแกร่งปานนั้นจริง ในรายนามสิบอสูรร้ายแห่งบรรพกาลย่อมต้องมีชื่อฉงฉี
เขากำลังจะบอกไปว่าในรถลากมีคนใหญ่คนโตผู้น่ากลัวเกินหยั่งนั่งอยู่ อย่าได้กำเริบเสิบสาน
ทว่าเมื่อกำลังจะเอ่ยปาก เขาก็หยุด มิได้กล่าวต่อ
เขาคาดว่าภายในรถลากมีคนใหญ่คนโตน่ากลัวเกินหยั่ง
แต่…ความจริงเป็นเช่นนั้นจริงหรือ
หากเขาคิดผิดเล่า
ถ้าที่รถลากเปลี่ยนสภาพมิใช่ฝีมือของผู้ใด แต่เป็นเพราะรถลากคันนี้แต่เดิมนั้นไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ถึงได้เกิดการเปลี่ยนสภาพขึ้นมาเองเล่า?
เขายังมิได้เข้าไปในรถลาก จึงไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่แท้จริงภายในรถลากนั้นเป็นอย่างไร
กระนั้น ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่อนุญาตให้อสูรร้ายตนนี้เข่นฆ่าผู้อื่นตามอำเภอใจ
“ไปเถิด อย่าสร้างเรื่องสร้างราว เวลานี้โกลาหลพอแล้ว อย่าได้สร้างความบาดหมางโดยไม่จำเป็นเลย!”
เขาเดินมาอยู่เบื้องหน้าอสูรร้ายพร้อมกล่าวกับมัน
สงครามใหญ่ใกล้ปะทุ สิ่งมีชีวิตทั้งปวงร่วมแรงร่วมใจยังไม่แน่ว่าจะหยุดยั้งได้ไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเกิดศึกภายใน
“น้ำหน้าอย่างเจ้าบังอาจขวางทางข้าด้วยรึ? เปลี่ยนเป็นซางเจี๋ย ลูกรักสวรรค์ในตระกูลเจ้าอาจจะยังพอไหว!”
นัยน์ตาอสูรร้ายเย็นเยียบ จิตสังหารไม่ลดลงแม้แต่น้อย
มันลงมือฟาดกรงเล็บเข้าไป เสียงกู่ร้องดังระงมอยู่ในมิติ พลังแกร่งกล้าก่อให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่
ลมปราณขอบเขตเทวาคืบคลาน ตัวมันทรงพลังสยดสยองขนาดที่จุดประกายเพลิงเทวา บรรลุขอบเขตเทวาสำเร็จ!
มิหนำซ้ำ ลมปราณเทวานี้ดุดันท่วมท้น มิใช่พลังรบของขอบเขตเทวาธรรมดา แต่อาจอยู่ในขั้นสูงสุดของขอบเขตเทวาแล้วก็ได้!
มันไม่ไว้หน้าซางเหิง ฟาดกรงเล็บใส่ทันที
แม้ตระกูลซางจะแกร่งกล้า กระนั้นสายเลือดฉงฉีก็ไม่ธรรมดา มิได้ด้อยไปกว่าตระกูลซางเลย
“เจ้า!”
ซางเหิงสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก เขายังมิได้เป็นเทวา แต่เป็นเพียงราชันผู้เกริกไกรเท่านั้น เมื่อเผชิญกับการโจมตีของอสูรร้ายตนนี้ เขาไม่อาจต้านทานได้เลย
พลังอันแข็งแกร่งปกคลุมฟ้าดิน บารมีดุดันล้นนภา อสูรร้ายแสยะยิ้มเย็น มันมิใช่ระดับที่ซางเหิงจะหยุดยั้งได้!
เสียงดัง ‘กร๊อบ!’ มีเสียงกระดูกแหลกลาญดังอยู่ภายในตัวซางเหิง กรงเล็บของอสูรร้ายไม่ทันกระแทกลงมา ซางเหิงก็รับไม่ไหวอีกต่อไป กระดูกในตัวเริ่มหักงอ!
“วันนี้ข้าไม่ฆ่าเจ้า เพราะไว้หน้าตระกูลซาง ทว่าเจ้าบังอาจกีดขวางข้า เรื่องนี้ปล่อยผ่านไม่ได้ จำต้องให้เจ้าได้รับบทเรียน!”
อสูรร้ายมีสีหน้าเย็นชา กรงเล็บที่ฟาดใส่กดทับลงไปเรื่อย ๆ
ดั่งเช่นที่มันว่า มันไม่คิดเอาชีวิตซางเหิง ทว่าเกียรติยศของมันไม่ยอมให้ผู้ใดจาบจ้วง!
“แมวน้อยจากหนใด บังอาจมาอวดดีอยู่ที่นี่!” เซี่ยเหยียนแค่นเสียงเย็น
นางมิได้นิ่งเฉย ถึงอย่างไรซางเหิงก็พูดจาเข้าข้างพวกเขา
นางคลี่ฝ่ามือนวลเนียนดุจหยก ประกายอ่อนโยนเจิดจรัสทว่าไม่แยงตาทิ่มแทงออกจากฝ่ามือ!
แสงนั้นดูเหมือนอ่อนโยน ความจริงแล้วทรงพลังเหลือแสน พลังที่แฝงไว้อยู่ในนั้นชวนสะท้าน พริบตาเดียวก็ทะลุกรงเล็บของอสูรร้าย เลือดสาดกระเซ็น!
กรงเล็บทะลุ อสูรร้ายเจ็บปวดจนหน้าตาเหยเก ร่างของมันร่วงจากรถลากคันใหญ่ยักษ์ ขณะที่หางของมันสะบัดไปมา ก็หวดทาสมนุษย์ที่ทำหน้าที่ลากรถกระเด็น
เมี้ยว!
ภายในรถลาก ลั่วสุ่ยได้ยินคำกล่าวของเซี่ยเหยียนแล้วก็พลันส่งเสียงร้องอย่างโมโห
ด่าอสูรร้ายตนนั้นก็ด่าไป ไยต้องมีคำว่า ‘แมวน้อย’ ด้วย?
เซี่ยเหยียนได้ยินเสียงร้องของลั่วสุ่ย จึงหันไปมองลั่วสุ่ยพลางกล่าว “ขออภัย ข้ามิได้ว่าเจ้า ประเด็นคือเจ้านี่หน้าตาเหมือนแมวน้อยจริง ๆ…”
จากนั้น นางกระโจนขึ้นจากแท่นเหยียบหน้ารถลากไปอยู่ด้านนอก
เจ้าอธิบายกระไร?
ที่พูดมาต่างจากไม่พูดตรงไหน?
ลั่วสุ่ยขุ่นเคืองใจสุด ๆ สะบัดอุ้งเท้าแมวใส่ร่างของเซี่ยเหยียนอย่างเคียดแค้น
หากมิใช่ว่าท่านเซียนอยู่ที่นี่ นางต้องถามเซี่ยเหยียนให้รู้ความว่านางหมายความอย่างไร ทำไมรึ อสูรร้ายตนนั้นเหยียดยามนางหรือ
อย่าคิดว่าได้เป็นเทวาแล้วเก่งนักหนา ขออภัย ลั่วสุ่ยผู้นี้ไม่ยี่หระ และลั่วสุ่ยผู้นี้ก็หาได้ต้อยต่ำกว่าเทวาไม่!
หากสู้กันจริง นางมั่นใจว่าตัวเองสามารถบดขยี้เซี่ยเหยียนได้สบาย
เผ่ามัจฉาจากเก้าอาณาจักรตอนบนนั้นมิได้กินไปอย่างเปล่า ๆ
ตอนนี้ตัวนางเองยังไม่รู้เลยว่าตัวเองน่ากลัวปานใด
หลี่จิ่วเต้าอมยิ้มพลางอุ้มแมวน้อยสีขาวขึ้นมา
เขาได้ยินวาจาของเซี่ยเหยียนเช่นกัน คิดในใจไปว่าแมวน้อยสีขาวตัวนี้รู้ความยิ่งนัก ทำท่าประหนึ่งว่าฟังรู้เรื่อง ซ้ำยังโบกอุ้งเท้าใส่เซี่ยเหยียนอย่างโกรธแค้นอีกต่างหาก!
“เด็กใจแคบ เซี่ยเหยียนมิได้ว่าเจ้า”
เขาลูบขนแมวน้อยสีขาวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พร้อมกอดไว้ในอกแล้วเดินไปข้างหน้า
ด้านนอกนั้น อสูรร้ายบันดาลโทสะ ประกายดุดันแผ่ซ่านออกมาจากทั่วทั้งตัว ตาสองข้างแดงก่ำยิ่ง
มันดูแคลนเผ่ามนุษย์เป็นที่สุด บัดนี้กลับถูกมนุษย์ทำให้บาดเจ็บ มันทนไม่ได้ จิตสังหารพวยพุ่งถึงขีดสุด!
โฮก! โฮก! โฮก!
มันคำรามกราดเกรี้ยว ร่างกายขยายอย่างรวดเร็ว กลายสภาพไปเหมือนขุนเขาลูกหนึ่ง บดบังแม้กระทั่งดวงอาทิตย์บนนภา!
ปีกบนหลังของมันกระพือ เสียงฟ้าร้องคำรามไม่หยุด อสนีบาตสุดสยดสยองแลบแปลบปลาบ ถล่มไปหาเซี่ยเหยียน
เซี่ยเหยียนไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด ดวงหน้าขาวผ่องงดงามนิ่งสงบ คนทั้งคนปกคลุมอยู่ในแสงเทวะ ประหนึ่งเทพีแห่งสงคราม สง่างามดุดัน องอาจน่าหวาดหวั่น!
นางแข็งแกร่งอย่างยิ่ง กระโจนตัวขึ้น ฝ่ามือวาววามสองข้างทาบออก ประกายแสงที่ดูเหมือนอ่อนโยนทว่าแท้จริงแล้วน่ากลัวพวยพุ่งออกมาอีกครั้ง ปัดป้องอสนีบาตที่ฟาดเข้ามาหานางจนแหลกลาญ
นี่คือประกายแห่งไท่หัว นางบำเพ็ญจนอยู่ในระดับสูงแล้ว
แก่นกำเนิดวิถีแห่งไท่หัวที่สำนักไท่หัวมีในครอบครองนั้นมาจากประกายแห่งไท่หัวแสงหนึ่ง และประกายแห่งไท่หัวนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง คล้ายว่าจะเป็นประกายแห่งเซียน!
“แมวน้อยตัวนี้อยากถูกทุบตีก็มิบอก!”
เซี่ยเหยียนดุดันอาจหาญไร้ผู้ใดเทียม แสงเทวะหลั่งไหลออกมาอยู่รอบตัว ประกายแห่งไท่หัวกระเพื่อมไปมาจนเกิดเป็นจังหวะแห่งเต๋าแสนน่ากลัว กำราบอสูรร้ายตนนั้น!
นางบดขยี้อสูรร้ายตนนี้อยู่ฝ่ายเดียว!
บทที่ 275
ขอบเขตเทวาทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด ภาพการณ์สยดสยองน่าหวาดหวั่น แม้แต่ฟ้าดินยังเปลี่ยนสี เสียงระเบิดดังอยู่ในมิติแห่งนี้ไม่หยุดหย่อน พลังกระแทกเป็นหลุมใหญ่หลุมแล้วหลุมเล่า!
คลื่นพลังที่ซัดสาดยังแฝงไว้ซึ่งฤทธิ์ทำลายล้าง ยอดเขาในรัศมีพันลี้ทลายจนสิ้น ก้อนหินกลิ้งถล่มกันระนาว
รถลากเปล่งประกายนุ่มนวล ปัดป้องพลังทั้งหมดที่โถมเข้ามาได้ อสูรทั้งเก้าที่ลากรถอยู่ด้านหน้าก็ได้รับการคุ้มครองเช่นกัน ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
พวกมันถึงเบาใจ ก่อนหน้านี้พวกมันเป็นกังวลอยู่ตลอดว่าอาจตายด้วยคลื่นพลังดุดันนี้
สุดยอด!
สมกับเป็นศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักไท่หัว!
เมื่อได้เห็นพลังแกร่งกล้าของเซี่ยเหยียนอีกครั้ง ความกังวลของหลี่จิ่วเต้ามลายหายไปจนสิ้น
อสูรร้ายตัวมโหฬารดั่งขุนเขาปานนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าเซี่ยเหยียนยังมิใช่คู่ต่อสู้ ต้องถูกอัดอยู่ฝ่ายเดียว เขามีสิ่งใดต้องกังวลอีก
นอกจากนี้ รถลากคันนี้เยี่ยมยอดยิ่งนัก
ไม่เห็นหรือว่าข้างนอกนั่นต่อสู้กันจนฟ้าแทบถล่ม เกิดเป็นหลุมเล็กใหญ่หลุมแล้วหลุมเล่า ด้านรถลากกลับเงียบสงบ ไม่แม้แต่จะโคลงเคลง
เห็นได้ชัดว่ารถลากนี้มิใช่ของดาด ๆ ถึงป้องกันพลังทั้งหมดไว้ได้
“คือว่า…ข้าขอเข้าไปด้วยได้หรือไม่”
ซางเหิงทะยานมาอยู่ใกล้ ๆ รถลาก ก่อนจะส่งเสียงถาม
การต่อสู้ระหว่างเซี่ยเหยียนและอสูรร้ายน่ากลัวเกินไป คลื่นพลังที่แผ่ขยายออกมาล้วนเป็นพลังระดับเทวา ต่อให้เขาเป็นถึงราชันผู้เกริกไกรก็ไม่อาจทนได้ไหว
หากยังไม่หาที่ปลอดภัย เกรงว่าเขาต้องตายด้วยลูกหลงจากคลื่นพลังการต่อสู้นี้
แน่นอนว่าทางที่ดีที่สุดคือออกจากพื้นที่สู้รบนี้
ทว่าคลื่นพลังที่ซัดสาดออกมานั้นน่ากลัวเกินไป มิติแหลกลาญ เขาไม่อาจหายตัวผ่านทางมิติได้
เห็นรถลากแล้วจึงคิดว่าจะขอเข้าไปหลบภัยข้างในเสียหน่อย
นี่เพราะตัวเขาอยู่ไม่ห่างจากรถลากมากนัก ทว่าระยะทางแค่นี้ก็แทบผลาญพลังทั้งหมดของเขาไปจนสิ้นแล้ว!
อีกอย่าง เขาไม่รู้ว่าสถานการณ์ภายในรถลากเป็นอย่างไรด้วย
ต่อให้สถานการณ์คับขัน ก็มิกล้าบุ่มบ่ามบุกเข้าไป หากว่าภายในรถลากมีคนใหญ่คนโตแสนน่ากลัวอยู่จริง การที่เขาทะเล่อทะล่าบุกเข้าไปไม่ต่างจากรนหาที่ตาย เฉกเช่นเดียวกับอยู่ข้างนอกนี้ต่อ
“ได้อยู่แล้ว”
หลี่จิ่วเต้าตอบ ดูออกว่าซางเหิงอยู่ในสภาพไม่ดีเท่าไร
ซางเหิงมีแผลตามตัวซ้ำยังเลือดไหลไม่หยุด สภาพจะดีได้อย่างไร
เขาประทับใจในตัวซางเหิงไม่น้อย
เมื่อครู่ภาพที่ซางเหิงออกหน้าตอบโต้อสูรร้ายตนนั้นเขาก็เห็นทั้งหมด
“ขอบคุณ!”
หลังได้รับคำตอบแน่ชัด ซางเหิงก็รีบเข้ามาอยู่ในรถลาก
เขาถอนหายใจโล่งอก ไม่มีแรงกดดันชวนหวาดหวั่นอีก นับว่าตนปลอดภัยแล้ว รถลากสามารถขวางกั้นพลังทั้งหมดไว้ด้านนอกได้
ทว่าในตอนนั้นเอง เขาเพิ่งสังเกตว่าคนที่ยอมให้เขาเข้ามาเมื่อครู่เป็นเพียงปุถุชน!
บนรถลากสูงส่งเหลือแสนเยี่ยงนี้ เหตุใดจึงมีปุถุชนอยู่!?
สถานการณ์เช่นนี้นับว่าอยู่เหนือความคาดหมายของเขาโดยแท้!
กระนั้น เขาก็ไม่มีเวลาคิดอันใดไปมากกว่านี้ ต้องรีบนั่งขัดสมาธิกับพื้น รีดเร้นวิชาปรับสภาพร่างกาย
ก่อนหน้าถูกอสูรร้ายตนนั้นฟาดกรงเล็บเข้าใส่ แม้จะไม่กระแทกโดนตัว แต่ถึงอย่างนั้นพลังแสนแกร่งกล้านั้นก็ทลายกระดูกภายในตัวเขาไปไม่น้อย
บวกกับระลอกคลื่นพลังที่โถมทับ เขาเสียพลังไปอีกนับคณา หากเขาไม่รีบปรับปรุงสภาวะของร่างกาย มีหวังเกิดปัญหาใหญ่กับตัวเขาแน่!
ศึกใหญ่ข้างนอกดำเนินต่อเนื่อง ซ้ำยังดุเดือดยิ่งขึ้นไปอีก อยู่ในจุดที่แรงปะทุใกล้ถึงจุดสูงสุด!
แรงกระแทกจากคลื่นพลังที่โถมทับเข้ามายิ่งทวีความรุนแรง รถรบโบราณที่อสูรร้ายนั่งมา รวมถึงผู้ฝึกตนที่มีหน้าที่ลากรถต่างกายแหลกสลายภายใต้แรงกระแทกเยี่ยงนี้ กลายเป็นหมอกสีเลือดกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า!
โฮก! โฮก! โฮก!
อสูรร้ายคำราม มันถูกบดขยี้จนอยู่ในสภาพอนาถ เลือดท่วมตัว แผลตามตัวล้วนแต่ฉกรรจ์ เลือดเนื้อทะลักออกมาอยู่ข้างนอก
มันคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเซี่ยเหยียนจะทรงพลังถึงเพียงนี้ แม้แต่ตัวมันยังมิใช่คู่ต่อสู้ ถูกเซี่ยเหยียนบดขยี้อยู่ฝ่ายเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ
ระหว่างนี้ มันปล่อยพลังที่ทวีความแกร่งกล้าออกมาเรื่อย ๆ แต่ไม่ว่าจะแข็งแกร่งขึ้นเพียงใด เซี่ยเหยียนก็มักเหนือกว่ามันอยู่เสมอ!
“พี่หญิงเซี่ยเหยียนฝีมือฉกาจยิ่งนัก!”
“เจ้านี่บอกว่าเผ่ามนุษย์อย่างเราเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำ ซ้ำยังบอกว่าภายหน้าเราจะตกเป็นอาหารของเผ่าอื่น พี่หญิงเซี่ยเหยียนไม่ต้องออมมือ อัดมันให้ยับไปเลย!”
พวกอ้ายฉานส่งเสียงตะโกนอยู่บนรถลากด้วยความเดือดดาล
ก่อนหน้าอสูรร้ายตนนี้โอหังถึงขีดสุด ซ้ำยังพูดจาหมา ๆ พวกเขาพลอยโมโหกันหมด ถึงได้ส่งเสียงตะโกนบอกเซี่ยเหยียนอัดอสูรร้ายตนนี้ให้ยับเสีย
“ได้”
เซี่ยเหยียนยิ้มพลางตอบรับ เมื่อได้ยินเสียงของพวกอ้ายฉาน
นางเพิ่มพลังโจมตี จู่โจมหนักหน่วงยิ่งขึ้น ราวกับพายุฝนที่โหมกระหน่ำใส่อสูรร้ายตนนั้นไม่หยุดหย่อน
นางลงมือโดยมีการ ‘อัดให้ยับ’ เป็นเป้าหมาย
ไอ้บัดซบเอ๊ย!
มนุษย์ฝีมืออัศจรรย์อะไรกันนี่!
อสูรร้ายอยากจะร่ำไห้ ตัวมันที่ไร้เทียมทานในหมู่รุ่นราวคราวเดียวกัน ไม่เคยคิดเลยว่าจะอยู่ในสภาพน่าสังเวชปานนี้ มันต้องโดนอัดจนแหลกลาญจริง ๆ หรือ?
เจ็บใจนัก คำรามกราดเกรี้ยวไม่หยุด ยกระดับสายเลือด ปล่อยวิชาออกไปวิชาแล้ววิชาเล่า
ทว่าทั้งหมดนี้ล้วนแล้วเปล่าประโยชน์ เมื่อแสงแห่งไท่หัวของเซี่ยเหยียนกวาดล้างออกไป ก็ไม่มีสิ่งใดยับยั้งต้านทานได้ วิชายิ่งใหญ่ปานใดก็ไม่ไหว ทลายราบได้ทุกสรรพสิ่ง!
นี่มันแสงอะไรกันนี่!?
วิญญาณของอสูรร้ายสั่นระรัว ยามนี้นึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง
มันว่างนักหรือถึงได้ออกไปขวางทาง!
ดูตอนนี้สิ ชีวิตคงมันต้องจบสิ้นลงที่นี่!
บนรถลากนั้น
ซางเหิงลืมตาอย่างเหลือเชื่อ ‘หาย…แล้ว?’
เขายากจะเชื่อได้ลง ตนรีดเร้นเคล็ดวิชาออกมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น กระดูกทั้งหมดที่เคยหักในร่างกายกลับฟื้นสภาพกลับมาได้ทั้งหมด พลังที่ถูกผลาญจนสิ้นก็กลับคืนมาเช่นกัน!
แต่ไม่นานนักเขาก็คิดตก
จังหวะแห่งเต๋ามิได้เผยออกไปนอกรถ จังหวะแห่งเต๋าทั้งหมดถูกเก็บไว้ภายใน เขาในตอนนี้ถูกจังหวะแห่งเต๋าสูงส่งปกคลุมไว้ทั้งตัว ในสภาวะแบบนี้ เขาไม่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วสิเป็นไปได้ยาก!
ไม่คลางแคลงเลยว่า หากเขาได้บำเพ็ญโดยมีจังหวะแห่งเต๋าปกคลุมร่างกายหนึ่งวัน ย่อมก้าวกระโดดจากขอบเขตราชันผู้เกริกไกรไปถึงขอบเขตราชันขั้นสมบูรณ์ได้!
หลังคิดตกแล้ว ซางเหิงก็จิตใจสงบอย่างรวดเร็ว บัดนี้อยู่ในรถลากแล้ว เขาสามารถรู้ได้ว่าสถานการณ์ภายในรถลากเป็นเช่นไร
‘เป็นเพราะรถลากไม่ธรรมดาเป็นทุนเดิม ถึงได้เปลี่ยนสภาพขึ้นมาเองจริงหรือ?’
เขาคิดในใจอย่างอดไม่ได้
ภายในรถลาก นอกจากพวกหลี่จิ่วเต้าแล้ว เขาไม่เห็นผู้ใดอีก
แต่เดิมเขาคาดการณ์ว่ามีคนใหญ่คนโตเกินหยั่งประทับในรถลาก แต่เห็นได้ชัดว่าการคาดการณ์นี้ผิดพลาด
กลุ่มของหลี่จิ่วเต้าประกอบด้วยปุถุชนสองคน และแมวน้อยสีขาวตัวหนึ่ง ไม่มีผู้ใดมีพลังปราณกระเพื่อมอยู่ เห็นได้ชัดว่ามิได้อยู่บนเส้นทางการฝึกตน
เด็กแปดคนที่เหลือแม้มีขอบเขตพลังในระดับสูงเหนือการคาดหมายของเขา กระนั้นก็ยังไม่พ้นทั้งเก้าขั้นแห่งขอบเขตพรตเต๋า
ผู้ฝึกตนหญิงอีกคนที่เหลือ ระดับพลังสูงสู้เด็กทั้งแปดคนไม่ได้ด้วยซ้ำ…
ในคนกลุ่มนี้มิมีคนใหญ่คนโต
สายเลือดของลั่วสุ่ยวิวัฒนาการอยู่ตลอด ขอบเขตพลังอยู่ในระดับสูงยิ่ง
เพียงแต่ก่อนออกมา นางอำพรางลมปราณพลังของตนไว้
ตามท่านเซียนออกไปข้างนอก ทำตัวโดดเด่นมากไปก็มิเป็นการดี…
สาเหตุที่ซางเหิงจับคลื่นพลังปราณจากตัวนางไม่ได้ก็เพราะเหตุนี้
ส่วนหลิงอิน นางใช้เคล็ดวิชาลับโบราณปกปิดพลังที่แท้จริงของตนไว้ อย่าว่าแต่ซางเหิงเลย กระทั่งนักบุญมาเองก็ไม่อาจจับสัมผัสตื้นลึกหนาบางของนางได้
ลั่วสุ่ยปกปิดระดับพลังเช่นกัน กระนั้นก็ไม่อาจเทียบได้กับหลิงอินผู้ปกปิดพลังลมปราณด้วยเคล็ดวิชาลับโบราณ
ซางเหิงสัมผัสคลื่นพลังปราณจากตัวลั่วสุ่ยไม่ได้ เพราะขอบเขตของตัวเขายังต่ำ หากเจอกับสิ่งมีชีวิตที่มีขอบเขตเทียบเท่าหรือแข็งแกร่งกว่าลั่วสุ่ย วิธีปกปิดของลั่วสุ่ยจักไม่ส่งผลเลยสักนิด
ทว่าหลิงอินต่างออกไป สิ่งมีชีวิตในระดับเดียวกันไม่อาจจับสัมผัสได้เลย
ด้วยสถานการณ์ของหลิงอินในตอนนี้ การจะล่วงรู้ภูมิหลังของนาง อย่างต่ำก็ต้องเป็นถึงจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
หลิงอินอยู่ข้างกายท่านเซียนเสมอ ซ้ำยังเป็นจ้าวสูงสุดแห่งโบราณกาลมาเกิดใหม่ ความเร็วในการเลื่อนระดับพลังของนางย่อมไม่เป็นรองผู้ใด…
บัดนี้นางอยู่ในระดับราชันเทวาแล้ว!
“เซี่ยเหยียน ลงมือเบา ๆ หน่อย”
ภายในรถลาก หลี่จิ่วเต้าบอกกับเซี่ยเหยียนที่กำลังบดขยี้อสูรร้าย
ลงมือเบา ๆ หน่อย?
ท่านเซียนหมายความว่าอย่างไร
คิดจะปล่อยอสูรร้ายตนนี้ไปหรือ
เซี่ยเหยียนคิดในใจ
และความรุนแรงที่มือก็ผ่อนลงในพริบตา มิกล้าลงมือหนักอีก