586-590

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิยายระบบ ก่อนที่จะรับฟังช่วยกดไลค์และกด subscribe เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 586ถึง590


จักรพรรดินีก้าวข้ามเอกภพ ฟื้นพลังได้โดยไม่ต้องชะงักฝีเท้าบำเพ็ญ นี่คือความแข็งแกร่งของนาง!


...


ภพเซียน


พายุฝนกระหน่ำ ซ่างกวนอิ๋งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ปล่อยให้เม็ดฝนตกกระทบเรือนร่างของนาง แววตาของนางเด็ดเดี่ยว ไม่คิดยอมแพ้แม้แต่น้อย


นางไม่รู้ว่าท่านผู้นั้นยังสนใจนางอยู่หรือไม่ บางทีท่านผู้นั้นอาจลืมนางไปนานแล้ว ถึงอย่างไร ในสายตาท่านผู้นั้น นางคงต้อยต่ำไม่น้อยไปกว่าธุลี ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงสักนิด


กระนั้น นางยังโขกศีรษะต่อไปไม่หยุด โขกจนหน้าผากเป็นแผลถลอกปอกเปิด เผยให้เห็นกระดูกสีขาวชวนสะพรึงข้างใน แต่นางยังไม่ยอมแพ้


หลี่จิ่วเต้าเห็นทุกอย่าง เขามิได้ปรากฏตัว


เขายิ่งชื่นชมซ่างกวนอิ๋งขึ้นไปเรื่อย ๆ มีความคิดอยากรับนางเป็นศิษย์


ส่วนจะสั่งสอนซ่างกวนอิ๋งอย่างไรนั้น เขาก็พอมีทิศทางแล้ว


เขาทำไม่ได้ ผู้อื่นก็ทำไม่ได้หรือไร


เขาไม่มีคัมภีร์ฝึกตน ผู้อื่นก็ไม่มีหรือไร


อย่างเช่น…ตระกูลเฟ่ย


ตระกูลเฟ่ยเป็นถึงมหาตระกูล คิดแล้วคงมีประสบการณ์ฝึกฝนโชกโชน ส่วนคัมภีร์ฝึกตนนั่น ยิ่งไม่มีทางขาดแคลนไปใหญ่


ภายในบ่อน้ำ


เหล่าปลามังกรดูแคลนซ่างกวนอิ๋งเข้าไปใหญ่


ซ่างกวนอิ๋งคิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะได้เป็นลูกศิษย์คุณชายอย่างนั้นหรือ


โง่เง่าน่าขันเกินไปแล้ว!


ผ่านไปอีกหลายวัน หลี่จิ่วเต้าปรากฏกายเบื้องหน้าซ่างกวนอิ๋ง


เวลาผ่านไปตั้งหลายวัน ซ่างกวนอิ๋งหมดสิ้นเรี่ยวแรง สติเริ่มเลือนราง นางไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าหลี่จิ่วเต้าปรากฏกายตรงหน้านาง


นางยังคงโขกศีรษะต่อไป โลหิตที่สาดกระเซ็นอยู่รอบ ๆ ย้อมผืนดินแถบนี้จนเป็นสีแดง


ก่อนนี้ นางถูกไล่ฆ่าอย่างน่าสังเวช จนบาดเจ็บสาหัส ทว่านางมิได้ฟื้นพลังตัวเอง เอาแต่คุกเข่าโขกศีรษะอยู่ที่นี่ ที่ป่านนี้นางยังไม่ตาย เป็นเพราะความยึดติดเสี้ยวหนึ่งที่หลงเหลือในใจ


แม้ว่านางเกิดในภพเซียน กระนั้นนางหาได้บรรลุเป็นเซียนไม่ ใช่ว่าสิ่งมีชีวิตทุกตนในภพเซียนล้วนเป็นเซียน หรือเหนือเซียน และขอบเขตพลังของนางก็มิได้สูงมากนัก


แน่นอนว่า มิได้สูงมากนักหมายถึงเมื่อเทียบกับระดับของภพเซียน หากเป็นด้านนอกนั่น ขอบเขตพลังของนางไม่ถือว่าต่ำ นางเป็นจ้าวสูงสุดคนหนึ่ง


จ้าวสูงสุดหนึ่งคน หากเป็นระดับของข้างนอก ไม่ว่าระดับจิตใจและพลังด้านอื่นที่มี ล้วนวิเศษน่าทึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย


ทว่าซ่างกวนอิ๋งมิได้เป็นเช่นนั้น


ถึงแม้นางเป็นจ้าวสูงสุด แต่กลับมิได้แข็งแกร่งเท่าใดนัก นางเป็นเหมือนดอกไม้ในเรือนกระจก ผ่านอะไรมาเพียงน้อยนิด แทบไม่เคยออกจากดินแดนตระกูลด้วยซ้ำ ขอบเขตพลังสูงส่งนี้ก็ได้มาเพราะสิ่งแวดล้อมในภพเซียนสูงส่ง ถึงบรรลุได้ง่ายดาย


“เกิดภาพหลอนแล้วหรือนี่”


เมื่อนางโขกศีรษะเสร็จ เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ก็ได้เห็นหลี่จิ่วเต้า


นางฝืนยิ้ม มิได้เห็นเป็นความจริง สภาพของนางย่ำแย่เกินไป นางคิดว่าตัวเองเห็นภาพหลอน


หลี่จิ่วเต้ามิได้พูดจา เขาโบกมือ พลังอันมองไม่เห็นพลันปกคลุมตัวซ่างกวนอิ๋ง พริบตาเดียว ซ่างกวนอิ๋งก็กลับมาแข็งแรงดังเดิม บาดแผลทั้งหมดมลายหายไป ฟื้นสภาพกลับมาถึงจุดที่ดีที่สุด


“ใช่ท่านจริง ๆ หรือนี่!”


ซ่างกวนอิ๋งเบิกตากว้าง ตาแดงนิดหน่อย


“ใช่แล้ว ข้าเอง”


หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า ที่เขาโผล่มาตอนนี้ เพราะตัดสินใจได้แล้ว


“ข้าจะไม่สอนสิ่งใดกับเจ้า และไม่มีทางรับเจ้าเป็นศิษย์ ข้าจะถ่ายทอดประสบการณ์ฝึกตน รวมถึงคัมภีร์ฝึกตนกับเจ้า”


เขาทอดมองซ่างกวนอิ๋ง “เจ้าไปได้ไกลเท่าใด ขึ้นอยู่กับเจ้าเท่านั้น เจ้าเต็มใจหรือไม่”


“ขอบคุณ! ข้าเต็มใจ!”


ซ่างกวนอิ๋งรีบโขกศีรษะขอบคุณหลี่จิ่วเต้า


“หากข้าบอกว่า วันหน้าหลังเจ้าสำเร็จจนได้ทำทุกอย่างที่ปรารถนาแล้ว ข้าจักริบทุกอย่างของเจ้าไป อีกทั้งลบความทรงจำทั้งหมดด้วย เจ้ายังเต็มใจอยู่หรือไม่”


ชายหนุ่มเอ่ยออกมาอีกครั้ง


“ข้าเต็มใจ!”


ซ่างกวนอิ๋งมิได้ลังเล ตอบกลับทันควัน


ที่นางรอดมาได้ ถือเป็นความโชคดีสูงสุดของนางแล้ว ซ้ำนางยังได้รับคัมภีร์ฝึกตน และประสบการณ์ฝึกตนที่ท่านผู้นี้ประทานอีกด้วย เป็นความโชคดีที่ยิ่งสูงขึ้นไปอีกสำหรับนาง นางมิกล้าเรียกร้องขอครอบครองทั้งหมดนี้


“ได้ เจ้ายอมรับเอง วันหน้า ข้าจักริบทุกอย่างนี้ไป”


หลี่จิ่วเต้าพยักหน้าพลางกล่าว


“อืม!”


ซ่างกวนอิ๋งพยักหน้าหนักแน่น ไม่รู้สึกเสียใจแต่อย่างใด นางเอ่ยถาม “แล้วข้าควรเรียกขานท่านว่าอย่างไรหรือ”


“เรียกคุณชายแล้วกัน”


ชายหนุ่มตอบ จากนั้น เขาสะบัดมือใหญ่ของตน พาซ่างกวนอิ๋งไปจากที่นี่


เมื่อเขาและซ่างกวนอิ๋งปรากฏตัวอีกครั้ง ก็ได้มาถึงดินแดนตระกูลของตระกูลเฟ่ยเสียแล้ว


ดินแดนตระกูลเฟ่ยนั้นกว้างใหญ่ไพศาล สิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ที่เคยถูกทำลาย บัดนี้ฟื้นคืนสภาพเดิมแล้ว สิ่งปลูกสร้างสูงตระหง่านเก่าแก่มากมายทะยานขึ้นฟ้า อย่าให้พูดเลยว่ายิ่งใหญ่โอ่อ่าเพียงใด


สสารฝึกฝนชั้นสูงที่ไหลเวียนอยู่ในที่แห่งนี้โลดแล่นเป็นพิเศษ จนแทบมองเห็นด้วยตาเปล่า และสสารนิรันดร์ที่ช่วยให้สิ่งมีชีวิตมองข้ามพลังแห่งกาลเวลาได้ มีชีวิตเป็นอมตะ ก็มีอยู่ที่นี่มากมาย


นี่เป็นครั้งแรกที่ซ่างกวนอิ๋งได้มาเยือนดินแดนของมหาตระกูลเช่นนี้ นางสะท้านใจอย่างยิ่งยวด สมเป็นมหาตระกูลที่อยู่ในจุดสูงสุดนับแต่มีภพเซียน แม้ว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นเพียงมุมหลืบดินแดน แต่ยังมีระดับสูงกว่าดินแดนตระกูลซ่างกวน


ซ้ำยังเหนือกว่าเป็นเท่าตัว!


ทว่า ในใจของนางใคร่รู้อย่างยิ่ง ใคร่รู้ว่าเหตุใดคุณชายถึงพานางมายังดินแดนตระกูลเฟ่ย


เมื่อหลี่จิ่วเต้าพาซ่างกวนอิ๋งมาถึงดินแดนตระกูลเฟ่ย คนตระกูลเฟ่ยรู้สึกถึงหลี่จิ่วเต้าและซ่างกวนอิ๋งได้ทันที ไม่ใช่เพราะพวกเขาสัมผัสพลังปราณในตัวชายหนุ่มและซ่างกวนอิ๋งได้ แต่เพราะพวกเขาเห็นทั้งสองปรากฏตัวที่นี่ด้วยตาตนเอง


พวกเขาเห็นหลี่จิ่วเต้าและซ่างกวนอิ๋งทันทีที่พวกเขาปรากฏตัวที่นี่ เป็นเพราะผู้นำตระกูลได้มีรับสั่งให้สมาชิกออกลาดตระเวนทั้งวันทั้งคืนกันจำนวนมาก ป้องกันมิให้ชายผู้นี้บุกมาหาพวกเขา


นี่หรือ เด็กหนุ่มผู้นั้น?


บรรดาสมาชิกตระกูลเฟ่ยที่ได้เห็นหลี่จิ่วเต้าและซ่างกวนอิ๋ง ล้วนตะลึงเหลือแสน ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายอยู่ตรงหน้าพวกเขาแท้ ๆ แต่พวกเขากลับจับสัมผัสพลังปราณของหลี่จิ่วเต้าไม่ได้เลยสักนิด ราวกับเขามิได้อยู่ที่นี่ น่ากลัวเกินไปแล้ว!


ทว่าพวกเขาตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว รายงานผู้นำตระกูลในทันที


ครืน!


เสียงดังสนั่นดังออกมาจากส่วนลึก ผู้นำตระกูล ผู้อาวุโสทั้งหลายในตระกูลเฟ่ย รวมถึงเหล่า ‘เสาหลัก’ แห่งตระกูลเฟ่ย ผู้ติดอันดับกำลังรบแข็งแกร่งที่สุดในภพเซียนต่างรีบรุดหน้ามาที่นี่


ผู้นำตระกูลเดินอยู่หน้าสุด สีหน้าเคร่งเครียด ทอดมองหลี่จิ่วเต้าผ่านอากาศ


เขาคิดไม่ถึงว่าหลี่จิ่วเต้าจะกล้ามาเยือนดินแดนตระกูลของพวกเขาจริง ๆ


ต้องมั่นใจมากเพียงใดถึงทำได้ขนาดนี้!?


รู้หรือไม่ ดินแดนตระกูลคือรากฐานแห่งตระกูล ย่อมต้องมีการตระเตรียมไว้มากมาย และมหาตระกูลเยี่ยงพวกเขา ย่อมตระเตรียมได้มากกว่า ไม่มีทางที่หลี่จิ่วเต้าไม่เข้าใจข้อนี้


และในสถานการณ์ที่หลี่จิ่วเต้าตระหนักถึงข้อนี้ดี ยังกล้ามาที่นี่ บ่งบอกว่าหลี่จิ่วเต้าต้องมีบางอย่างสร้างความมั่นใจให้เขาแน่


ชั่วขณะนั้น เขายิ่งให้ความสำคัญกับหลี่จิ่วเต้ามากขึ้น


เบื้องหลังตัวเขา เหล่าผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยมิกล้าแม้แต่จะหายใจแรง พวกเขาเคยประจักษ์ในฝีมือหลี่จิ่วเต้ามาแล้ว เกินกว่าที่พวกเขาจะต่อกรด้วยไหว


‘เสาหลัก’ ตระกูลเฟ่ย ผู้มีกำลังรบติดอันดับสูงสุดในภพเซียน ผู้อาวุโสสูงสุดตั้งหลายท่าน ก็มีสีหน้าคร่ำเครียดเหลือคณาในเวลานี้


พวกเขาก็สัมผัส ‘การดำรงอยู่’ ของอีกฝ่ายไม่ได้เช่นกัน!


เป็นไปได้อย่างไร!?


หลี่จิ่วเต้าเยาว์วัยถึงเพียงนี้ กลับมีขอบเขตพลังเหนือชั้นพวกเขาขึ้นไปไกลแล้วหรือ?


ไม่!


พวกเขาไม่เชื่อ และไม่อยากเชื่อ พากันสงสัยว่าหลี่จิ่วเต้าอาจมีของวิเศษบางอย่างกับตัว ถึงส่งผลให้พวกเขาสัมผัส ‘การดำรงอยู่’ ของหลี่จิ่วเต้าไม่ได้


“ไม่ต้องกังวล ข้ามาคราวนี้ มิได้คิดทำอะไรพวกเจ้า ข้ามาเพียงเพื่อ ‘ขอยืม’ ประสบการณ์ฝึกตน และคัมภีร์ฝึกตนจากพวกเจ้า”


หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม เผยให้เห็นฟันขาววาววามเรียงตัวเป็นระเบียบ


แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือ ประโยคที่ว่าไม่ต้องกังวลนั้น กลับยิ่งทำให้สมาชิกทั้งหมดในตระกูลเฟ่ยกังวลขึ้นมา


ขอยืมประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์ฝึกตนอย่างนั้นหรือ!?


มันเรื่องอะไรกัน!


คัมภีร์ฝึกตนนั้นยังพอเข้าใจได้ แต่ขอยืมประสบการณ์ฝึกตนหมายความว่าอย่างไร?


สมาชิกแต่ละคนในตระกูลเฟ่ยต่างพูดไม่ออก และไม่เข้าใจ หรือคนผู้นี้มิได้บำเพ็ญด้วยตนเอง ไฉนถึงขอยืมกระทั่งประสบการณ์ฝึกตน


ข้างกายหลี่จิ่วเต้า ซ่างกวนอิ๋งมองเขาด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ


นางคิดไม่ถึงจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าเหตุผลที่คุณชายพานางมายังดินแดนตระกูลเฟ่ยจะเป็นเช่นนี้!


เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของนางไปมาก พิลึกเกินไปแล้ว!


การถ่ายทอดประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์ฝึกตนที่คุณชายเอ่ยถึง คือมา ‘ขอยืม’ ที่…ตระกูลเฟ่ยหรอกหรือ!


‘เข้าใจแล้ว มิน่า คุณชายถึงเอ่ยว่าไม่ขอสอนสั่งสิ่งใดให้ข้า ขอถ่ายทอดเพียงประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์ฝึกตนให้ข้า…’


ซ่างกวนอิ๋งคิดในใจ


ครานั้นนางยังรู้สึกแปลกใจ ก่อนนี้คุณชายเพิ่งเอ่ยว่าจะไม่สอนสิ่งใดให้นาง ต่อมากลับเอ่ยถึงประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์ฝึกตน มิเท่ากับย้อนแย้งหรอกหรือ?


บัดนี้นางถึงเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว วาจานี้หาได้ย้อนแย้งไม่


ประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์ฝึกตนที่คุณชายมอบให้ หาใช่ของคุณชายไม่…


หลังเข้าใจในข้อนี้ นางผิดหวังลงนิดหน่อย นี่นางไม่เป็นที่พึงใจของคุณชายหรือ คุณชายถึงไม่ถ่ายทอดวิชาของตนให้ กลับพานางมาที่ตระกูลเฟ่ย ‘ขอยืม’ ประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์ฝึกตน


‘เจ้าคิดเพ้อเจ้ออะไร ได้คุณชายช่วยเหลือ ถือเป็นวาสนาสูงสุดของเจ้าแล้ว เจ้ามีความสามารถใดให้คุณชายพึงพอใจกัน!?’


ไม่นานนัก นางก็ตำหนิตัวเองในใจ


ที่มีวันนี้ได้ ถือเป็นความโชคดีอันใหญ่หลวงของนาง นางไฉนเลยจะกล้าวอนขอวิชาของคุณชายเอง


ไม่สมควรอย่างยิ่ง!


‘ขอบคุณคุณชาย! บุญคุณอันใหญ่หลวงของคุณชายนี้ ข้าซ่างกวนอิ๋งขอจดจำไปตลอดชีวิต! ท่านไม่รับข้าเป็นศิษย์ แต่ข้าจะเห็นท่านเป็นอาจารย์เสมอ!’


ซ่างกวนอิ๋งเอ่ยในใจอย่างหนักแน่น ความผิดหวังก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นความซาบซึ้งทั้งสิ้น


นางขอสาบาน จากนี้ไป ไม่ว่าเกิดเรื่องอันใด คุณชายก็จะเป็นผู้ที่สำคัญที่สุดในใจของนาง นางขอรับใช้คุณชายด้วยชีวิตทั้งหมดที่เหลืออยู่!


ถึงแม้นางหาได้มีความสามารถใดไม่ และคุณชายคงไม่ต้องการตัวละครต่ำต้อยเช่นนาง ทว่าจากนี้ไป นางไม่มีวันเปลี่ยนผัน ขอรับใช้คุณชายไปทั้งชาติ เคารพนับถือคุณชายเสมอ!


และหากคุณชายมีเรื่องต้องใช้นาง นางยิ่งพร้อมทุ่มเททุกอย่าง ปฏิบัติภารกิจของคุณชายด้วยชีวิต!


ผู้นำตระกูลเฟ่ยสีหน้าเย็นยะเยือก หลี่จิ่วเต้าตั้งใจมาท้าทายอย่างเห็นได้ชัด คัมภีร์ถือเป็นรากฐานความแข็งแกร่งของตระกูล ไฉนเลยจะเปิดเผยต่อผู้อื่นง่าย ๆ


ส่วนประสบการณ์ฝึกตน แม้เขาไม่รู้ว่าหลี่จิ่วเต้าต้องการไปทำการใด แต่เขาไม่มีทางตอบตกลง


ประสบการณ์ฝึกตนนั้นล้ำค่าเช่นเดียวกัน เป็นประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อให้คนรุ่นหลังไม่ต้องก้าวผิด และช่วยให้คนรุ่นหลังรู้แจ้งได้ไวขึ้น เข้าใจการฝึกฝนได้มากขึ้น


โดยเฉพาะมหาตระกูลอย่างพวกเขา มูลค่าของประสบการณ์ฝึกตนสูงเกินหยั่ง เขามีหรือจะยอมยกให้หลี่จิ่วเต้าง่าย ๆ!


เป็นไปไม่ได้เลย!


นอกจากนี้ หลี่จิ่วเต้าบุกรุกเข้ามายังตระกูลเฟ่ยของพวกเขา ขืนเขายกประสบการณ์และคัมภีร์ฝึกตนให้หลี่จิ่วเต้าง่าย ๆ ตระกูลเฟ่ยของพวกเขาจะยังเหลือบารมีอยู่อีกหรือ ตระกูลเฟ่ยของพวกเขาจะยังมีที่ยืนในภพเซียนอยู่อีกหรือ


หากเป็นเช่นนั้นจริง ตระกูลเฟ่ยของพวกเขาคงได้กลายเป็นตัวตลก!


ปุถุชนยังรู้ว่า การไขว่คว้ามิใช่เพื่อผลประโยชน์ หากแต่เพื่อศักดิ์ศรี นับประสาอะไรกับพวกเขา!


เขาไม่มีทางตกลงเรื่องใด!


“คิดอะไรอยู่!? เจ้าคิดจริงหรือว่าเจ้าสามารถฝ่าเข้าไปถึงด้านในดินแดนตระกูลเฟ่ยของเรา”


ผู้นำตระกูลเฟ่ยตวาดเสียงเย็น ประกายเซียนส่องสว่างไปทั่วร่าง ขณะเดียวกัน สมาชิกทั้งตระกูลเฟ่ยล้วนมีประกายเซียนเจิดจ้าพวยพุ่งออกจากตัว พวกเขาเตรียมพร้อมรับศึกใหญ่


“ฝ่าเข้าไปหรือ?”


หลี่จิ่วเต้าส่ายหัวน้อย ๆ “หากข้าอยากเข้าไป ไม่จำเป็นต้องฝ่า”


จากนั้น เขาย่างกรายออกไปหนึ่งก้าว เข้าไปได้อย่างง่ายดายราวกับไม่มีค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลเฟ่ยอยู่


ระหว่างนี้ ค่ายกลใหญ่ตระกูลเฟ่ยหาได้มีสิ่งใดผิดแผกไปจากเดิมไม่ ตั้งแต่ต้นจนจบ คงสภาพราวกับมิมีผู้ใดเข้ามา


“นี่มันเรื่องอะไรกัน!”


“ค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลไม่ได้ทำงานอยู่หรือ”


สมาชิกส่วนใหญ่ในตระกูลเฟ่ยตาโตอ้าปากค้าง แทบไม่อาจเชื่อสายตาตัวเอง


ดินแดนตระกูลถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดของตระกูล ไม่ว่าตระกูลใด ล้วนให้ความสำคัญเป็นหนักหนา มีการทุ่มเทกายใจจัดแจงค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลทรงพลังที่สุด เพื่อคุ้มกันดินแดนตระกูล


อานุภาพของค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลของพวกเขาตระกูลเฟ่ยนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ต่อให้อีกแปดมหาตระกูลที่เหลือยกทัพมายังดินแดนตระกูลเฟ่ยของพวกเขาพร้อมกัน ค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลเฟ่ยก็สามารถต้านทานไปได้ระยะหนึ่ง


ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่จิ่วเต้า ค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลกลับมีสภาพเหมือนไม่มีอยู่ หลี่จิ่วเต้าเข้ามาถึงด้านในดินแดนตระกูลโดยปราศจากอุปสรรคใด ๆ จะให้พวกเขาเชื่อได้อย่างไร!?


พวกเขาสงสัยอย่างมากว่าค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลมิได้ทำงานอยู่ มิฉะนั้น เป็นไปได้อย่างไรที่หลี่จิ่วเต้าจะเข้ามาง่ายดายโดยไร้สิ่งกีดขวางใด ๆ!?


“ทำงานอยู่!”


ผู้นำตระกูลเฟ่ยสีหน้ามืดครึ้ม คล้ายว่าฝนจะตกลงมา ริ้วค่ายกลของค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลยังโลดแล่นอยู่ จะมิได้ทำงานได้อย่างไร หลี่จิ่วเต้าสามารถเดินเข้ามาง่ายดายอย่างไร้อุปสรรคขณะที่ค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลยังทำงานอยู่!


พลังอะไรกัน


เขาตระหนักได้ทันทีว่า ตระกูลเฟ่ยของพวกเขาอาจเจอกับศัตรูตัวฉกาจเข้าแล้ว!


เป็นผลให้เขาสำนึกเสียใจอย่างมาก


ลงมือกับตระกูลซ่างกวนที่ต่ำต้อยเสียจนแทบไม่นับตัวตน ไฉนถึงผูกความแค้นกับศัตรูตัวฉกาจเสียได้!?


นอกจากนี้ เขาเจ็บใจนัก ตระกูลเฟ่ยของเขาอยู่ในจุดสูงสุดแห่งภพเซียน มิมีผู้ใดล้มล้างได้นับแต่กำเนิดภพเซียน คราวประจันกับมหาตระกูลอื่นก็มิเคยต้องหวาดกลัวสักครั้ง บัดนี้ หลี่จิ่วเต้าเดินทางเข้ามาแต่เพียงผู้เดียว กลับสร้างแรงกดดันและอันตรายต่อตระกูลเฟ่ยได้ยิ่งใหญ่ปานนี้เชียวหรือ!?


“เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ เก้ามหาตระกูลเห็นพ้องต้องกัน เสมือนเป็นหนึ่งเดียว หากเจ้าคิดล้างแค้นให้ตระกูลซ่างกวน ข้าว่าล้มเลิกความคิดนี้ไปเสียดีกว่า! นอกเสียจากเจ้าอยากเป็นศัตรูกับทั้งเก้ามหาตระกูลพร้อม ๆ กัน!”


เขาตวาดเสียงเข้ม จงใจอ้างถึงอีกแปดมหาตระกูล หมายจะข่มขวัญหลี่จิ่วเต้าด้วยเรื่องนี้ เตือนมิให้หลี่จิ่วเต้าบุ่มบ่ามทำอันใด


“เก้ามหาตระกูลหรือ”


หลี่จิ่วเต้าหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดไปมากกว่านี้


เพราะหลังจากนี้ เขาต้องไปเยี่ยมเยียนมหาตระกูลอื่น ๆ สักครา เขาไม่คิด ‘ขอยืม’ ประสบการณ์ฝึกตน และคัมภีร์ฝึกตนจากตระกูลเฟ่ยเพียงตระกูลเดียว เขาคิด ‘ขอยืม’ จากตระกูลทั้งหมด


เห็นสีหน้าเช่นนี้ของหลี่จิ่วเต้า หัวใจผู้นำตระกูลเฟ่ยลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขารู้ดีกว่าอีกฝ่ายไม่ได้เสียขวัญแม้แต่น้อย


หากหลี่จิ่วเต้าเสียขวัญ คงไม่มีสีหน้าเช่นนี้


“ถ้าอย่างนั้น คงไม่มีอะไรให้พูดกันอีก!”


ผู้นำตระกูลเฟ่ยตวาดเสียงเย็น เขาไม่มีทางยอมจำนนง่าย ๆ หากยอมจำนนทั้งอย่างนี้ มิได้ต่างอันใดจากยกทั้งตระกูลเฟ่ยให้หลี่จิ่วเต้าด้วยสองมือ


มีเสียงดังสนั่นส่งออกมาจากส่วนลึก มีเงาร่างก้าวออกจากส่วนลึกทั้งหมดแปดร่าง


พวกเขาคือบูรพาจารย์โบราณของตระกูลเฟ่ย ก่อนนี้เข้าฌานบำเพ็ญขอบเขตพลังอยู่ตลอด บัดนี้ สัมผัสถึงความผิดปกติในตระกูลเฟ่ย จึงพากันออกฌานจากการฝึกฝน


พวกเขาแข็งแกร่งมาก อยู่ในตำแหน่งจักรพรรดิเซียนมานานแล้ว ไม่รู้ว่ามิได้ออกโรงมานานเท่าไรแล้ว


อันดับผู้แข็งแกร่งที่สุดในภพเซียนไม่มีชื่อพวกเขา เพราะพวกเขามิได้ออกโรงมานาน ขอบเขตพลังไม่อาจประเมินได้ พวกเขาคือจักรพรรดิเซียนเก่าแก่ หากเข้าร่วมอันดับ อันดับผู้แข็งแกร่งในยุคนี้คงต้องถูกทดแทนออกไปทั้งหมด


หลังบูรพาจารย์โบราณเหล่านี้ก้าวออกมา หัวใจผู้นำตระกูลเฟ่ยถึงมั่นคงขึ้น


จักรพรรดิเซียนเก่าแก่แปดท่าน เขาไม่เชื่อว่าจะจัดการเด็กหนุ่มตัวคนเดียวอย่างหลี่จิ่วเต้าไม่ได้!


นอกจากนี้ ยังมีผู้อาวุโสสูงสุดอีกเก้าคนที่อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิเซียน หากนับดูแล้ว พวกเขามีจักรพรรดิเซียนทั้งสิ้นสิบเจ็ดท่าน!


หลี่จิ่วเต้าผู้นี้เต็มไปด้วยความพิลึกชอบกล จนคาดเดาไม่ออก แต่เขาเชื่อว่า จักรพรรดิเซียนสิบเจ็ดท่านลงมือพร้อมกัน หลี่จิ่วเต้าต้องถูกกำราบได้แน่!


“ไปเสียตอนนี้ยังทัน ข้าให้โอกาสเจ้า และจะทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น!” ผู้นำตระกูลเฟ่ยตะโกนบอก


ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนสุขุม ไม่ถึงที่สุด เขาไม่ต้องการต่อสู้กับหลี่จิ่วเต้าลึกลับผู้นี้


ความเสี่ยงสูงเกินไป!

จักรพรรดิเก่าแก่ทั้งแปดตนต่างก้าวออกไปคนละก้าว แรงกดดันมหาศาลแผ่ขยาย พวกเขาเปล่งพลังปราณออกมาทั้งหมด สร้างบารมีให้กับผู้นำตระกูลเฟ่ย


ตู้ม!


อสนีบาตส่งเสียงครืนครานไม่หยุด ภาพปรากฏการณ์ประหลาดชวนสะท้านปรากฏภาพแล้วภาพเล่า ดวงดาราดับสูญ สุริยันจันทราแหลกลาญ ปฐพีพังครืน สายธารแห่งกาลเวลาสั่นคลอนบิดเบี้ยว ผิดรูปผิดร่างไปอย่างรุนแรง!


จักรพรรดิเซียนทั้งแปดปลดปล่อยพลังปราณโดยมิได้กักเก็บแม้แต่น้อย ภาพการณ์ที่เกิดขึ้นน่าพรั่นพรึงเป็นอย่างยิ่ง ได้รับผลกระทบไปทั้งภพเซียน สิ่งมีชีวิตในภพเซียนมากมายทรุดลงกับพื้น ร่างกายสั่นเทิ้ม ดวงวิญญาณระส่ำระสาย คล้ายว่าวันโลกาวินาศใกล้จะเกิดกับพวกเขาแล้ว!


จักรพรรดิเซียนอีกเก้าตนก้าวออกไปด้วย เปล่งพลังปราณออกมาเต็มกำลัง ถึงแม้พวกเขามิได้น่ากลัวเท่าจักรพรรดิเซียนเก่าแก่ทั้งแปด กระนั้นก็มิใช่ย่อย ถึงอย่างไรก็อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิเซียน อยู่ในขอบเขตสูงสุดแห่งภพเซียนแล้ว!


ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!


แสงเซียนนับล้านส่องสว่างไปทั้งภพเซียน เจิดจ้ายิ่งกว่าดวงอาทิตย์ยามกลางวัน จักรพรรดิเซียนสิบเจ็ดตน เรียกอาวุธจักรพรรดิเซียนออกมาทั้งหมดสิบเจ็ดชิ้น ทั้งยังเร่งพลานุภาพถึงขีดสุด ทุกชิ้นล้วนสามารถกำราบยุคสมัยทั้งปวง สังหารสิ้นทุกสิ่ง!


ซ่างกวนอิ๋งหัวใจเต้น ‘ตึกตัก’ รุนแรง กลืนน้ำลายดังเอื้อกอย่างอดมิได้


นี่หรือคือพลังของมหาตระกูล


น่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งนัก!


ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิเซียนทั้งสิบเจ็ดตน หรืออาวุธจักรพรรดิเซียนทั้งสิบเจ็ดเล่ม ทั้งหมดนี้สยดสยองเกินไปแล้ว!


จักรพรรดิเซียนนั้นยากจะบรรลุ อาวุธจักรพรรดิเซียนก็ยากจะหล่อหลอมเช่นกัน ในตระกูลเฟ่ยไม่เพียงแต่มีจักรพรรดิเซียนถึงสิบเจ็ดตน ซ้ำร้ายแต่ละตนล้วนมีอาวุธจักรพรรดิเซียนในครอบครอง รากฐานเช่นนี้ ลึกล้ำเกินหยั่งยิ่งนัก เหลือเชื่อยิ่งนัก!


“เกิดอะไรขึ้น!?”


“จะ…เกิดสงครามจักรพรรดิเซียนแล้วหรือ”


ผู้คนในภพเซียนอกสั่นขวัญแขวน จักรพรรดิเซียนทั้งสิบเจ็ดตนล้วนเปล่งพลังปราณออกมาอย่างเต็มที่ จนพวกเขาแทบรับไม่ไหว วิญญาณใกล้แหลกสลายเต็มที


พวกเขาตื่นตกใจแทบแย่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงได้มีจักรพรรดิเซียนปรากฏกายมากมายเช่นนี้!


ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!


ขณะเดียวกัน จักรพรรดิเซียนในพื้นที่ต่าง ๆ ของภพเซียนต่างเบิกตากว้าง มองมาทางนี้ หมายจะพินิจผ่านสุญญากาศว่าเกิดเรื่องใดที่นี่!


แต่เพียงไม่นาน พวกเขาก็เบนสายตากลับไปทันทีด้วยความตื่นตระหนก!


พวกเขารับรู้ถึงภยันตราย ภยันตรายถึงชีวิต คล้ายว่าที่นั่นมีการดำรงอยู่บางอย่างที่ไม่อนุญาตให้ลอบมอง ขืนพวกเขาดื้อด้านต่อไป พวกเขาอาจต้องชดใช้ด้วยชีวิต!


ไม่ใช่แค่พวกเขา รวมถึงจักรพรรดิเซียนเก่าแก่ก็ด้วย ทันทีที่เพ่งสายตาไปก็ต้องเบนกลับมา ตื่นตระหนกจนเหงื่อเย็นไหลโซม!


“เกิดอะไรขึ้นในตระกูลเฟ่ยกันแน่!?”


“ในภพเซียนมีตัวตนระดับนี้อยู่ด้วยหรือ”


พวกเขามีสีหน้าเคร่งเครียด เดิมคิดอยากไปตระกูลเฟ่ยเพื่อดูว่าเกิดเรื่องใดขึ้น ทว่าบัดนี้ พวกเขาต่างล้มเลิกความคิดนั้นไป


ที่นั่นน่ากลัวยิ่ง พวกเขามิกล้าไป กลัวไฟจะลามทุ่ง ต้องติดร่างแหไปด้วย


ลำพังลอบพินิจยังเป็นอันตรายต่อพวกเขาได้มากเพียงนี้ มีภัยถึงชีวิต ขืนเข้าไปจริง ๆ พวกเขาก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง


“บรรพจารย์เซียน…ท่านหนึ่งหรือ!?”


จักรพรรดิเซียนเก่าแก่ตนหนึ่งเอ่ยเสียงสั่น ภพเซียนมีตัวตนเหนือจักรพรรดิเซียน กลายเป็นบรรพจารย์เซียนแล้วหรือ


เขาไม่อาจเชื่อได้ลง ขอบเขตระดับบรรพจารย์เซียน มิได้ไปถึงด้วยการบรรลุ ส่วนเป็นได้อย่างไรนั้น เขาเองก็ไม่ทราบ


ในฐานะจักรพรรดิเซียนเก่าแก่ เขาอยู่มานานจนประเมินมิได้ กระนั้นเขายังแตะไม่ถึงขอบเขต ‘บรรพจารย์’


คิดจะเป็น ‘บรรพจารย์’ มีเงื่อนไขเข้มงวดเป็นหนักหนา ต่อให้มีชีวิตอยู่ได้เนิ่นนานไร้ขอบเขตยังมิอาจไต่ขึ้นไปได้ ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเงื่อนไขเป็นอย่างไร…


...


ดินแดนตระกูลเฟ่ย


พลังปราณของจักรพรรดิเซียนทั้งสิบเจ็ดคนคลี่แผ่ออกไปปกคลุมฟ้าดิน พวกเขาสำแดงฤทธิ์เดชทั้งหมด หมายจะสร้างบารมีให้กับผู้นำตระกูลของพวกเขา ไล่ต้อนหลี่จิ่วเต้าให้ยอมจากไป


จักรพรรดิเซียนเก่าแก่ทั้งแปดจิตใจหนังอึ้งเช่นเดียวกัน ที่พวกเขาคิดไม่ถึงคือ พวกเขาก็มองหลี่จิ่วเต้าไม่ออกเหมือนกัน!


หากมิใช่เพราะเหตุนี้ พวกเขาไฉนเลยจะแค่ ‘สร้างบารมี’ อยู่อย่างนี้ คงได้ลงมือไปนานแล้ว!


“ทุกท่านใจเย็นลงหน่อยดีกว่า…”


หลี่จิ่วเต้าเอ่ยเสียงเรียบ สีหน้าปราศจากอารมณ์


ทันทีที่สิ้นเสียงเขา ภาพน่าเหลือเชื่อพลันเกิดขึ้น!


ประกายสยดสยองที่ห้อมล้อมอยู่รอบ ๆ จักรพรรดิเซียนสิบเจ็ดตนท่าทางไร้เทียมทาน ถูกดันกลับไปในกายทั้งหมดพร้อมกับเสียงที่เงียบไปของหลี่จิ่วเต้า!


อาวุธจักรพรรดิเซียนสิบเจ็ดเล่มที่เคยเจิดจรัสจนไม่อาจจ้องมองได้โดยตรง กลับหม่นหมองลงไปในพริบตา ไม่เหลือประกายใด ๆ ราวกับกลายเป็นเพียงศาสตราธรรมดา!


ซี๊ด!


เสียงสูดปากดังไปทั่วดินแดนตระกูลเฟ่ย สมาชิกตระกูลเฟ่ยทุกคนต่างชาไปทั้งหนังศีรษะ


สวรรค์! คนผู้นี้เป็นใครกัน!?


วาจาเดียวสลายพลังจักรพรรดิเซียนสิบเจ็ดตน รวมถึงอาวุธจักรพรรดิเซียนสิบเจ็ดเล่ม!!!


เป็นไปได้อย่างไรกัน!?


แม้ว่าทั้งหมดนี้พวกเขาเห็นกับตาตนเอง ก็ยังไม่อาจเชื่อได้ลง สงสัยว่าตนนั้นฝันไป!


แต่ต่อให้เป็นเพียงฝัน พวกเขาก็มิกล้าฝันถึงเรื่องราวเช่นนี้!


“เป็นไปไม่ได้! นี่มันเป็นไปไม่ได้!”


จักรพรรดิเซียนเก่าแก่ท่านหนึ่งเชื่อไม่ลงว่าทั้งหมดนี้คือความจริง เขากระโจนตัวขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ทว่าพริบตาเดียวก็ล้มหน้าคะมำ กระแทกพื้นอย่างแรง


เขา…เหินไม่ขึ้น!


รีดเร้นพลังไม่ออกแม้แต่นิดเดียว!


“ข้าไม่เชื่อ!”


จักรพรรดิเซียนเก่าแก่อีกท่านเชื่อไม่ลงเช่นกัน ในมือของเขามีดาบยาวเล่มหนึ่ง เขาฟันลงบนก้อนหินด้านข้าง ผลปรากฏว่าดาบยาวเล่มนั้นร้าวรานในพริบตา เศษดาบกระจายเต็มพื้น!


“ดาบ…ของข้า!”


เขาร่ำไห้ ทรุดตัวลงกับพื้น อาวุธจักรพรรดิเซียนชิ้นหนึ่งกลับถูกเขาทำลายไปง่าย ๆ เยี่ยงนี้


ต่อให้เป็นตระกูลเฟ่ย คิดจะหล่อหลอมอาวุธจักรพรรดิเซียนสักชิ้นก็มิได้ง่าย ๆ และบัดนี้ เขากลับทำลายอาวุธจักรพรรดิเซียนไปง่าย ๆ เยี่ยงนี้ เขานึกอยากปลิดชีพตัวเองด้วยซ้ำ!


จักรพรรดิเซียนเก่าแก่สองท่าน ท่านหนึ่งกระโจนตัวขึ้น แต่กลับล้มกระแทกพื้น ท่านหนึ่งหวดอาวุธจักรพรรดิเซียนฟันหิน แต่กลับกลายเป็นทำลายอาวุธจักรพรรดิเซียนทิ้งไปหนึ่งเล่ม สมาชิกตระกูลเฟ่ยในที่นี้หมดข้อกังขา พลังของจักรพรรดิเซียนและอาวุธจักรพรรดิเซียนถูกหลี่จิ่วเต้าสลายไปหมดแล้ว!


อึก!


ซ่างกวนอิ๋งกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พลังอะไรกัน!?


พลังของจักรพรรดิเซียนและอาวุธจักรพรรดิเซียนสลายได้ด้วยวาจาเดียว ขอบเขตพลังของคุณชายสูงถึงระดับไหนกัน!?


บรรพจารย์เซียนหรือ


หัวใจดวงน้อย ๆ ของนางเต้นแรงจนแทบพุ่งออกจากกาย บรรพจารย์เซียนในตำนาน เป้าหมายของเซียนทั้งปวง บัดนี้ยืนอยู่ข้างกายนางหรือ?


“วางใจเถิด ข้าไม่ทำอันใดพวกเจ้า ข้าบอกแล้ว ที่มานี่ก็เพื่อ ‘ขอยืม’ ประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์ฝึกตนจากพวกเจ้าสักหน่อย”


หลี่จิ่วเต้ามองจักรพรรดิเซียนทั้งสิบเจ็ดตน “พวกเจ้าไม่เลว รบกวนช่วยบันทึกประสบการณ์ฝึกตน และคัมภีร์ฝึกตนของพวกเจ้าลงเป็นลายลักษณ์อักษร แล้วนำมาให้ข้า”


หา?


ว่าอย่างไรนะ?


จักรพรรดิเซียนทั้งสิบเจ็ดตนนึกสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิดไปหรือไม่


หรือนี่คือจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ของหลี่จิ่วเต้าจริง ๆ?


คงไม่กระมัง!


พวกเขาอยากบอกเหลือเกินว่า ท่านต้องการประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์ฝึกตนของพวกเราไปเพื่ออันใด พวกเราต่ำต้อยเหลือเกินเมื่ออยู่ต่อหน้าท่าน ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงด้วยซ้ำ…


ประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์ฝึกตนเยี่ยงนี้เข้าตาท่านด้วยหรือ

พวกเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าควรเอ่ยคำใด ตัวตนร้ายกาจสูงส่งเยี่ยงนี้ กลับมาขอประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์จากพวกเขา…


สวรรค์ นี่มันเรื่องอะไรกันนี่!


เหตุใดพวกเขาถึงรู้สึกว่าทุกอย่างช่างโกลาหลเหลือเกิน!?



โกลาหล กลับตัลปัตร…


อะไรกันนี่!


เสมือนจอหงวนผู้มากด้วยความรู้ไปถามเด็กเล็กผู้เพิ่งอ่านหนังสือออกว่าควรเล่าเรียนวิชาอย่างไร…


เสมือนเศรษฐีผู้ร่ำรวยมหาศาลไปถามผู้ที่มีเงินพอแค่กินข้าวว่าหาเงินอย่างไร…


จักรพรรดิเซียนทั้งสิบเจ็ดตนหมดคำบรรยาย ต้องทำถึงขั้นนี้เชียวหรือ ตัวตนสูงส่งผู้ใช้วิชาผ่านถ้อยคำจำเป็นต้องหมายตาประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์เพียงเล็กน้อยของพวกเขาด้วยหรือ


ทว่าหมดคำบรรยายส่วนก็หมดคำบรรยาย มิมีผู้ใดกล้าลีลา ต่างบันทึกประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์ที่พวกเขาฝึกฝนลงอย่างรวดเร็ว ไม่ตกหล่นแม้แต่น้อย


พวกเขาไฉนเลยจะกล้าตกหล่น เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านผู้นี้ พวกเขามิกล้ามีเล่ห์เหลี่ยมสักนิด


“รับมาสิ”


หลี่จิ่วเต้าเอ่ยปาก ให้ซ่างกวนอิ๋งรับประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์เหล่านี้ไว้ทั้งหมด


ซ่างกวนอิ๋งรู้สึกตื้นตันใจมาก เหมือนทุกอย่างเป็นเพียงฝันไป ประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์ที่จักรพรรดิเซียนสิบเจ็ดท่านบำเพ็ญมาทั้งชีวิต ไม่ว่าอย่างใดล้วนเป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง มหัศจรรย์เป็นที่สุด


สุดท้าย นางเก็บประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์เหล่านั้นไว้อย่างระมัดระวังด้วยมืออันสั่นเทา


“คืนสภาพเดิมเสีย”


หลี่จิ่วเต้าเอ่ยเสียงเบา ภาพน่าเหลือเชื่อปรากฏ เหตุการณ์ทุกอย่างคล้ายหมุนย้อนกลับ ดาบยาวจักรพรรดิเซียนที่แหลกลาญไปก่อนหน้าก็คืนสภาพได้ดังเดิม


สายธารแห่งกาลเวลาปรากฏ ทุกสิ่งทุกอย่างไหลทวนกระแส จักรพรรดิเซียนเก่าแก่ทั้งแปดถอยกลับไปในส่วนลึก ร่างของผู้นำตระกูลและจักรพรรดิเซียนอีกเก้าก็ถอยกลับหายไปเช่นกัน


ทั้งหมดกลับคืนสู่สภาพเมื่อครั้งพวกเขาเพิ่งมาถึง!


สมาชิกทั้งหลายในตระกูลเฟ่ยออกลาดตระเวน เฝ้าระวังอย่างรอบคอบ ราวกับว่าหลี่จิ่วเต้าและซ่างกวนอิ๋งไม่เคยปรากฏตัวที่นี่มาก่อน!


ขณะเดียวกัน ทั้งที่หลี่จิ่วเต้าและซ่างกวนอิ๋งยังอยู่ในดินแดนตระกูลแท้ ๆ แต่สมาชิกตระกูลเฟ่ยที่กำลังลาดตระเวนกันอยู่ กลับทำท่าเหมือนมองไม่เห็นทั้งสองอย่างนั้น!


บิดเบือนห้วงเวลา คืนกลับสภาพเดิม!


หลังซ่างกวนอิ๋งได้เห็นภาพนี้ ก็ไม่รู้ว่าควรเอ่ยคำใด พลังอะไรกัน!?


นางตะลึงจนหัวใจแทบหยุดเต้น!


ต้องรู้ว่า พลังแห่งกาลเวลาลึกล้ำเกินหยั่งที่สุด บ่วงกรรมที่เข้ามาพัวพันนั้นมหาศาล แม้นย้อนเวลาเพียงอึดใจเดียว ก็เป็นเรื่องยากเย็นหนักหนา แทบไม่อาจทำได้เลย!


ทว่าคุณชายเอ่ยถ้อยคำเดียวเบา ๆ ก็ทำได้อย่างสมบูรณ์ ซ้ำยังย้อนเวลาไปตั้งมากมายปานนั้น น่าเหลือเชื่อที่สุด!


ซ่างกวนอิ๋งหันมองคุณชายด้วยความรู้สึกสะท้อนใจเหลือแสน โชคอะไรหล่นทับนางกัน ถึงมีโอกาสพานพบการดำรงอยู่เช่นนี้!


“ไปเถิด เราต้องไปที่อื่นต่อ”


หลี่จิ่วเต้าสะบัดมือ พาซ่างกวนอิ๋งไปจากที่นี่ เขากลัวว่าประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์ของจักรพรรดิเซียนเหล่านี้ยังไม่พอ จึงคิดไปเยือนมหาตระกูลอื่นด้วย เพื่อตามหาประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์ให้ซ่างกวนอิ๋งมากกว่านี้


ถึงอย่างไร สั่งสมให้มากก็เป็นเรื่องดี เมื่อมีประสบการณ์ฝึกตนมากเข้า เสมือนได้รับการรับรองจากหลายฝ่าย เมื่อมีคัมภีร์ฝึกตนมากเข้า ก็จะมีโอกาสเฟ้นหาท่ามกลางสิ่งล้ำเลิศ ได้ศึกษาแขนงที่ทรงพลังที่สุด


ตระกูลแล้วตระกูลเล่า หลี่จิ่วเต้าพาซ่างกวนอิ๋งไปเยือนทั้งแปดตระกูลในรวดเดียว ได้รับประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์มหาศาล


ซ่างกวนอิ๋งซาบซึ้งใจมาก ถึงแม้คุณชายจะมิได้ถ่ายทอดวิชาของท่านโดยตรง กระนั้นยังยกประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์ของทั้งเก้ามหาตระกูลให้นาง เท่ากับนางได้เหยียบไหล่จักรพรรดิเซียนทั้งหลายในการฝึกฝนยกระดับ มีจุดเริ่มต้นสูงยิ่ง!


นางไม่รู้เลยว่าบุญคุณระดับนี้จะตอบแทนคุณชายอย่างไรในอนาคต คุณชายดีกับนางเหลือเกิน


เมื่อครั้งมาถึงตระกูลเซียว หลี่จิ่วเต้ากำราบไว้ทั้งสถานที่ หลังได้รับประสบการณ์ฝึกตนและคัมภีร์ของจักรพรรดิเซียนตระกูลเซียวแล้ว เขาก็เอ่ยชื่นชมตระกูลเซียว


“เขามอตระกูลเจ้าไม่เลวเลย งดงามนัก”


ประโยคนี้ เริ่มแรกผู้นำตระกูลเซียวยังไม่เข้าใจ แต่ต่อมาเขาไตร่ตรองจนรู้เรื่อง สะเทือนอารมณ์ขึ้นมาทันที เรียกได้ว่าน้ำตานองหน้า


เขามออันใดกัน!


นี่เป็นการหมายถึงหินโกลาหลก้อนนั้นในตระกูลเขาชัด ๆ!


เขาคิดไม่ผิด หินโกลาหลถูกสลับไปจริง ๆ และบัดนี้ เขาพบผู้ที่สลับไปแล้ว!


แต่เขากลับไม่มีเรี่ยวแรงแก้ไขสิ่งใด


หลี่จิ่วเต้าคืนสภาพทุกอย่างตามเดิม ย้อนห้วงเวลา ราวกับว่าเขาและซ่างกวนอิ๋งไม่เคยมาเยือนแปดมหาตระกูลมาก่อน


สุดท้าย เขาพาซ่างกวนอิ๋งกลับไป


“จำไว้ จากนี้ไป ข้าจะไม่ช่วยเหลือเจ้าอีก ต่อให้เจ้าต้องประสบเคราะห์ร้ายถึงชีวิต ข้าก็จะไม่ออกมาช่วยเจ้าอีกแล้ว หลังจากนี้ เจ้าไปได้ไกลแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับเจ้าเท่านั้น”


ชายหนุ่มบอกกับซ่างกวนอิ๋ง


“ข้าเข้าใจแล้ว! ขอบพระคุณคุณชาย!”


ซ่างกวนอิ๋งน้ำตารื้น โขกศีรษะให้คุณชายเสียงดังหนึ่งครั้ง รู้ว่าคุณชายต้องไปแล้ว


“หวังว่าหลังจากนี้เจ้าจะไม่ก่อกรรมทำเข็ญ หมั่นทำความดีให้มาก อย่าทำตามอำเภอใจเพียงเพราะเจ้าทรงพลังขึ้น! หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะเป็นคนแรกที่ไม่ยอมปล่อยเจ้าไว้!”


หลี่จิ่วเต้ากล่าว และร่างกายก็ค่อย ๆ อันตรธาน หายไปจากที่แห่งนี้


...


ณ เมืองชิงซาน


ภายในลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า


ญาณหินโกลาหลเห็นทุกอย่าง!


‘บูรพาจารย์เต๋า! ท่านผู้นี้ต้องเป็นบูรพาจารย์เต๋าแน่นอน!’


ญาณหินโกลาหลร่ำร้องในใจด้วยความเต็มตื้นเหลือคณา


มันเห็นทุกอย่างจากที่นี่


วาจาเดียวริดรอนพลังของเหล่าจักรพรรดิเซียนและอาวุธจักรพรรดิเซียน นี่ยังไม่เท่าไหร่


ภพเซียนสูงส่งมิมีผู้ใดทัดเทียม จักรพรรดิเซียนเสมือนตัวตนอันไร้เทียมทาน ทว่านั่นก็เป็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้น


ในแดนบรรพโกลาหล สิ่งมีชีวิตที่ทำเช่นนี้ได้มีอยู่ไม่น้อย กำลังรบระดับจักรพรรดิเซียนมิได้โดดเด่นนักในแดนบรรพโกลาหล


แดนบรรพโกลาหล แหล่งกำเนิดของประการทั้งปวง ที่นั่นต่างหาก คือสถานที่ที่อยู่เหนือทุกสิ่ง สิ่งมีชีวิตที่ถือกำเนิดในที่แห่งนั้น มิมีผู้ใดธรรมดาดาษดื่น ไม่ว่าผู้ใด เมื่อออกสู่ภายนอกย่อมสามารถบดขยี้ได้ทุกสิ่ง


หวนนึกถึงอดีต บุตรแห่งสวรรค์ในแดนบรรพโกลาหลแค่เพียงฝึกหัดวิชาปริภูมิเวลาบางอย่างเท่านั้น กลับดูดกลืนสิ่งมีชีวิตทั้งยุคสมัยหนึ่งเข้ามาในแดนบรรพโกลาหล


และสิ่งมีชีวิตในยุคสมัยนั้น เพียงอาศัยอยู่ในพื้นที่รกร้างชายขอบที่สุดของแดนบรรพโกลาหล ยังสัมฤทธิ์วิชาได้เหนือกว่าด้านนอกนั่นมากนัก


เอ่ยอย่างไม่เกินจริง สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นบดขยี้ภพเซียนได้ถึงสิบภพ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ศูนย์กลางของแดนบรรพโกลาหลเลย!


จะว่าไป แดนบรรพโกลาหลเข้าได้ออกไม่ได้ กลับเป็นความโชคดีของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ หากมิใช่เช่นนั้น สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่มีทางได้อยู่ในแดนบรรพโกลาหล คงถูกส่งกลับไปนานแล้ว


ญาณหินโกลาหลสะท้านใจอย่างยิ่งยวดในฝีมือคืนสภาพดังเดิมนั้น ทันทีที่หลี่จิ่วเต้าเอื้อนเอ่ยวาจา ห้วงเวลาพลันไหลย้อน!


สบายผ่อนคลายเยี่ยงนั้น นอกจากบูรพาจารย์เต๋าโกลาหลแล้ว ผู้ใดสามารถทำเช่นนี้ได้ง่าย ๆ อีก


เป็นไปไม่ได้เลย!


บูรพาจารย์เต๋าโกลาหลอยู่เหนือกฎระเบียบทุกอย่าง ควบคุมสิ่งต่าง ๆ ได้ดั่งใจ ตัวตนของท่านก็คือกฎระเบียบ ทุกถ้อยคำล้วนเป็นหลักเต๋า ทลายกฎเกณฑ์ทั้งหมด!


หากหลี่จิ่วเต้ามิใช่บูรพาจารย์เต๋าสิแปลก!


มันโชคดีเหลือเกิน ทั้งที่เป็นเพียงหินสามัญในแดนบรรพโกลาหลเท่านั้น กลับโชคดีได้ติดตามอยู่ข้างกายบรรพจารย์เต๋าระดับนี้ ความเต็มตื้นในใจของมันไม่อาจพรรณนาได้ด้วยวาจา!


“เล่นนานเกินไปแล้ว เหนื่อยนัก”


ภายในลาน หลี่จิ่วเต้าบิดขี้เกียจ วางแท็บเล็ตลงและกลับไปพักผ่อนในห้อง


เขาคิดว่าเร็ว ๆ นี้คงมิได้ไปภพเซียนอะไรนั่นอีก มิสู้ไปเที่ยวในอวกาศ ชื่นชมทิวทัศน์ของจักรวาล!


บุ๋งบุ๋ง~


ภายในบ่อน้ำ เหล่าปลามังกรรวมตัวกันอีกครั้ง


“เจ้าลูกเป็ดขี้เหร่นั่นได้เป็นวิหคเพลิงจริง ๆ หรือนี่!”


“แต่ก็เปล่าประโยชน์ ลูกเป็ดขี้เหร่ก็คือลูกเป็ดขี้เหร่ ไม่ได้ยินที่คุณชายเอ่ยหรือ อนาคตจักริบทุกสิ่งคืน”


“เมื่อตื่นจากฝันก็ไร้ความหมาย ลูกเป็ดขี้เหร่ตัวนี้เหมาะแก่การเพ้อฝันเท่านั้น คิดจะครอบครองทุกสิ่งนี้จริง ๆ นางคู่ควรที่ไหน!”


ปลามังกรทั้งหลายพากันวิพากษ์วิจารณ์ซ่างกวนอิ๋ง ดูแคลนซ่างกวนอิ๋งมาตั้งแต่ต้น


ถึงแม้ซ่างกวนอิ๋งจะเป็นคนจากภพเซียน กระนั้นก็เป็นเพราะนางดวงดีเท่านั้น รู้จักเลือกเกิดเท่านั้น นอกจากข้อนี้ ซ่างกวนอิ๋งไม่มีตรงไหนเทียบพวกมันได้เลย


หากพวกมันถือกำเนิดในภพเซียน ย่อมต้องแข็งแกร่งกว่าซ่างกวนอิ๋งเป็นร้อยเท่า!

ไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว!


มัจฉาสัตมายาและผู้เฒ่าเต่าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ปลามังกรเหล่านี้กำลังเดินไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ บนเส้นทางสู่ความตาย พวกมันต่างรู้ว่าจุดจบของปลามังกรเหล่านี้จะต้องไม่สวยเท่าไหร่นัก


ในเมื่อนี่คือสิ่งที่คุณชายไม่ชอบมากที่สุด!


...


ณ จักรวาลหมื่นดาราอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต


มีร่างงดงามกำลังเดินท่างอย่างแช่มช้า นางมีใบหน้าไม่เป็นสองรองใคร รูปโฉมชวนตื่นตะลึง เปล่งประกายเสียยิ่งกว่าดวงดาวในจักรวาลหมื่นดารา


“ในที่สุด...ก็มาถึงเสียที!”


เมื่อมองไปที่ดวงดาราขนาดใหญ่ในระยะไกล รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันเย็นชาห่างเหินของนาง


ในที่สุด นางก็ได้กลับมา กลับมายังอาณาจักรที่เกิดและเติบโต สถานที่อันเปี่ยมด้วยความทรงจำไม่มีที่สิ้นสุด นับเป็นเพียงหนึ่งในสิ่งอันน้อยนิดที่ทำให้นางมีความสุขได้


เพียงย่างเท้าหนึ่งก้าว นางก็มาถึงบริเวณใกล้ดวงดาวแห่งนี้ เตรียมพร้อมจะเข้าไป


มีม่านแสงขนาดใหญ่โอบล้อมทั้งดวงดาวเอาไว้ ตัดขาดออกจากทุกสิ่ง ด้านบนมีกฎเกณฑ์หลากหลายกระโดดโลดเต้น แต่ละกฎเกณฑ์ไหลเวียนไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าไปได้โดยง่าย


“ตอนนี้อาณาจักรอ่อนแอถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”


นางถอนหายใจด้วยความหดหู่อย่างยิ่ง ดูจากกฎเกณฑ์ที่ไหลเวียนเหล่านี้แล้ว นางก็เข้าใจได้ทันทีว่าอาณาจักรแห่งนี้อ่อนแอลง อ่อนแอลงเป็นอย่างมาก เทียบกับยุคสมัยที่นางอยู่ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย


“นี่หรือว่า...จะเผชิญกับภัยคุกคามอะไรบางอย่าง?”


นางขมวดคิ้วเล็กน้อย สังเกตเห็นถึงอะไรบางอย่าง


ม่านแสงที่ป้องกันอาณาจักรชนิดนี้ไม่มีทางปรากฏขึ้นโดยบังเอิญเด็ดขาด นอกเสียจากเจตจำนงฟ้าดินจะสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามอันใหญ่หลวง สามารถคุกคามได้ทั้งอาณาจักร ม่านแสงป้องกันแบบนี้จึงจะปรากฏขึ้นเพื่อปกป้องตนเอง


นางโกรธขึ้นมาเล็กน้อย พลังเซียนแผ่ขยายออกไปในพริบตาเดียว หลังจากนั้นนางก็สังเกตถึงบางสิ่ง นางเบนสายตาออกไปมองอีกทิศทาง แสงเซียนทอประกายในดวงตา เมื่อเห็นว่าสิ่งนั้นมีอยู่จำนวนมากมาย แววตาของนางก็พลันเฉียบคมขึ้นมาทันที


ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม อาณาจักรแห่งนี้ก็เป็นบ้านเกิดของนาง นางย่อมไม่อาจนิ่งดูดายต่อภัยที่ย่างกรายได้


ร่างของนางอันตรธานหายไป เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็อยู่ตรงจุดที่นางมองมาแล้ว


ที่ตรงนี้มีเรือโบราณขนาดใหญ่ล่องอยู่ลำแล้วลำเล่า แต่ละลำล้วนปล่อยระลอกความผันผวนพิเศษออกมา ป้องกันแรงกดดันจากจักรวาลหมื่นดารา


พวกมันต่างหันหน้าไปทางดวงดาว สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนบนเรือกำลังกำศาสตราประจำกายเอาไว้แน่น ต่างเปี่ยมด้วยจิตสังหาร ราวกับกำลังมีสงครามครั้งใหญ่ในอีกไม่ช้า


ร่างงดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ปรากฏขึ้นเผชิญหน้ากับเหล่าเรือโบราณขนาดใหญ่ สายตานับไม่ถ้วนล้วนจับจ้องมาที่นางทันใด


สิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนเรือต่างจับจ้องมาที่นาง!


“เจ้าเป็นใคร!”


บนเรือลำที่อยู่ด้านหน้าสุด มีสิ่งมีชีวิตตนหนึ่งตะโกนออกมาเสียงดัง


ร่างงดงามไม่ได้เอ่ยตอบคำถาม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเย็นชาเปล่งประกายเย็นยะเยือก แววตาที่นางมองไปยังสิ่งมีชีวิตตนนั้นคมประหนึ่งมีด ทำให้สิ่งมีชีวิตตนนั้นถอยหลังกลับไปด้วยความตื่นตกใจ


นางไม่ใช่ใครอื่น นอกจากจักรพรรดินีผู้เดินทางข้ามจักรวาลหมื่นดาราจนท้ายที่สุดก็มาถึงอาณาจักรแห่งนี้


ในตอนนี้นางไม่ได้อยู่ในสภาวะอ่อนแออีกต่อไปแล้ว นางฟื้นฟูพลังกลับสู่จุดสูงสุดในทุกด้านเป็นที่เรียบร้อย!


สิ่งมีชีวิตที่ตื่นตกใจจนเผลอถอยหลังไปรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านขึ้นมาเล็กน้อย เขาเดินกลับขึ้นไปด้านหน้าอีกครั้งแล้วตะโกนออกมา “ไม่กล่าวฐานะตัวตนออกมา เช่นนั้นแล้วอย่าหาว่าพวกเราไม่สุภาพ!”


เหล่าสิ่งมีชีวิตบนเรือยกศาสตราประจำกายชี้ไปทางจักรพรรดินี เตรียมตัวพร้อมสำหรับการต่อสู้ หากจักรพรรดินีไม่สามารถให้คำตอบที่พวกเขาพึงพอใจได้ พวกเขาก็พร้อมจะเปิดฉากโจมตีจักรพรรดินี


สีหน้าของจักรพรรดินีไม่แยแส ชายผ้าปลิวไสวตามแรงลม นางมองตรงไปยังเหล่าสิ่งมีชีวิตบนเรือ สายตาประหนึ่งใบมีดคมกริบ ทำให้สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นหนาวสะท้านขึ้นมาอย่างอดไม่ได้


นางยังคงไม่ตอบอะไร หากแต่ภายในใจยังคงครุ่นคิด


สิ่งมีชีวิตบนเรือเหล่านี้หรือที่เป็นภัยคุกคามต่อบ้านเกิดของนาง?


ตอนนี้บ้านเกิดอ่อนแอถึงเพียงนี้เชียว?


หากสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนเรือเหล่านี้อยู่ในยุคของนาง พวกมันจะนับเป็นสิ่งใดได้? อย่างมากก็เป็นได้เพียงไก่ไม่ก็สุนัข ไม่มีค่าอันใด เพียงแค่อัจฉริยะผู้เดียวก็สามารถกวาดล้างได้หมดสิ้น!


“ฆ่า!”


สิ่งมีชีวิตบนเรือตนนั้นออกคำสั่ง ตามมาด้วยกองกำลังทั้งหมดที่ทะยานออกจากเรือพร้อมอาวุธและแสงเจิดจ้า ต่างพุ่งเข้ามาด้วยต้องการสังหารจักรพรรดินี!


ขอบเขตความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นไม่ธรรมดา ต่างล้วนอยู่เหนือขอบเขตจักรพรรดิทั้งหมด อาวุธเองก็ไม่ต่ำกว่าอาวุธจักรพรรดิ พลังระดับจักรพรรดิโหมซัด สั่นสะเทือนได้กระทั่งท้องฟ้า ดาวบางดวงถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย


แต่ทว่าต่อหน้าจักรพรรดินีแล้ว ทุกอย่างล้วนไร้ค่า


มีแสงพุ่งออกมาจากดวงตาของจักรพรรดินี ราวกับกลายเป็นลำแสงสองเส้นกวาดล้างเป็นทาง สิ่งมีชีวิตระดับจักรพรรดิต่างถูกระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ


เลือดและเนื้อสาดกระเซ็น เศษกระดูกปลิวว่อน สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ต่างกลายเป็นชิ้น ๆ ล่องลอยไปในจักรวาลหมื่นดารา!


สิ่งมีชีวิตบนเรื่องต่างตื่นตะลึง จักรพรรดินีผู้นี้เหนือชั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไป!


“สหายใจเย็นลงก่อนเถิด ทั้งหมดล้วนเป็นแค่ความเข้าใจผิด!”


จ้าวอาณาจักรเทียนหยวนปรากฏตัวขึ้นบนเรือโบราณขนาดใหญ่ลำหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าบุ่มบ่ามกันเกินไป จึงได้ล่วงเกินสหาย ต้องขออภัยด้วยจริง ๆ ข้ามาที่นี่ก็เพื่อกล่าวขอโทษแทนพวกเขา ขอให้สหายโปรดใจเย็นลงด้วยเถิด”


ตั้งแต่จักรพรรดินีปรากฏตัวจนถึงตอนนี้ เขาก็เฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา ก่อนหน้าที่สิ่งมีชีวิตตนอื่นจู่โจม จักรพรรดินีก็ผ่านการยินยอมจากเขาแล้ว


หากไม่ได้รับคำยินยอมจากเขา สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนก็คงไม่กล้าเคลื่อนไหว


ตอนนี้เขาได้เห็นแล้วว่าจักรพรรดินีนั้นไม่ธรรมดา ความแข็งแกร่งน่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง รับมือด้วยได้ยาก เขาจึงต้องออกมาเนื่องจากไม่ต้องการปะทะกับจักรพรรดินีรุนแรงเกินไป


อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นในตอนนี้


นายท่านแห่งแดนมรณากำลังอยู่ระหว่างการเดินทาง ใช้เวลาอีกเพียงไม่นานก็จะมาถึงที่นี่ ก่อนหน้านั้นเขาจะต้องหยุดจักรพรรดินีเอาไว้ หลังจากนายท่านของแดนมรณามาถึง เขาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอะไรในตัวจักรพรรดินี


เขารู้แจ้งดีว่านายท่านของแดนมรณานั้นแข็งแกร่งเพียงใด การกวาดล้างอาณาจักรนับหมื่นไม่อาจถือว่าเป็นปัญหาเลยแม้แต่น้อย กระทั่งเก้าอาณาจักรตอนบนก็ห่างไกลจนไม่อาจเทียบ


“ดูจากท่าทางของสหายแล้ว เกรงว่าสหายคงต้องการจะเข้าสู่อาณาจักรนี้”


จ้าวอาณาจักรยิ้ม “ตอนนี้อาณาจักรแห่งนี้ได้ถูกปิดกั้นเอาไว้ด้วยม่านแสง ไม่อาจเข้าไปได้โดยง่าย ทว่าไม่ต้องกังวลไป พวกเราสามารถพาสหายเข้าไปยังอาณาจักรแห่งนี้ด้วยได้!”


“อ้อ เช่นนั้นหรือ?”


จักรพรรดินีเอ่ยปากพูดเป็นครั้งแรก นางคาดเดาเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ และสิ่งที่จ้าวอาณาจักรเอ่ยก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการคาดเดาของนางเป็นจริง


เพราะหากนับเพียงแค่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้แล้ว ก็เป็นการยากที่จะทำลายพลังป้องกันลงได้ ทว่าจ้าวอาณาจักรกลับเอ่ยอย่างมั่นใจ แสดงให้เห็นชัดเจนอย่างไม่มีข้อสงสัยว่าเบื้องหลังจะต้องมีที่พึ่งพิงอยู่


“เท่าที่ข้าดู จากความแข็งแกร่งของพวกเจ้าแล้ว เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากยิ่งในการทำลายพลังป้องกันอาณาจักรแห่งนี้...”


นางกล่าวต่อ นางต้องการจะทราบว่ามีสิ่งใดหนุนหลังจ้าวอาณาจักรอยู่


ภายในใจจ้าวอาณาจักรตื่นตะลึง จักรพรรดินีผู้นี้สามารถมองความแข็งแกร่งของพวกเขาออกใช่หรือไม่? ไม่เช่นนั้นนางคงไม่เอ่ยออกมาเช่นนี้?


ดูเหมือนว่าจักรพรรดินีจะไม่อาจรับมือได้ง่าย ๆ ตามที่คิดเอาไว้จริง!


“สหายช่างเก่งกาจ สามารถล่วงรู้พลังของพวกเราได้ อันที่จริงแล้วพวกเราไม่สามารถทำลายพลังป้องกันของอาณาจักรแห่งนี้ได้”


จ้าวอาณาจักรไม่ได้ลนลาน เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “ทว่าเบื้องหลังของพวกเรายังมีแดนมรณา อีกทั้งนายท่านจากแดนมรณาก็กำลังอยู่ระหว่างการเดินทางมา อีกเพียงไม่นานก็จะมาถึง หลังจากนั้นแล้วพลังป้องกันของอาณาจักรแห่งนี้ก็จะไม่อาจนับเป็นสิ่งใด นายท่านจากแดนมรณาจะสามารถทำลายมันลงได้อย่างง่ายดาย!”


เขาตั้งใจบอกสิ่งเหล่านี้เพื่อข่มขู่จักรพรรดินี บอกว่าเบื้องหลังของพวกเขามีผู้แข็งแกร่งหนุนอยู่


“แดนมรณา?”


จักรพรรดินีขมวดคิ้วเล็กน้อย นางไม่เคยได้ยินชื่อแดนมรณามาก่อน ทว่าฟังจากคำพูดของจ้าวอาณาจักรแล้ว ดูเหมือนว่าแดนมรณาจะไม่ธรรมดาและทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง


บางทีแดนมรณาอาจเป็นสาเหตุที่แท้จริงของวิกฤตกาลในอาณาจักรแห่งนี้


“สหายอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ทว่าข้าสามารถบอกสหายได้อย่างเต็มปากว่าแดนมรณานั้นอยู่เหนือหมื่นอาณาจักรทั้งหมด กระทั่งอาณาจักรเก้าตอนบนเองก็ไม่ต่างอะไรไปจากอาณาจักรเล็ก ๆ เบื้องหน้าแดนมรณา เพียงแค่นายท่านผู้หนึ่งจากแดนมรณาก็สามารถกวาดล้างอาณาจักรเก้าตอนบนได้อย่างง่ายดาย”


จ้าวอาณาจักรกล่าวด้วยรอยยิ้ม


แดนมรณานั้นลึกลับมาโดยตลอด เป็นที่รู้จักของคนเพียงน้อยนิด จักรพรรดินีจะไม่เคยได้ยินก็ไม่แปลก เขาจึงจงใจใช้อาณาจักรเก้าตอนบนมาเป็นตัวอย่างเปรียบเทียบเพื่อบอกกับจักรพรรดินีว่าแดนมรณาทรงพลังมากเพียงใด


“แข็งแกร่งถึงขนาดนั้นเชียว”


จักรพรรดินีตกตะลึงอยู่บ้าง นางรู้เกี่ยวกับอาณาจักรเก้าตอนบน นางคาดไม่ถึงเลยว่าแดนมรณาจะทรงพลังถึงขั้นส่งมาเพียงคนเดียวก็สามารถกวาดล้างอาณาจักรเก้าตอนบนได้


จ้าวอาณาจักรเห็นท่าทางของจักรพรรดินีแล้วก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจความแข็งแกร่งของแดนมรณาเป็นที่เรียบร้อย


เขาจึงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “อย่างที่มีคำกล่าวเอาไว้ หากไม่ต่อยตีก็ไม่รู้จักกัน พวกเราก็ต่างมีความสัมพันธ์กันเช่นนี้แล้ว ไม่รู้ว่าสหายสนใจจะเข้าร่วมกับพวกเราหรือไม่?”


“เข้าร่วมกับพวกเจ้าจำเป็นต้องทำสิ่งใดบ้าง?” จักรพรรดินีถาม


“ไม่มีอะไรพิเศษ เพียงแค่เข้าไปกับพวกเราแล้วสังหารสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองทั้งหมดทิ้งเสีย”


จ้าวอาณาจักรกล่าว “สิ่งมีชีวิตพื้นเมืองเหล่านี้ล้วนต่ำต้อย สมควรตายไปนานแล้ว มีชีวิตอยู่ไปก็เปลืองทรัพยากรเสียเปล่า”


เขาคิดว่าจักรพรรดินีเป็นสิ่งมีชีวิตจากต่างอาณาจักร จึงพูดออกมาโดยไม่ยั้งคิด เอ่ยปากกล่าวว่าสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองด้วยวาจาไม่น่าฟัง


“มาเถอะ เข้าร่วมกับพวกเรา พวกเราย่อมยินดีต้อนรับสหายด้วยความอบอุ่น!”


เขาแย้มยิ้มกว้าง ขณะเอ่ยชวนจักรพรรดินีอีกครั้ง

581-585

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิยายระบบ ก่อนที่จะรับฟังช่วยกดไลค์และกด subscribe เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
นิยายเสียง อยู่ดีดีข้าก็เป็นเซียน
บทที่ 581ถึง585


สายลมเย็นสบายพัดผ่าน ใบหน้าเด็กสาวเปรอะเปื้อนด้วยโลหิต นางจ้องคนเหล่านั้นเขม็ง แม้จะไม่เหลือเรี่ยวแรงแก้แค้น ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งใดอีก นางก็อยากรู้ว่าคนเหล่านี้เป็นใคร


“ตระกูลเฟ่ย”


ชายวัยกลางคนผู้มีหอกยาวในมือตอบ กระตุกหอกยาวเล็กน้อย “เจ้าเดินทางไปภพหน้าได้แล้ว”


เด็กสาวซ่างกวนอิ๋งสั่นสะท้านไปทั้งร่าง คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นตระกูลเฟ่ย!


ตระกูลเฟ่ย หนึ่งในเก้ามหาตระกูลแห่งภพเซียน ตั้งตนตระหง่านอยู่บนระดับสูงสุดแห่งภพเซียน เสมือนสิ่งโอฬารในแดนดิน ไยจึงหมายหัวตระกูลซ่างกวนของนาง?


ตระกูลซ่างกวนไม่ติดอันดับในภพเซียนด้วยซ้ำ เทียบกับตระกูลใหญ่อย่างตระกูลเฟ่ยแล้ว ตระกูลซ่างกวนของนางต้อยต่ำราวมดปลวก…


นี่คือกองกำลังอำนาจที่ตระกูลซ่างกวนของนางไม่อาจแม้แต่จะแตะต้องด้วยซ้ำ!


หรือเป็นดั่งที่คนเหล่านี้ว่าจริง ทั้งหมดเกิดเพราะตระกูลซ่างกวนของนางอ่อนแอเกินไป?


ทว่าเหตุใดถึงเป็นตระกูลเฟ่ย


ภพเซียนอลหม่าน ศึกชิงทรัพยากรดุเดือด แต่ละฝ่ายล้วนโหดเหี้ยมอำมหิต กระนั้นยังมีข้อยกเว้น


ตระกูลเฟ่ยคือข้อยกเว้นนั้น


ตระกูลเฟ่ยมักเกื้อกูลกองกำลังอื่น ส่งทรัพยากรเข้าสนับสนุน มีชื่อเสียงดีงามในภพเซียน ภพเซียนมีวาจากล่าวขานกันมาว่า หากมีกิจอันใด จงไปหาตระกูลเฟ่ย ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ พวกเขาจักคอยช่วยเหลือเสมอ


ตระกูลเปี่ยมคุณธรรมเยี่ยงนี้ ไฉนถึงกลายเป็นเพชฌฆาต ก่อการเข่นฆ่าขึ้นเสียเอง ฆ่าล้างทุกคนในตระกูลซ่างกวนของนาง ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้เฒ่าผู้น้อย!?


“ก่อนนั้นเป็นการเสแสร้งของพวกเจ้า บัดนี้ต่างหากคือโฉมหน้าที่แท้จริงของพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ!?”


ซ่างกวนอิ๋งมองจ้องกลุ่มคนตรงหน้า ทั้งหมดในตระกูลเชียวนะ สมาชิกตระกูลซ่างกวนของนางหนีไม่รอดแม้แต่คนเดียว ถูกกลุ่มคนตรงหน้านี้สังหารจนสิ้น โลหิตย้อมดินแดนตระกูลซ่างกวนจนแดงฉาน


“มิใช่การเสแสร้ง พวกเราเองก็หมดหนทาง ในอนาคต ภพเซียนจักเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พวกเราไม่ลงมือ มหาตระกูลอื่นก็ต้องลงมืออยู่ดี”


สายตาชายวัยกลางคนทอประกายสงสารแวบหนึ่ง ทว่าไม่นานก็อันตรธาน “อย่าถือโทษพวกเราเลย พวกเราเพียงต้องการอยู่รอดต่อไปเท่านั้น!”


ซ่างกวนอิ๋งหัวใจเย็นวาบแล้วเย็นวาบอีก


ภพเซียนกำลังจะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินแล้วจริง ๆ หรือ แม้กระทั่งตระกูลเฟ่ยผู้เลื่องชื่อว่าเปี่ยมคุณธรรมยังกลายเป็นเช่นนี้ น่ากลัวว่าภพเซียนใกล้จะเป็นกลียุคแล้วจริง ๆ


เพราะเหตุใด?


เกิดอะไรกับภพเซียนกันแน่!?


อนิจจา ตระกูลของนางอ่อนแอเกินไป ไม่อาจรับรู้ถึงสิ่งใด ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเกิดอะไรกับภพเซียน


กระทั่งก่อนหน้านี้ไม่แม้แต่จะตะหงิดด้วยซ้ำ


“เจ้าได้รู้เรื่องที่อยากรู้แล้ว ไปสู่ที่ชอบเสียเถิด!”


ชายวัยกลางคนผู้ขี่อยู่บนเสือยักษ์เนตรอินทนิลยกหอกยาวในมือขึ้นช้า ๆ ปลายหอกยังมีหยดเลือดไหลริน หอกยาวเล่มนี้สังหารสมาชิกตระกูลซ่างกวนไปไม่รู้เท่าไร


ชายวัยกลางคนที่เหลือข้าง ๆ ล้วนเป็นเช่นนั้น อาวุธเซียนในมือถูกย้อมเป็นสีแดง หยดเลือดหลั่งริน แม้ว่าตระกูลซ่างกวนนั้นด้อยพลัง กระนั้นในตระกูลก็มีถึงหลายพันคน และทั้งหมดนั้นจบชีวิตด้วยมือพวกเขา รวมถึงเด็กทารกแบเบาะยังไม่เว้น ถูกสังหารด้วยอาวุธเซียนของพวกเขาทั้งสิ้น


“เฮ้อ…”


เวลานั้น หลี่จิ่วเต้าเดินเข้ามา ถอนหายใจเสียงแผ่ว ผ่านมาพบเรื่องเช่นนี้ เขาไม่มีทางไม่เข้าไปยุ่ง เพียงแต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงคือ สถานที่วิเศษดั่งวิมานเยี่ยงนี้ ก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้เช่นกัน


เขาฟังจนจับใจความได้แล้วว่า ตระกูลของซ่างกวนอิ๋งถูกชายวัยกลางคนเหล่านี้ฆ่าล้างจนสิ้น เหลือเพียงซ่างกวนอิ๋งที่หนีออกมาได้ ชายวัยกลางคนเหล่านี้จึงไล่ตามมาจนถึงที่นี่


อย่างที่คิด เรื่องราวในใต้หล้าไม่ควรมองเพียงเปลือกนอก


สถานที่วิเศษดั่งวิมานเช่นนี้ ควรไม่มีการแก่งแย่งชิงดี ทุกคนควรอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขถึงจะถูก ทว่าความจริงกลับโหดร้ายโชกเลือด ที่นี่มิได้ไม่มีการแก่งแย่งชิงดี ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข อย่างน้อยในตอนนี้ เขาก็ได้พบเจอเหตุการณ์น่าโมโหเข้า


ทั้งตระกูลเชียวนะ ฆ่าล้างจนสิ้นกันง่ายดายเช่นนี้เลยหรือ ชายวัยกลางคนเหล่านี้อำมหิตเกินไปแล้ว ไม่เห็นชีวิตผู้อื่นอยู่ในสายตาสักนิด


พวกเขาเป็นใครกันแน่!?


เหล่าชายวัยกลางคนได้ยินเสียงถอนหายใจของหลี่จิ่วเต้า ถึงรู้สึกว่าหลี่จิ่วเต้ามาปรากฏตัวที่นี่ พวกเขาทอดสายตาไปที่ชายหนุ่มอย่างพร้อมเพรียง นัยน์ตาหรี่ลงทั้งหมด


หลี่จิ่วเต้าปรากฏตัวที่นี่โดยมิให้สุ้มเสียง ก่อนนี้พวกเขากลับไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด เป็นผลให้พวกเขาตกตะลึงกันถ้วนหน้า


“เจ้าเป็นใคร”


ชายวัยกลางคนผู้มีหอกยาวในมือถาม สีหน้าเคร่งเครียด ผู้มาต้องเป็นยอดฝีมือแน่นอน มิฉะนั้น ไม่มีทางที่พวกเขาไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด


ชายวัยกลางคนที่เหลือต่างระวังตัวต่อหลี่จิ่วเต้าอย่างมาก ยกอาวุธเซียนในมือขึ้นมา


“คนไร้นาม”


หลี่จิ่วเต้าตอบเสียงเรียบ ไม่ยอมทิ้งชื่อเสียงเรียงนาม


เพราะไม่มีความจำเป็น


ทุกอย่างในโลกนี้ล้วนเป็นแบบจำลอง แม้จะเสมือนจริงเหลือแสน ราวกับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดมีชีวิตอยู่จริง ๆ มีความคิดและจิตสำนึกของตัวเอง แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงของจำลองเท่านั้น


ฟึ่บ!


ชายวัยกลางคนชี้หอกยาวในมือมาที่หลี่จิ่วเต้า ตวาดลั่น “ตระกูลเฟ่ยกำลังปฏิบัติหน้าที่ ผู้ไม่เกี่ยวข้องจงถอยห่างออกไปบัดเดี๋ยวนี้!”


ขณะเดียวกัน ชายวัยกลางคนที่เหลือก็ยกอาวุธเซียนขึ้น เล็งตรงไปที่หลี่จิ่วเต้า


แม้ว่าหลี่จิ่วเต้าดูลึกล้ำเกินหยั่งอยู่นิดหน่อย แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็มาจากตระกูลเฟ่ย หนึ่งในเก้ามหาตระกูลแห่งภพเซียน พวกเขาไม่มีทางกลัว และไม่มีทางขวัญเสียหนีอุตลุด พวกเขาเป็นตัวแทนศักดิ์ศรีของตระกูลเฟ่ย!


ซ่างกวนอิ๋งซึ่งนอนหมดสภาพอยู่กับพื้นหันมองหลี่จิ่วเต้าด้วยสายตาทอประกายความหวัง


เด็กหนุ่มผู้ดูมีอายุไม่ต่างจากนางมากนักจะช่วยนางได้จริงหรือ?


แต่ไม่นานนางก็ฝืนตัดความหวังตนเอง


ถึงแม้นางคาดหวังให้หลี่จิ่วเต้าช่วยนางไว้อย่างยิ่งยวด กระนั้นนางไม่ต้องการพาเขาลำบากไปด้วย


ตระกูลเฟ่ยเป็นถึงหนึ่งในเก้ามหาตระกูลแห่งภพเซียน เป็นตระกูลโอฬารอย่างไม่ต้องสงสัย หากไปยุ่งกับพวกเขาเข้า ยากจะมีที่พักพิงในภพเซียนอีก ต้องถูกตระกูลเฟ่ยตามคิดบัญชี


“เจ้า…ไปเสียเถิด ขอบคุณความหวังดีของเจ้า แต่พวกเขามาจากตระกูลเฟ่ย เจ้าไม่ควรเข้ามายุ่งในบ่วงกรรมนี้!”


นางบอกกับหลี่จิ่วเต้า ไม่ต้องการให้เขาติดร่างแหไปด้วยจากใจจริง คนดีควรต้องได้ดี ไม่ควรประสบเคราะห์ร้าย หรือแม้กระทั่งถึงแก่ชีวิตเพราะทำความดี


หลี่จิ่วเต้าคิดไม่ถึงนิดหน่อย เด็กสาวตรงหน้าผู้นี้ดูเป็นคนจิตใจดีเหลือเกิน ที่เกลี้ยกล่อมให้เขาไปคงเพราะหวังดีต่อเขา


อนิจจา เด็กสาวจิตใจดีเยี่ยงนี้กลับต้องพานพบเรื่องราวโหดร้ายที่สุดในใต้หล้า คนทั้งตระกูลถูกฆ่าล้างจนสิ้น


แม้เขาเข้าใจดีว่าทั้งหมดนี้ไม่มีอยู่จริง ทว่าก็เป็นเพียงความเข้าใจของตัวเขาเองเท่านั้น สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกนี้ล้วนไม่เข้าใจ ต่างเข้าใจว่าพวกตัวเองคือสิ่งที่มีชีวิตอยู่จริง ๆ และต่างคิดว่าโลกที่ตัวเองอาศัยอยู่มีอยู่จริง


“ไม่เป็นไร พวกเขาแผ้วพานข้าไม่ได้”


หลี่จิ่วเต้าบอกกับซ่างกวนอิ๋ง “ตระกูลเฟ่ยเบื้องหลังพวกเขาก็แผ้วพานข้าไม่ได้”


ไฉนเลยจะแผ้วพานเขาได้เล่า?


เขามีอำนาจควบคุมทุกสิ่งในโลกนี้


หลังเหล่าชายวัยกลางคนได้ยินวาจาของหลี่จิ่วเต้า ก็เลิกคิ้วขึ้นกันทั้งหมด


คนโอหังจากไหนกัน


“เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเองพูดอะไรอยู่”


เสียงของชายวัยกลางคนเย็นยะเยือกลง “บารมีของตระกูลเฟ่ยไม่ยอมให้ผู้ใดท้าทาย ครั้งนี้ข้าจักถือว่าเจ้าพูดโดยไม่ไตร่ตรองให้ดี จงขอขมาตระกูลเฟ่ย แล้วไปจากที่นี่เสีย แล้วข้าจักไม่ถือสาหาความ! มิฉะนั้น เจ้าต้องเผชิญกับเปลวเพลิงแห่งโทสะจากตระกูลเฟ่ย!”


“นี่คือโอกาสสุดท้ายของเจ้า! อย่าได้ทำร้ายตัวเอง ล้อเล่นกับชีวิตตัวเองเด็ดขาด!”


“ไม่ว่าเจ้าจะมีฝีมือเพียงใด หรือมีภูมิหลังประวัติความเป็นมาอย่างไร เจ้าก็ไม่อาจต่อกรกับตระกูลเฟ่ยได้ อย่าได้หวังให้โชคช่วย!”


ชายวัยกลางคนอื่น ๆ พากันตวาดเสียงเย็น


ลงท้าย พวกเขาก็มองหลี่จิ่วเต้าไม่ออก หากมิใช่เช่นนั้น พวกเขาไฉนเลยจะเปลืองน้ำลายกับอีกฝ่ายอยู่เช่นนี้ คงได้ยกอาวุธเซียนปลิดชีพเขาไปแล้ว


“เฮ้อ”


หลี่จิ่วเต้าถอนหายใจ “เหตุใดถึงต้องรบราฆ่าฟันกันอยู่เรื่อย อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขไม่ดีหรือ แดนวิมารเช่นนี้ น่าเสียดายจริง ๆ”


เขาไม่คิดไปไหน


ชายวัยกลางคนฟังสิ่งที่หลี่จิ่วเต้ากล่าวแล้ว มุมปากก็อดกระตุกไม่ได้


คน ‘ไร้เดียงสา’ ผู้นี้มาจากที่ใดกัน?


จึงสามารถพูดคำโง่ง่มอย่าง ‘อยู่ร่วมกันด้วยความสันติสุข’ ออกมาได้


คิดอะไรอยู่กัน ตั้งแต่ภพเซียนสถาปนาขึ้นมา การต่อสู้แย่งชิงก็ไม่เคยหยุดหย่อน ทรัพยากรในภพเซียนขาดแคลนมากเกินไป ทุกกองกำลังต้องพยายายามเป็นอย่างมากจึงจะได้รับ ไม่มีแม้แต่วันเดียวที่ผ่านไปอย่างสงบสุข


หรือว่าจะเป็นผู้มาจากภายนอก?


คิดเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็มองไปที่หลี่จิ่วเต้าด้วยแววตาแปลกประหลาด บางทีหลี่จิ่วเต้าอาจมาจากภายนอกภพเซียน


มิเช่นนั้นหลี่จิ่วเต้าจะเอ่ยวาจาไร้เดียงสาถึงเพียงนี้ได้อย่างไร


ทว่าพวกเขาก็ต้องล้มเลิกความคิดนั้นอย่างรวดเร็ว


ด้านนอกภพเซียนมีพลังอันน่าหวาดกลัวปกคลุมอยู่ หากคนนอกต้องการจะเข้ามายังภพเซียน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เกิดการเคลื่อนไหวแม้สักนิด จะต้องถูกทุกกองกำลังล่วงรู้ตั้งแต่แรกอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนั้นจึงสามารถดึงดูดผู้แข็งแกร่งจากทุกกองกำลังให้เข้ามา


ทว่ากลับไม่มีกองกำลังใดเคลื่อนไหว ความเป็นไปได้ที่หลี่จิ่วเต้าจะมาจากภายนอกก็สามารถตัดออกไปโดยสิ้นเชิง หลี่จิ่วเต้าอาจเป็นเพียงผู้ที่ไม่เคยสัมผัสโลกมาก่อน ไม่เคยท่องไปในภพเซียนจึงไม่รู้สถานการณ์ในภพเซียนเท่าไหร่นัก


“ในเมื่อเจ้าไม่แยกแยะดีร้าย เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว!”


“ฆ่า!”


พวกเขาพุ่งเข้ามาหมายสังหารด้วยแววตาเย็นเยือก พวกเขาไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้ ไม่เช่นนั้นแล้วคงหลายเป็นที่ขบขันว่าตระกูลเฟ่ยทำตัวไม่สมชื่อกับมหาตระกูลแห่งภพเซียน


หลี่จิ่วเต้าก้าวไปด้านหน้า พลังที่มองไม่เห็นกระเพื่อมออก กระแทกพวกชายวัยกลางคนปลิวกระเด็นไปอีกด้านทันที ต่างพากันกระอักเลือด นิ่งไปบนพื้นโดยไม่อาจกระทั่งลุกขึ้นยืนได้


อะ...อะไรกัน!


ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาจะแข็งแกร่งน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้?


ก่อนที่พวกเขาจะลงมือก็คาดเอาไว้อยู่แล้วว่าหลี่จิ่วเต้าอาจจะรับมือได้ไม่ง่ายนัก แต่พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าจะรับมือได้ยากถึงเพียงนี้!


เพียงแค่ก้าวเดียว พวกเขาทั้งหมดก็ถูกกระแทกกระเด็น ห่างชั้นเกินกว่าที่พวกเขาจะสามารถต่อกรได้


ดวงตาคู่งามกลมโตของซ่างกวนอิ๋งเองก็เบิกกว้าง ในแววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ


แข็งแกร่งเกินไปแล้ว นางไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าหลี่จิ่วเต้าลงมืออย่างไร จู่ ๆ พวกชายวัยกลางคนก็ปลิวกระเด็นกันไปหมด นางไม่อาจรับรู้ได้ถึงความผันผวนของพลังบนร่างหลี่จิ่วเต้าเสียด้วยซ้ำ


นี่คือขอบเขตใดกัน!


“บารมีของตระกูลเฟ่ยไม่อาจยั่วยุได้โดยง่าย เจ้าบังอาญลงมือโจมตีพวกเรา คราวนี้ถึงที่ตายของเจ้าแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเหลือเจ้าได้!”


ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งตวาดออกมาอย่างเย็นชา แม้เขาจะไม่สามารถกระทั่งยืนขึ้นจากพื้น มุมปากมีโลหิตไหลออกมายามพูด ก็ยังคงไร้ซึ้งความหวาดกลัวและความกังวล


เบื้องหลังของพวกเขามีผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยเฝ้ามองดูเพื่อความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่หลี่จิ่วเต้าทำกับพวกเขาตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยเองก็น่าจะเห็นมันทั้งหมด


“...”


หลี่จิ่วเต้าพูดไม่ออก แต้ทายที่สุดก็เปิดปากขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้าต้องการจะสังหารข้า แต่กลับไม่ยอมให้ข้าลงมือ? หรือคิดจะให้ข้ายืนอยู่เฉย ๆ รอให้พวกเจ้าเข้ามาสังหารข้า?”


ตรรกะอะไรกันเนี่ย!


“ใช่แล้ว!”


อย่างไรก็ตามในตอนนั้นเอง พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาเสมือนฟ้าร้อง ความว่างเปล่าเกิดการบิดเบี้ยว อากาศเย็นยะเยิอกแผ่ตัวเข้าปกคลุมทั้งบริเวณ ราวกับหิมะและน้ำแข็งได้กระจายตัวปกคลุมทั่วพื้นอย่างกะทันหัน!


“เมื่อเผชิญหน้ากับสมาชิกของตระกูลเฟ่ย เจ้าควรจะยืนอยู่เฉย ๆ เฝ้ารอความตาย!”


เสียงนั้นดังขึ้นมาอีกครั้งพร้อมพลังกดดันอันมหาศาล คนยังมาไม่ถึง มาถึงเพียงแค่พลังก็สามารถเปลี่ยนแปลงฟ้าดิน น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง!


นี่จะต้องเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่ง กล่าวได้ว่าแข็งแกร่งอย่างแท้จริงในภพเซียน พลังกดดันที่มีนั้นมากเกินไป เพียงแค่เสียงก็สามารถทำให้คนตัวสั่นกลัวได้ วิญญาณแทบแตกซ่าน!


เหล่าชายวัยกลางคนหัวเราะออกมาเสียงดัง พวกเขารู้ว่าผู้อาวุโสของพวกตนกำลังมา!


ทั้งร่างของซ่างกวนอิ๋งสั่นสะท้าน ร่างกายราวกับจะระเบิดออกภายในแรงกดดันนี้ คำพูดที่นางพยายามกล่าวออกมาก็ติด ๆ ขัด ๆ


“ท่าน...รีบไป...ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ย...แข็งแกร่งเกินไป!”


นางนับได้ว่ามีจิตใจดีอย่างแท้จริง กระทั่งยามนี้ยังคิดถึงหลี่จิ่วเต้า


ตู้ม!


ความว่างเปล่าเกิดการระเบิด หลุมดำขนานใหญ่หนึ่งหลุมปรากฏขึ้น ลมหายใจอันน่าตกตะลึงพรึงเพริดประหนึ่งสามารถทำลายโลกหล้าแผ่ปกคลุมทั่วนภา ที่ตรงนั้นมีร่างหนึ่งเดินออกมาจากหลุมดำ


เขาโผล่ออกมาเพียงครึ่งตัว แสงเซียนก็ส่องเจิดจ้าจนทำให้ฟ้าดินสว่างไสวขึ้น ราวกับเขาเป็นที่หนึ่ง อยู่เหนือทุกสิ่ง ไม่อาจต่อต้านได้!


“คนโง่งมเช่นนี้มาจากที่ใดกัน จงตายเสียเถอะ!”


ก่อนที่เขาจะออกมาอย่างสมบูรณ์ มีข้างหนึ่งก็ถูกยกขึ้น พลังอันไร้ขอบเขตโหมกระหน่ำ ฟ้าดินสั่นสะเทือน


ยอดเขาถูกทำลาย ธารน้ำระเหย แสงเซียนไม่ถ้วนสว่างไสว กฎเกณฑ์อันเหนือน้ำกระโดดโลดเต้น ขอบเขตของเขาสูงลิบ เพียงแค่ยกมือก็ทำให้เกิดฉากน่าประหวั่นพรั่นพึงดังกล่าว!


หากมือนี้ฟาดลงมา จะเกิดอะไรขึ้นกันแน่? คงห่างไกลเกินกว่าจะจินตนาการถึง!


ทว่าตอนนั้นเอง หลี่จิ่วเต้าก็โบกมือขึ้นอย่างไม่ใส่ใจอะไรมาก ราวกับกำลังปัดแมลงวันตัวหนึ่งออกไป แต่พลังของผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยกลับถูกสลายทิ้งไปสิ้นในทันที!


นอกจากนี้ยังมีพลังที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้นโจมตีผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ย พริบตาเดียวผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยก็ถูกระเบิดกระเด็นกลับเข้าไปด้านในหลุมดำ ตามมาด้วยเสียงชนดังสนั่นและเสียงกรีดร้องอันน่าสังเวชของผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ย


พลังนี้ไม่อาจต้านทานได้ ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยถูกตีกลับไปยังดินแดนของตระกูลเฟ่ย ลอยเข้าชนกับอาคารเก่าแก่ของตระกูลเฟ่ย ครึ่งร่างแหลกเละ เลือดเนื้อกระจายไปทั่ว


“อะ...อะไรกัน!”


เหล่าชายวัยกลางคนต่างพากันตื่นตกใจจนอ้าปากค้าง สั่นสะท้านไปจนถึงวิญญาณ หนังศีรษะรู้สึกชาวาบ ความเย็นแล่นไล่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปถึงบนหัว


พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนแม้แต่น้อยว่าจะเกิดฉากเช่นนี้ขึ้น ผู้อาวุโสของพวกเขามาด้วยทางท่าองอาจผ่าเผย ไร้ผู้เทียบเคียง ทว่ายังไม่ทันได้ออกมาก็ถูกตีกลับไปเสียแล้ว คนผู้นี้เป็นใครกันแน่?


สิ่งที่สำคัญสุดคือเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนผู้นี้ไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมด เพียงแค่โบกมือส่ง ๆ ราวกำลังปัดแมลงวัน!


นี่...นี่มันขอบเขตใดกัน!


ซ่างกวนอิ๋นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ นั่นคือผู้อาวุโสของมหาตระกูลในภพเซียนเซียวนะ ไม่ใช่ผู้อาวุโสของตระกูลเล็ก ๆ ธรรมดาทั่วไป ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายต้องไปถึงระดับลึกล้ำจนไม่อาจหยั่งรู้นานแล้ว ทว่าเมื่อมาอยู่ต่อหน้าหลี่จิ่วเต้า ก็อ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง ราวกับฝุ่นธุลี!


สวรรค์ นางได้พบกับตัวตนสูงส่งแบบใดกัน!




ดินแดนตระกูลเฟ่ย


ผู้อาวุโสคนนั้นไอออกมาเป็นเลือด ร่างกายของเขาหายไปครึ่งหนึ่ง ทั้งกระดูกและเนื้อถูกทำลายสิ้น ลมหายใจแผ่วเบาราวกับเทียนที่กำลังจะมอดดับ


“เกิดอะไรขึ้น!?”


“ผู้เฒ่าชาง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”


เกิดความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ตระกูลเฟ่ยตั้งแต่ระดับบนถึงล่างต่างรีบตรงเข้ามาทันที หลังจากเห็นสภาพอันน่าเวทนาของผู้อาวุโสท่านนี้แล้ว พวกเขาทั้งหมดก็ต่างอ้าปากค้าง


นี่ไปประสบกับสิ่งใดกัน!?


และผู้ใดกันแน่ที่หาญกล้าถึงเพียงนี้ ถึงกับลงมือใส่ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยอย่างรุนแรง!


“หนุ่ม...ชายหนุ่มคนหนึ่ง!”


ผู้อาวุโสชางเปิดปากเล่าเรื่องด้วยความยากลำบาก


“ช่างบังอาญยิ่งนัก!”


“พวกเราไปดูกันเถอะว่าเขาเป็นผู้ใด มีความสามารถแค่ไหนกันแน่!”


“ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถลงมือกับพวกเราตระกูลเฟ่ยได้ตามใจชอบ!”


ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยคนอื่น ๆ เอ่ยด้วยเสียงเย็นชา จะยอมปล่อยไปเช่นนี้ได้อย่างไร ตระกูลเฟ่ยยืนอยู่บนจุดสูงสุดของแดนเซียนนับตั้งแต่การสถาปนาขึ้นมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่พวกเขาถูกยั่วยุเช่นนี้ กระทั่งต้องเผชิญหน้ากับมหาตระกูลอื่น ๆ พวกเขาก็ไม่เคยหวั่น เช่นนั้นแล้วจะมากลัวชายหนุ่มผู้หนึ่งได้อย่างไร?


ไม่มีทางอย่างแน่นอน!


ผู้อาวุโสทั้งหมดของตระกูลเฟ่ยต่างเต็มไปด้วยความแค้นเคือง พวกเขาคิดว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจนไปยั่วยุชายหนุ่มผู้นั้นเสียอีก ที่ไหนได้เหตุผลเป็นเพียงเพราะหญิงสาวคนหนึ่งจากตระกูลอันอ่อนแอเท่านั้น!


นี่นับเป็นการไม่เห็นตระกูลเฟ่ยอยู่ในสายตา!


มองย้อนกลับไปยังประวัติศาสตร์ของตระกูลเฟ่ยแล้ว ไม่มีผู้ใดกล้าทำเช่นนี้มาก่อน!


พวกเขามุ่งออกจากดินแดนของตระกูลตรงไปยังสถานที่แห่งนั้น




อีกด้านหนึ่ง เหล่าชายวัยกลางคนมองไปที่หลี่จิ่วเต้าด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น พวกเขาต่างกลัวจนตัวสั่นสะท้าน ขอเพียงแค่หลี่จิ่วเต้าต้องการพวกเขาจะต้องไม่รอดอย่างแน่นอน เพียงแค่คิดหลี่จิ่วเต้าก็สามารถสังหารพวกเขาได้อย่างง่ายดาย


“เจ้าต้องการให้ข้าช่วยสังหารพวกเขาหรือไม่?”


หลี่จิ่วเต้ามองไปทางซ่างกวนอิ๋งแล้วถามออกมาด้วยความจริงจัง


ฆ่าสังหารล้างตระกูล มือล้วนเต็มไปด้วยเลือด ชายวัยกลางคนเหล่านี้กระทั่งความตายยังไม่สาสม สมควรได้รับผลกรรมที่ทำเอาไว้


ซ่างกวนอิ๋งจับจ้องไปที่เหล่าชายวัยกลางคน แววตาของนางแน่วแน่เป็นอย่างอย่าง “ไม่ ข้าต้องการจะฆ่าพวกเขาและล้างแค้นให้ตระกูลซ่างกวนด้วยมือข้าเอง!”


หลังจากนั้นนางก็คุกเข่าลงต่อหน้าหลี่จิ่วเต้า เอ่ยร้องอ้อนวอน “ข้าต้องการคำนับท่านเป็นอาจารย์ ได้โปรดช่วยสั่งสอนข้าเถิด ข้าต้องการล้างแค้นให้ตระกูลซ่างกวนด้วยมือของตัวเอง! พวกเขาเพียงแค่ทำตามคำสั่ง ตัวการที่แท้จริงก็คือตระกูลเฟ่ย ข้าต้องการจัดการตระกูลเฟ่ยด้วยมือตัวเอง คืนความยุติธรรมให้กับตระกูลซ่างกวนของข้า!”


นางก้มหัวให้กับหลี่จิ่วเต้า ก้มแรงเสียจนหน้าผากแตกมีเลือดไหลออกมา


“ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”


ชายหนุ่มรีบพยุงซ่างกวนอิ๋งขึ้นมา จากนั้นก็สบตากับนาง “ข้าสามารถช่วยพาเจ้าไปยังตระกูลเฟ่ยเพื่อทวงคืนความยุติธรรมดได้”


ชางกวนอิ๋งตื่นตะลึง คนผู้นี้ทรงพลังถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?


ถึงกับสามารถพานางไปทวงความยุติธรรมคืนจากตระกูลเฟ่ยโดยตรงได้!


“ข้า...ข้าอยากไปด้วยตนเอง!”


นางกล่าวพร้อมเม้มริมฝีปากแน่น


หลี่จิ่วเต้าถอนหายใจ เขากระจ่างแจ้งดีว่าซ่างกวนอิ๋งคิดสิ่งใด


ทั้งตระกูลถูกฆ่าล้าง ซางกวนอิ๋งกำลังหาเหตุผลให้ตนเองมีชีวิตอยู่ต่อ


ประสบการณ์ที่ได้พานพบนี้หนักหนาเกินไป ซางกวนอิ๋งต้องการบางสิ่งให้ยึดติดเพื่อให้นางสามารถก้าวต่อไปได้ด้วยตนเอง


“ความเป็นธรรม!?”


“ไม่จำเป็น พวกเรามาแล้ว!”


ขณะนั้นเองก็ปรากฏเสียงเย็นชาดังขึ้นจากความว่างเปล่า ผู้อาวุโสตระกูลเฟ่ยทั้งหมดต่างมุ่งมาที่นี่ พวกเขาล้วนทรงพลังดุดันเป็นอย่างยิ่ง


“เสียงดัง!”


หลี่จิ่วเต้าขมวดคิ้ว เขาไม่แม้แต่จะมองเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเฟ่ย โบกมืออกมาอย่างลวก ๆ พลังที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้นกระแทกผู้อาวุโสทั้งหมดของตระกูลเฟ่ยกลับไปยังที่เดิม!


ตู้ม ตู้ม ตู้ม!


เสียงระเบิดดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจากดินแดนของตระกูลเฟ่ย ผู้อาวุโสทั้งหมดลอยกระเด็นมาชนอาคารถล่มทลาย กระอักเลือดออกจากปาก บาดเจ็บสาหัสกันทั่วหน้า!


“เกิด...อะไรขึ้น!?”


“มะ...ไม่รู้!”


สมาชิกของตระกูลเฟ่ยต่างตื่นตกใจ ดวงตาเบิกกว้างแทบถลนออกมา ชายหนุ่มผู้นั้นเป็นใครกันแน่!? ผู้อาวุโสทุกคนต่างร่วมใจกันไปที่นั่น ทว่ากลับพ่ายแพ้ถูกส่งกลับมาภายในชั่วพริบตาเดียว!


ช่างน่าเหลือเชื่อเกินไป ประหนึ่งเป็นเพียงความฝัน!


“หืม!?”


รูม่านตาของประมุขตระกูลเฟ่ยหดลงอย่างรวดเร็ว ไม่คาดคิดมาก่อนสักนิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ภายในใจของเขาเริ่มสับสนวุ่นวาย คล้ายว่าคราวนี้จะเตะแผ่นเหล็กเข้าจัง ๆ แล้ว


“ใครกัน?”


เขารำพึงกับตนเอง สีหน้าแสดงความสงสัยอย่างยิ่ง ผู้อาวุโสทั้งหมดไปพร้อมกัน เพียงพริบตาเดียวก็ถูกตีกลับมา ผู้ที่สามารถทำเช่นนี้ได้จะต้องเป็นผู้ที่อยู่สูงสุดของภพเซียน


เขากำลังครุ่นคิดว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นใคร


แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร เขาก็นึกไม่ออก ผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของภพเซียนไม่มีผู้ใดที่รูปลักษณ์สอดคล้องกับชายหนุ่ม


ตัวตนเช่นนั้นต่างมีความภาคภูมิใจในตนเองเป็นอย่างมาก มีชีวิตผ่านกาลเวลามายาวนานจนไม่อาจนับ ย่อมไม่ลงมือโดยแปลงเป็นชายหนุ่มแน่


สิ่งนี้ไม่เหมาะสมกับตัวตน พวกเขาจึงไม่สนใจจะทำเรื่องเช่นนี้


“ข้าจะไปดูเสียหน่อย”


เขาตัดสินใจที่จะไปดูด้วยตนเอง


เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เกินไป เขาจำเป็นต้องรู้อย่างกระจ่าง ไม่อาจปล่อยให้ค้างคาได้




ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก!


ขณะเดียวกัน หัวใจของซ่างกวนอิ๋งก็เต้นกระหน่ำขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ นางคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเพียงแค่โบกมือลวก ๆ ครั้งหนึ่ง จะสามารถส่งผู้อาวุโสทั้งหมดของตระกูลเฟ่ยลอยกระเด็นกลับไปได้!


สวรรค์ ต้องมีความแข็งแกร่งน่าหวาดกลัวเพียงใดจึงจะสามารถทำเช่นนี้ได้กัน!?


ไม่น่าแปลกใจเลยที่ชายผู้นี้บอกว่าตนเองสามารถพานางไปทวงหาความยุติธรรมกับตระกูลเฟ่ยได้


“อ๊าก”


เหล่าชายวัยกลางคนบนพื้นต่างพากันหวาดกลัวไปจนถึงจิตวิญญาณ


พวกเขารู้เป็นอย่างดีว่าผู้อาวุโสเหล่านี้แข็งแกร่งถึงเพียงไหน เมื่อร่วมมือกันแล้ว เกรงว่าสามารถเผชิญหน้าได้แม้กระทั่งผู้ยืนอยู่จุดสูงสุดของภพเซียน


ทว่าเมื่ออยู่เบื้องหน้าชายหนุ่มผู้นี้แล้ว กลับไม่มีค่าอันใดพอให้เอ่ยถึง!


พวกเขาไม่คาดคิดอย่างสิ้นเชิงว่าตนเองจะมาพานพบกับตัวตนสูงสุดไร้ผู้เปรียบ!


ปึก ปึก ปึก!


ซ่างกวนอิ๋งโขกศีรษะให้กับหลี่จิ่วเต้าอีกครั้ง “ข้ารู้ว่าการกลายเป็นศิษย์ของท่านถือเป็นการหวังสูง ข้าไม่คู่ควรเลยแม้แต่น้อย ไม่มีคุณสมบัติอันใด! แต่ข้าก็ยังคิดอยากให้ท่านเมตตารับข้าเป็นศิษย์ ข้าต้องการให้ท่านช่วยสอนวิชาให้กับข้า!”


หลี่จิ่วเต้าถอนหายใจ “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากสอน แต่ข้าไม่อาจสอนเจ้าได้...”


เขาจะสอนได้อย่างไร?


เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการฝึกตนเลยแม้แต่น้อย


ในโลกใบนี้เขามีอำนาจเด็ดขาด ดลบันดาลได้ทุกสิ่ง ทำทุกอย่างได้ตามปรารถนา เขายังสามารถมอบพลังอันไร้พ่ายให้กับซ่างกวนอิ๋งได้โดยตรง


แต่ถ้าจะให้เขาสอนการฝึกตนให้ซ่างกวนอิ๋งแล้ว...


เขาไม่อาจทำเช่นนั้นได้จริง ๆ


เขาไม่สามารถจินตนาการวิธีการฝึกฝนจากความว่างเปล่ามาสอนซางกวนอิ๋งได้ ทำเช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการทำร้ายซางกวนอิ๋ง...


“ท่านรังเกียจข้าอย่างนั้นหรือ? ข้าเข้าใจแล้ว! ข้าไม่มีคุณสมบัติจะเป็นศิษย์ของท่าน เช่นนั้นแล้วข้าก็ไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องการฐานะศิษย์ของท่าน!”


ซ่างกวนอิ๋งอ้อนวอน “ขอเพียงแค่ท่านยอมสอนวิชาให้ ข้าเต็มใจทำทุกสิ่ง ท่านสั่งให้ทำสิ่งใดข้าก็จะทำ!”


หลี่จิ่วเต้าอดปวดหัวขึ้นมาไม่ได้ เขาจะมีวิชาฝึกตนอะไรให้สอนกัน ทักษะที่เขามีก็ล้วนเป็นทักษะทั่วไปเช่นศิลปศาสตร์ทั้งสี่ การแกะสลักและตกปลาเป็นต้น


เขาไม่อาจสอนทักษะธรรมดาเหล่านี้ให้กับซางกวนอิ๋งได้!


ซางกวนอิ๋นต้องการจะเรียนรู้ทักษะวิชาที่สามารถนำไปแก้แค้นและทวงคืนความยุติธรรมได้ การสอนทักษะธรรมดาเหล่านี้ไม่อาจนำไปสังหารคนอื่นได้แต่อย่างใด!


ฟิ้ว!


ในตอนนั้นเอง ก็มีแสงเส้นหนึ่งพุ่งมาจากที่ไกลลิบมายังสถานที่แห่งนี้ แสงนั่นคือประมุขตระกูลเฟ่ยที่เพิ่งมาถึง


“ขอถามว่าสหายท่านนี้คือผู้ใด?”


ประมุขตระกูลเฟ่ยมองไปที่หลี่จิ่วเต้าโดยไม่กล้าดูเบา เอ่ยเรียกอีกฝ่ายว่าสหาย


หลี่จิ่วเต้ากำลังปวดหัวอยู่ จึงไม่มีเวลามาสนใจประมุขตระกูลเฟ่ย เขาโบกมือหนึ่งครั้งส่งประมุขตระกูลเฟ่ยปลิวกระเด็นกลับไปยังดินแดนตระกูลเฟ่ยภายในพริบตาเดียว


นี่มันอะไรกัน!


เหล่าชายวัยกลางคนหวาดกลัวแทบตายแล้ว


คนผู้นี้ดุร้ายเกินไป ใครก็ตามที่มาจะถูกตีกลับไปในทันที คนผู้นี้เป็นใครกันแน่!?


ประมุขตระกูลของพวกเขานั้น แม้ไม่อาจเรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุด แต่ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่อยู่จุดสูงสุด การจะจัดการกับเขานับเป็นเรื่องไม่ง่ายอย่างแน่นอน


ทว่าทันทีที่มาถึง ยังไม่ทันจะลงมือทำสิ่งใด ก็ถูกตีกลับไปด้วยการโบกมืออย่างไม่ใส่ใจอะไรเพียงครั้งเดียว!


สิ่งนี้ทำให้พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ!


เมื่อซ่างกวนอิ๋นเห็นฉากนี้แล้ว นางก็ยิ่งโขกศีรษะให้กับหลี่จิ่วเต้าไม่หยุด หากหลี่จิ่วเต้ายอมสอนนางแล้วละก็ ในอนาคตนางจะต้องสามารถล้างแค้นและทวงความยุติธรรมจากตระกูลเฟ่ยได้


ชายหนุ่มพยุงซ่างกวนอิ๋งขึ้นมาอีกครั้ง


เขามองซ่างกวนอิ๋งแล้วเอ่ย “ข้าสามารถให้พลังกับเจ้าได้โดยตรง ทำให้เจ้าสามารถแก้แค้นและทวงความยุติธรรมคืนมาด้วยมือตนเองได้”


“ข้า...ไม่ต้องการพลัง ข้าต้องการพึ่งพาตนเองในการฝึกฝน!”


ซ่างกวนอิ๋งกล่าว


“ข้าช่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเสียจริง ท่านจะช่วยข้าถึงเพียงนี้แต่ข้ากลับปฏิเสธ ข้า...ข้าแค่ต้องการให้ท่านช่วยสอนข้า!”


นางกลับไปโขกศีรษะให้กับหลี่จิ่วเต้าอีกครั้ง


“ความศรัทธาสินะ...”


หลี่จิ่วเต้าลอบถอนหายใจ ไม่มีความคิดจะกล่าวโทษอะไรซางกวนอิ๋น


เขาเข้าในดีว่าเหตุใดซ่างกวนอิ๋งจึงต้องการเช่นนี้


ซ่างกวนอิ๋งต้องการตามหาศรัทธาในการมีชีวิตอยู่ต่อไปของตนเอง...


ได้เห็นการฆ่าล้างตระกูลด้วยตาตนเอง หลี่จิ่วเต้าเข้าใจว่าซ่างกวนอิ๋งกำลังต้องการสิ่งใด แก้แค้น ทวงคืนความยุติธรรม ทั้งหมดก็เพื่อความศรัทธาให้ยึดมั่นในการมีชีวิตอยู่ต่อไป


นอกจากนี้ เขายังมีความชื่นชมต่อตัวซ่างกวนอิ๋ง


ซ่างกวนอิ๋งมีจิตใจดี ก่อนหน้านี้กลัวทำให้เขารับเคราะห์ไปด้วยจึงพยายามเกลี้ยกล่อมเขาให้จากไป หลังจากนั้นเมื่อเขาบอกว่าสามารถมอบพลังให้กับซ่างกวนอิ๋งโดยตรงได้ นางก็ไม่ยอมรับมันไป นี่แสดงให้เห็นภายในใจของซ่างกวนอิ๋น


สิ่งที่หาได้ยากเหล่านี้พบได้จากซ่างกวนอิ๋ง เป็นเหตุผลที่เขารู้สึกชื่นชมนาง


กล่างตามตรงแล้ว หากเขารู้วิธีการฝึกตน เขาก็ต้องการจะรับซ่างกวนอิ๋งมาเป็นศิษย์ของตนเองจริง ๆ


ทว่าเขาไม่รู้วิธีฝึกตน เลือกรับซ่างกวนอิ๋งเอาไว้ก็เป็นเพียงแค่การเสียเวลาโดยเปล่า


“หรือจะคืนชีพตระกูลซ่างกวนขึ้นมา?”


เขาคิดขึ้นมาในใจ ยังมีวิธีอีกวิธีหนึ่งในการแก้ปัญหานี้ นั่นก็คือการคืนชีพสมาชิกตระกูลซ่างกวนขึ้นมา


เขามีความสามารถมากพอจะทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน ภายในโลกเสมือน ไม่มีสิ่งใดที่เขาทำไม่ได้ สามารถทำทุกสิ่งได้ตามต้องการ


ทว่าเขาก็ต้องสลัดความคิดนี้ทิ้งไป


สำหรับเขาแล้วทุกสิ่งบนโลกใบนี้ล้วนปลอมและว่างเปล่า มันเป็นเพียงแค่เกมสำหรับเขา แต่กับซ่างกวนอิ๋งและผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกใบนี้แล้ว นี่คือโลกแห่งความจริงที่พวกเขามีชีวิตอยู่ ทั้งหมดล้วนเป็นประสบการณ์จริง เป็นสถานที่ที่พวกเขามีตัวตนดำรงอยู่


หลี่จิ่วเต้าตระหนักได้ในจุดนี้ดี ตัวเขานั้นเป็นเพียงแค่ผู้สัญจรไปมาในโลกใบนี้ เขาจะไม่เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ตามใจชอบ


การคืนชีพตระกูลซ่างกวนขึ้นมาเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับเขา เพียงแค่คิดก็สามารถทำได้ แต่หลังจากนั้นเล่า?


หากสมาชิกตระกูลซ่างกวนถูกฆ่าล้างอีกรอบ?


เขาก็ต้องมาคืนชีพให้ตระกูลซ่างกวนอีกครั้งหรือ?


นอกจากนี้ หากวันข้างหน้าเขาพบเจอเรื่องเช่นนี้ เขาจะต้อง...คืนชีพให้ทุกคนเลยหรือไม่?


หากทำเช่นนั้นแล้ว กฎเกณฑ์ของโลกใบนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ทั่วทั้งโลกจะได้รับผลกระทบครั้งใหญ่ หลังจากนั้นก็ยากจะคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา


เขาไม่ต้องการจะทำให้เกิดเรื่องเช่นนั้น เขาไม่ต้องการเปลี่ยนกฎเกณฑ์ของโลกใบนี้


เมื่อพบกับความอยุติธรรม เขาจะไม่นิ่งดูดาย จะลงมือช่วยเหลือ แต่การกระทำของเขานั้นก็มี ‘ข้อจำกัด’ ไม่อาจเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของโลกตามอำเภอใจ


การชุบชีวิตตระกูลซ่างกวนทั้งหมด ผมที่ตามมาหนักหนาจนเกินไป เกี่ยวพันกับเรื่องราวอื่นอีกเป็นจำนวนมาก ไม่ง่ายดายเหมือนการชุบชีวิตคนเพียงผู้เดียว


เขาถอนหายใจ ไม่พูดอะไรออกมาอีก เพียงแค่คิดร่างของเขาก็หายไปจากโลกนี้ในทันที


“ข้าทำอะไรให้ท่านขุ่นเคืองใจหรือ?”


เมื่อเห็นหลี่จิ่วเต้าหายไป ซ่างกวนอิ๋งก็ตื่นตระหนก นางคิดว่าตนเองทำให้อีกฝ่ายรู้สึกขุ่นเคือง


คิดดูให้ดีแล้ว อีกฝ่ายจะไม่ขุ่นเคืองใจได้อย่างไร ท่านผู้นี้แข็งแกร่งไร้ผู้ใดเปรียบ นางกลับเอาความปรารถนาของตนเองอยู่เหนือเหตุผล ต้องการเป็นศิษย์ ทั้งยังจะให้ท่านผู้นี้สั่งสอน นางช่างไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี ไม่ประเมินตนเองเสียจริง!


กระทั่งตอนที่ท่านผู้นี้เสนอว่าจะมอบพลังให้ นางก็ยังปฏิเสธ เช่นนี้แล้วจะไม่ให้รู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาได้อย่างไร!?


แต่หากนางไม่สามารถทำให้ท่านผู้นี้ยอมสั่งสอนวิชาให้ นางก็ไม่รู้ว่าจะแก้แค้นได้อย่างไร


เป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง!


ตระกูลเฟ่ยยืนหยัดอยู่ในภพเซียนมาอย่างยาวนาน รอดพ้นผ่านกาลมานับไม่ถ้วน หากนางต้องการจะแก้แค้นและทวงคืนความยุติธรรมด้วยตัวเองเพียงลำพังผู้เดียว นี่ก็ไม่ต่างอะไรจากฝันกลางวันอันเป็นไปไม่ได้!


ตึง! ตึง! ตึง!


นางไม่กล่าวอะไรมาก เพียงแค่คุกเข่าโขกศีรษะลงบนพื้น นางไม่ต้องการจะยอมแพ้ นางยังต้องการให้ท่านผู้นี้สั่งสอนวิชาให้นาง


หลังจากเหล่าชายวัยกลางคนเห็นหลี่จิ่วเต้าจากไปแล้ว พวกเขาก็พากันหนีออกไปทันทีไม่กล้ารั้งรออยู่ที่นี่


สำหรับการสังหารซ่างกวนอิ๋งนั้น พวกเขาไม่ได้คิดเลยแม้แต่น้อย


ตลกน่า ด้วยความสามารถของคนผู้นั้น แม้ว่าตัวจะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วอย่างไร? หากต้องการจะสังหารพวกเขา เพียงแค่คิดก็ทำได้แล้ว


พวกเขาไม่ต้องการรนหาที่ตาย!


ในขณะเดียวกัน ความตื่นตกใจก็ระเบิดไปทั่วทั้งตระกูลเฟ่ย!


ประมุขตระกูลเฟ่ยถูกตีลอยกระเด็นกลับมาในพริบตาเดียว ชายหนุ่มผู้นั้นอยู่ในขอบเขตใดกันแน่?


กร๊อบ!


สีหน้าของประมุขตระกูลซีดขาว กระดูกทั่วทั้งร่างแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เลือดทะลักออกมาจากปาก ร่างของเขาดูเหมือนก้อนเนื้อและเลือด อวัยวะภายในร่างกายทั้งหมดแหลกลาญ!


จากส่วนลึกของตระกูลเฟ่ย มีร่างชราหลายคนทะยานออกมาหาประมุขตระกูล


ลมหายใจของพวกเขาน่ากวาดกลัวและทรงพลังยิ่งกว่าประมุขตระกูล พวกเขาคือ ‘เส้นสนกลใน’ และ ‘ผู้ค้ำจุน’ ที่แท้จริงของตระกูลเฟ่ย ทุกคนต่างอยู่ในกลุ่มผู้มีพลังการต่อสู้สูงสุดในภพเซียน!


“เกิดอะไรขึ้น?”


พวกเขาสอบถามประมุขตระกูล กลับไม่มีความตื่นตระหนก สีหน้าสงบนิ่งเป็นอย่างยิ่ง


หากเป็นผู้อื่นเมื่อได้เห็นประมุขตระกูลถูกเล่นงานจนสาหัสถึงเพียงนี้ คงเต็มไปด้วยความกังวลและโกรธเคือง แต่พวกเขาล้วนสุขุมไม่เห็นอารมณ์เหล่านั้นเลย


พวกเขาผ่านเรื่องราวมามากพอที่จะรู้ว่าความกังวลและความโกรธไม่อาจแก้ไขอะไรได้ รังแต่จะทำให้สิ่งต่าง ๆ แย่ลงไปอีก


“เกิดเรื่องร้ายขึ้นแล้ว!”


ประมุขตระกูลเอ่ยออกมาด้วยความยากลำบาก บอกเล่าเรื่องราวทุกอย่าง แม้ผู้เฒ่าเหล่านี้จะเต็มไปด้วยความสงบ แต่เมื่อได้ฟังสิ่งที่ประมุขตระกูลเล่าแล้ว ใบหน้าของพวกเขาก็พลันเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งแล้วครั้งเล่า


ชายหนุ่มคนนั้นเพียงโบกมือก็ตีส่งเหล่าผู้อาวุโสกลับมา เมื่อประมุขตระกูลไป ก็ถูกโบกมือไล่ตีกลับมาเช่นเดียวกัน


ไม่ต้องสงสัยเลย ขอบเขตของชายหนุ่มผู้นั้นจะต้องสูงล้ำเป็นอย่างยิ่ง อาจเท่าเทียมหรือกระทั่งแข็งแกร่งกว่าพวกเขาเสียด้วยซ้ำ


พวกเขาไม่พูดอะไร ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมีคนเอ่ยออกมา “อยากให้ข้าไปดูหรือไม่?”


“ไม่ควร”


ประมุขตระกูลเอ่ย “เจตนาของเขาไม่ชัดเจน พวกเราไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำสิ่งใด แม้เขาจะตีส่งพวกเราทั้งหมดกลับมา แต่ก็ไม่ได้ลงมือสังหารผู้ใด ด้วยพลังของคนผู้นั้นย่อมสามารถทำได้อย่างง่ายดาย!”


อย่างไรเสียเขาก็เป็นประมุขปกครองตระกูลเฟ่ยมานานนับหมื่นปี แม้พลังจะไม่แข็งแกร่งเท่าผู้เฒ่าเหล่านี้ แต่ความคิดอ่านของเขาย่อมกว้างขวางล้ำลึกมากกว่า


“การไปยั่วยุคนผู้นั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ใช่เรื่องดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขอบเขตของเขาไม่กระจ่างชัด ทำให้พวกเราเสียเปรียบเป็นอย่างมาก พวกเราควรรออยู่ในตระกูลเงียบ ๆ เพื่อดูว่าเขาต้องการจะทำสิ่งใด!”


เขาเอ่ยต่อ “ในดินแดนของตระกูล พวกเราย่อมเข้าใจได้มากกว่า ทำให้มีความได้เปรียบมาก”


นับตั้งแต่ภพเซียนถูกสถาปนาขึ้นมา ตระกูลของพวกเขาก็ตั้งอยู่ที่นี่ เมื่อผ่านกาลเวลามานับไม่ถ้วน ตระกูลของพวกเขาก็ได้จัดการเสริมความแข็งแกร่งให้ดินแดนจนแกร่งยิ่ง หากคนผู้นั้นกล้ามาจริง ๆ ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็จะต้องถูกจัดการ เขาจึงหวังว่าชายผู้นั้นจะเข้ามาด้านในแดนของพวกเขา


“เป็นไปตามที่ประมุขว่า ในสถานการณ์อันไม่แน่นอน พวกเราก็ควรเตรียมเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงเอาไว้”


“พวกเรามารอดูไปก่อน!”


คนอื่นต่างพยักหน้าและเอ่ยออกมา


...


เมืองชิงซาน


ด้านในลานเล็ก ๆ ของหลี่จิ่วเต้า


ล่วงเข้ายามดึกแล้ว ชายหนุ่มจึงเก็บ ‘แท็บเล็ต’ แล้วกลับเข้าห้องไปนอน


สำหรับเรื่องของซ่างกวนอิ๋นนั้น เขากำลังอยู่ในระหว่างการครุ่นคิด ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าควรจะจัดการอย่างไร


บางทีการปล่อยไปให้ทุกอย่างดำเนินไปธรรมชาติอาจเป็นเรื่องที่ดีกว่า


ด้านในบ่อน้ำ เหล่าปลามังกรต่างตื่นตกใจ


พวกมันต่างเห็นคุณชาย ‘ควบคุม’ แดนเซียนด้วยตาตัวเอง ภายในใจของพวกมันตกตะลึงอย่างถึงที่สุด


ผู้คนที่ปรากฏขึ้นในภพเซียนต่างปกคลุมไปด้วยแสงเซียนวนเวียน เซียนด้านในล้วนเปล่งประกายอายุขัยไม่อาจกร่ำกราย ที่แห่งนั้นย่อมเป็นภพเซียนแท้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย แตกต่างจากแดนเซียนที่พวกมันอาศัยอยู่โดยสิ้นเชิง!


ใช่แล้ว พวกมันเรียกอาณาจักรของพวกมันเองว่าแดนเซียน!


แน่นอน นี่เป็นสิ่งที่พวกมันเรียกขึ้นมากันเอง อย่างไรเสียอาณาจักรแห่งนั้นก็เป็นเพียงภพเซียนเทียม ไม่มีสสารนิรันดร์อยู่แม้แต่น้อย นามว่าเซียนเป็นสิ่งที่พวกมันแต่งตั้งขึ้นมาเอง


ตระกูลเฟ่ย พวกมันไม่รู้ว่าตระกูลนี้ทรงพลังมากเพียงใด ทว่าพวกมันก็ได้ยินว่าเป็นถึงหนึ่งในมหาตระกูลแห่งภพเซียน!


สามารถเป็นถึงหนึ่งในมหาตระกูลแห่งภพเซียนได้ ไม่ต้องสงสัยเลย ความแข็งแกร่งของตระกูลเฟ่ยจะต้องมากมายมหาศาล ความแข็งแกร่งโดยรวมไม่อาจดูเบาได้


แต่ต่อหน้าคุณชายแล้ว ตระกูลเฟ่ยนั้นเล็กจ้อยราวกับฝุ่นธุลี ยอดฝีมือพุ่งเข้าหาครั้งแล้วครั้งเล่า คุณชายก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการโบกมือ ความแข็งแกร่งของคุณชายอยู่เหนือความคาดหมาย ไกลเกินกว่าจะจินตนาการถึง!


พวกมันคิดถึงซ่างกวนอิ๋งขึ้นมา ต่างพากันแสดงสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม


“คิดไร้สาระอะไรกัน ถึงกับต้องการเป็นศิษย์ของคุณชาย ช่างไม่ประมาณตนเองเสียเลย!”


“มีคุณสมบัติอันใดกัน!”


พวกมันหัวเราะออกมาไม่หยุด


ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลยหรือ?


ก่อนหน้านี้ก็เยาะเย้ยจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงว่าเป็นตาสีตาสา ต่อมาก็เหยียดหยามซ่างกวงอิ๋งว่าไม่มีคุณสมบัติ ปลามังกรเหล่านี้เอาความรู้สึกว่าตนเองเหนือกว่ามาจากไหนกัน?


ต่อหน้าคุณชายแล้ว ไม่สำคัญว่าจะพิเศษหรือสามัญ เซียนเองก็ไม่ต่างอะไรไปจากปุถุชนธรรมดา นี่เป็นเพราะคุณชายยิ่งใหญ่เกินไป เซียนก็ไม่อาจเทียบชั้นกับคุณชายได้


มัจฉาสัตมายาไม่อาจทนได้อีกต่อไป ต้องการจะทำให้ปลามังกรเหล่านี้หุบปาก เนื่องจากพวกมันยิ่งพูดยิ่งหนักข้อขึ้น วาจาที่พ่นออกมาก็ชวนให้ผู้คนสะอิดสะเอียน ทั้งกล่าวว่าซ่างกวนอิ๋งต่ำต้อยไม่ต่างอะไรไปจากสุนัข เป็นเพียงลูกเป็ดขี้เหร่ที่ต้องการกลายเป็นหงส์ และสารพัดคำพูดหยาบคายอื่น ๆ


ทว่าผู้เฒ่าเต่ากลับรั้งมัจฉาสัตมายาเอาไว้


มันไม่ต้องการให้มัจฉาสัตมายาเผชิญเคราะห์


ปลามังกรเหล่านี้ต่างก็แข็งแกร่งทุกตัว หากร่วมมือกัน อย่าว่าแต่มัจฉาสัตมายาเลย ตัวมันเองก็ไม่สามารถจัดการได้


ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่คือภายในลานเล็ก ๆ ของคุณชาย และคุณชายก็ยังคงอยู่ในบ้าน หากเอะอะขึ้นมาแล้วทำให้คุณชายไม่พอใจ ผู้ใดกันจะสามารถรับผิดชอบในเรื่องนี้ได้?


มัจฉาสัตมายาเองก็คงไม่อาจรอดตัวไปได้!


“เรียนรู้จากเต่าแก่ไว้ซะ อย่าได้มายุ่มย่ามเรื่องของผู้อื่น สนใจดูแลตัวเองดี ๆ ก็พอ!”


“สมคำกล่าวที่ว่ากษัตริย์อยู่พันปีเต่าอยู่หมื่นปี ผู้เฒ่าเต่ามีอายุยืนนาน นั่นเป็นเพราะรู้จักวิธีหลบเลี่ยง หรือเรียกว่า...เต่าหดหัว!”


เมื่อเห็นท่าทางของมัจฉาสัตมายาก็รู้ได้ทันทีว่ามัจฉาสัตมายาต้องการจะทำอะไร พวกมันจึงเปิดปากพูดขึ้นมาทีละตัว


ตอนนี้พวกมันกำลังหลงระเริง เช่นนั้นจึงไม่เกรงกลัวสิ่งใด ถ้าหากคุณชายไม่เอ่ยปาก ก็ไม่มีผู้ใดกล้าทำสิ่งใดกับพวกมัน


ผู้เฒ่าเต่าโมโหเป็นอย่างยิ่ง ปลามังกรเหล่านี้ไม่รู้จักแยกผิดชอบชั่วดี ทั้งยังด่ามันอีกด้วย!


แต่ถึงมันจะโกรธปลามังกรเหล่านี้ มันก็ไม่อาจฝ่าฝืนข้อห้ามได้!


แม้ว่ามันจะไม่ได้มาอยู่ในลานเล็กเป็นเวลานานมากนัก แต่มันก็สามารถมองออกได้ว่าคุณชายไม่ชอบสิ่งใดมากที่สุด ปลามังกรเหล่านี้เข้าสู่หนทางตายอย่างสมบูรณ์


มันไม่ต้องการจะเกี่ยวข้องอะไรกับปลามังกรเหล่านี้


เช้าตรู่วันต่อมา


อากาศดีเป็นอย่างยิ่ง หลี่จิ่วเต้าลุกขึ้นจากเตียงตั้งแต่เช้า


ลั่วสุ่ยเองก็ตื่นตั้งแต่เช้า เตรียมน้ำสำหรับบ้วนปากล้างหน้าให้คุณชายไว้ล่วงหน้าแล้ว


หลังจากบ้วนปากล้างหน้าเสร็จ เขาก็รำไทเก๊กหนึ่งรอบพร้อมลั่วสุ่ย


นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาทำแทบทุกเช้า หลี่จิ่วเต้าไม่พลาดการออกกำลังกายยามเช้า หลังจากที่ลั่วสุ่ยแปลงเป็นร่างมนุษย์แล้ว เขาก็พาลั่วสุ่ยมารำมวยไทเก๊กพร้อมกันทุกเช้าด้วย


หลังจากทานมื้อเช้าแล้ว หลี่จิ่วเต้าก็เอนตัวลงบนเก้าอี้โยก ก่อนจะหยิบ ‘แท็บเล็ต’ ขึ้นมา


เขาต้องการจะดูว่าซ่างกวนอิ๋งกำลังทำสิ่งใด


ด้านในแท็บเล็ต ณ ภพเซียน เพียงแค่คิดเขาก็ปรากฏขึ้นมายังจุดที่ซ่างกวนอิ๋งอยู่


ทว่าเขาไม่ได้โผล่ร่างออกไปให้เห็น


ตึง ตึง ตึง!


ซ่างกวนอิ๋งยังคงคุกเข่าโขกศีรษะ หน้าผากของนางยังคงกระแทกลงพื้นเกิดเป็นเสียงดังทุกครั้ง หน้าผากขาวของนางอาบไปด้วยเลือด แต่แววตายังคงแน่วแน่และกระจ่างชัด


นางเห็นการสังหารล้างตระกูลด้วยตาของตนเอง ความเคียดแค้นได้ฝังลึกเข้าไปในกระดูก นางต้องการจะแก้แค้นและทวงคืนความยุติธรรมจากตระกูลเฟ่ย


ประสบการณ์ที่ได้พานพบทำเอาหัวใจของนางแทบแหลกสลาย นางอายุเพียงเท่าไหร่กัน? อย่างมากก็ไม่เกินสิบเจ็บสิบแปด ไม่เคยพบพานการนองเลือดมาก่อน ทว่าคราวนี้กลับได้เห็นคนในตระกูลทุกคนล้มตายต่อหน้า หยาดโลหิตอาบย้อมทั่วทั้งผืนดินของตระกูล


เพราะมีความแค้นเป็นสิ่งยึดมั่น นางจึงยังไม่แตกสลาย


ด้วยเหตุนี้เองนางจึงปฏิเสธพลังที่หลี่จิ่วเต้าจะมอบให้


เพราะนางไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถยืนหยัดต่อไปได้หรือไม่หากการแก้แค้นสิ้นสุดลงแล้ว


นางคิดว่าขณะที่ตนเองได้เรียนรู้วิชาจากหลี่จิ่วเต้า หัวใจของนางเองก็จะเข้มแข็งขึ้นด้วย หลังจากการแก้แค้นนางจะได้ไม่สูญสิ้นทุกสิ่งและล้มลงเพียงลำพัง


“ช่างเป็นคนที่ดื้อรั้น...”


หลี่จิ่วเต้ารับรู้ทุกอย่าง ซ่างกวนอิ๋งถึงกับคุกเข่าโขกศีรษะมาตลอดทั้งคืน


ซ่างกวนอิ๋งมีจิตใจดี การเรียนวิชาก็ไม่ได้อยากให้เพียงแค่ตัวเองมีพลังมากขึ้น กล่าวตามตรงแล้ว เขารู้สึกชื่นชอบซ่างกวนอิ๋งเป็นอย่างมาก ต้องการจะรับอีกฝ่ายเป็นศิษย์จริง ๆ


เพียงแต่ การจะชี้แนะซ่างกวนอิ๋งเช่นไรนั้นก็เป็นปัญหาใหญ่


“ลองดูอีกสักหน่อย”


เขายังคงไม่ปรากฏตัว ดึงความคิดออกมาจากโลกภายในแท็บเล็ต


เป็นเวลาหลายวันที่เขาสนใจซ่างกวนอิ๋ง นางคงยังไม่ขยับไปไหน แววตาแน่วแน่กระจ่างใส่ ยังคงคุกเข่าโขกศีรษะอยู่ที่เดิม


เขายังคงไม่ปรากฏตัว แต่รวบเมฆดำขึ้นมา ฟ้าแลบสว่างไสว สายฝนรุนแรงสาดเทลงบนหัวของซ่างกวนอิ๋ง


เขาต้องการจะดูว่าซ่างกวนอิ๋งจะสามารถยืนหยัดได้อีกนานเพียงใด


...


ขณะเดียวกัน จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงก็ประสบความสำเร็จด้านการฝึกฝน ขอบเขตสูงขึ้นอย่างมาก บรรลุกลายเป็นเทียนตี้!


เขาเสร็จสิ้นการฝึกฝน และกลับสู่ฐานที่มั่นของแดนสังสารวัฏในอาณาจักรแห่งนี้


“ช้ามีเรื่องสำคัญจำเป็นต้องกลับไป พวกเจ้าอยู่ที่นี่อย่างเงียบ ๆ อย่าได้ก่อเรื่องราวอันใด!”


เขาออกคำสั่งให้กับเหล่าคนจากแดนสังสารวัฏ หลังจากนั้นก็เข้าไปยังเส้นทางสังสารสวัฎ เตรียมตัวเดินทางกลับแดนสังสารวัฏ


ครั้งนี้เขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ กล้ากระทั่งจะทำการเปลี่ยนแปลงผู้ปกครองแดนสังสารวัฏ


“แม้จะมั่นใจเป็นอย่างมาก แต่ระมัดระวังไว้ก่อนย่อมดีกว่า!”


ดวงตาของจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงเปล่งประกาย เขาไม่ได้ตั้งใจจะลงมืออย่างเปิดเผย ตัดสินใจจะลงมือตามความถนัดดั้งเดิมของเขา นั้นคือการลอบโจมตี


อย่างไรเสียนี่ก็เป็นวิธีการที่เขาไม่มีทางผิดพลาดอย่างเด็ดขาด!


...


ด้านนอกจักรวาลหมื่นดารา มีเรือโบราณขนาดใหญ่ลอยอยู่บนอากาศห้อมล้อมอาณาจักรแห่งนี้ ด้านบนเรือมีสิ่งมีชีวิตอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน แต่ละคนต่างถือศาสตราประจำกาย เตรียมพร้อมจะเปิดสงครามได้ทุกเมื่อ!


“ตอนนี้แหละ...”


เจ้าอาณาจักรเทียนหยวนหรี่ตาลง เขาได้ร้องขอให้แดนมรณาลงมือช่วยเหลือแล้ว


ตอนนี้เขาก็ได้รับการตอบรับเป็นที่เรียบร้อย และกำลังจะส่งคนมาช่วยเหลือเขา พาพวกเขาเข้าไปก่อการสังหารในอาณาจักรแห่งนี้


“รอก่อนเถอะ โลหิตจะต้องเจิ่งนองไปทั่วอาณาจักรแห่งนี้!”


เขาเอ่ยออกมาด้วยเสียงเย็นชา รอหลังจากพวกเขาเข้าไปได้แล้ว การฆ่าฟันจะเกิดขึ้นทุกหนแห่งในอาณาจักรแห่งนี้ พวกเขาต้องสังหารสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองทั้งหมด ไม่ปล่อยให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว!


นี่คือภารกิจของพวกเขา!


...


ขณะเดียวกัน ท่ามกลางท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยดวงดารา จักรพรรดินีก็เข้าใกล้อาณาจักรแห่งนี้เช่นเดียวกัน


ลมหายใจของนางแข็งแกร่งมากกว่าตอนก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด นางฟื้นฟูจนกลับมาหายดี ทั้งยังแข็งแกร่งขึ้น


ทว่านางกลับไม่ได้เร่งความเร็วในการเดินทาง ทั้งยังตั้งใจลดความเร็วลงเสียด้วยซ้ำ


นางต้องการจะฟื้นฟูตัวเองให้เต็มที่ก่อนจะเข้าไปยังอาณาจักรแห่งนี้!


ประมุขตระกูลเซียวบอกนางเอาไว้ว่ามหาตระกูลอื่น ๆ ในภพเซียนเองก็มีการเคลื่อนไหวเช่นกัน คาดว่าพวกเขาต่างก็มีแผนการเกี่ยวกับกล่องสี่เหลี่ยมนั้นเหมือนกัน เป็นไปได้มากว่าจะมีคนถูกส่งออกมาค้นหากล่องสี่เหลี่ยม


แม้พลังที่ปกคลุมภพเซียนจะไม่ธรรมดาและน่ากลัวเป็นอย่างมาก มีโอกาสน้อยนิดที่จะสามารถทะลุผ่านไปได้ แต่เรื่องราวทุกอย่างล้วนมีโอกาสเกิดขึ้นได้ บางทีอาจมีคนจากมหาตระกูลอื่น ๆ ออกมาได้


หากไม่อาจฝ่ามาได้ก็แล้วไป แต่หากฝ่าออกมาได้ เมื่อพวกเขาได้พบหน้ากัน จะต้องเกิดการต่อสู้แบบมีฝ่ายหนึ่งต้องตายอย่างแน่นอน!


ภายในจักรวาลหมื่นดาราอันกว้างใหญ่ไพศาล โอกาสที่จะได้เผชิญหน้ากันนั้นน้อยเป็นอย่างยิ่ง ทว่าภายในอาณาจักรแห่งนี้ ทุกสิ่งล้วนกลายเป็นเรื่องยากจะคาดเดา


ดังนั้นนางจึงลดความเร็วลง ต้องการจะฟื้นฟูตนเองให้เต็มทีก่อนเข้าสู่อาณาจักรแห่งนี้


เช่นนั้นแล้ว ไม่ว่านางจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งใดในอาณาจักรแห่งนี้นางก็จะไม่กลัวเกรง เนื่องจากมีพลังพอที่จะจัดการได้


“กี่ปีกันที่ไม่ได้กลับมา ไม่รู้ว่าวันนี้ภายในอาณาจักรจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด”


รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของจักรพรรดินี


สำหรับนางแล้ว ความผูกพันธ์ที่มีต่ออาณาจักรแห่งนี้ลึกซึ้งเป็นอย่างมาก


เพราะนางเกิดและเติบโตขึ้นมาในอาณาจักรแห่งนี้


ภายในอาณาจักรแห่งนี้มีความทรงจำมากมายที่นางทิ้งเอาไว้